บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
|
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) การค้นหาคำว่า วน ผลการค้นหาพบ 31 ตำแหน่ง ดังนี้ :-
๑. อัศวินี (ดาวม้า) มี ๗ ดวง ๒. ภรณี (ดาวก้อนเส้า) มี ๓ ดวง ๓. กฤติกา (ดาวลูกไก่) มี ๘ ดวง ๔. โรหิณี (ดาวคางหมู) มี ๗ ดวง ๕. มฤคศิร (ดาวหัวเนื้อ) มี ๓ ดวง ๖. อารทรา (ดาวตาสำเภา) มี ๑ ดวง ๗. ปุนัพสุ (ดาวสำเภาทอง) มี ๓ ดวง ๘. บุษย (ดาวสมอสำเภา) มี ๕ ดวง ๙. อาศเลษา (ดาวเรือน) มี ๕ ดวง ๑๐. มฆา (ดาวงูผ้า) มี ๕ ดวง ๑๑. บุรพผลคุณี (ดาวงูเมีย) มี ๒ ดวง ๑๒. อุตรผลคุณี (ดาวเพดาน) มี ๒ ดวง ๑๓. หัสต (ดาวศอกคู้) มี ๕ ดวง ๑๔. จิตรา (ดาวตาจระเข้) มี ๑ ดวง ๑๕. สวาติ (ดาวช้างพัง) มี ๕ ดวง ๑๖. วิศาขา (ดาวคันฉัตร) มี ๕ ดวง ๑๗. อนุราธา (ดาวประจำฉัตร) มี ๔ ดวง ๑๘. เชษฐา (ดาวช้างใหญ่) มี ๑๔ ดวง ๑๙. มูลา (ดาวช้างน้อย) มี ๙ ดวง ๒๐. บุรพาษาฒ (ดาวสัปคับช้าง) มี ๓ ดวง ๒๑. อุตราษาฒ (ดาวแตรงอน) มี ๕ ดวง ๒๒. ศรวณะ (ดาวหลักชัย) มี ๓ ดวง ๒๓. ธนิษฐา (ดาวไซ) มี ๔ ดวง ๒๔. ศตภิษัช (ดาวพิมพ์ทอง) มี ๔ ดวง ๒๕. บุรพภัทรบท(ดาวหัวเนื้อทราย) มี ๒ ดวง ๒๖. อุตรภัทรบท (ดาวไม้เท้า) มี ๒ ดวง ๒๗. เรวดี (ดาวปลาตะเพียน) มี ๑๖ ดวง
ธัมมัสสวนะ ก็เขียน
ดู ธรรมสวนะ
๑. ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง ๒. สิ่งที่เคยฟังก็เข้าใจแจ่มแจ้งชัดเจนยิ่งขึ้น ๓. บรรเทาความสงสัยเสียได้ ๔. ทำความเห็นให้ถูกต้องได้ ๕. จิตของเขาย่อมผ่องใส
ปริเทวนาการ ดู ปริเทวะ
1. การฝึกอบรม ตามหลักพระพุทธศาสนา มี ๒ อย่าง คือ ๑. สมถภาวนา ฝึกอบรมจิตให้เกิดความสงบ ๒. วิปัสสนาภาวนา ฝึกอบรมปัญญาให้เกิดความรู้เข้าใจตามเป็นจริง, อีกนัยหนึ่ง จัดเป็น ๒ เหมือนกันคือ ๑. จิตตภาวนา การฝึกอบรมจิตใจให้เจริญงอกงามด้วยคุณธรรม มีความเข้มแข็งมั่นคง เบิกบาน สงบสุขผ่องใส พร้อมด้วยความเพียร สติ และสมาธิ ๒. ปัญญาภาวนา การฝึกอบรมเจริญปัญญา ให้รู้เท่าทันเข้าใจสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง จนมีจิตใจเป็นอิสระ ไม่ถูกครอบงำด้วยกิเลสและความทุกข์ 2. การเจริญสมถกรรมฐานเพื่อให้เกิดสมาธิ มี ๓ ขั้น คือ ๑. บริกรรมภาวนา ภาวนาขั้นตระเตรียม คือกำหนดอารมณ์กรรมฐาน ๒. อุปจารภาวนา ภาวนาขั้นจวนเจียน คือเกิดอุปจารสมาธิ ๓. อัปปนาภาวนา ภาวนาขั้นแน่วแน่ คือเกิดอัปปนาสมาธิเข้าถึงฌาน 3. ในภาษาไทย ความหมายเลือนมาเป็น การท่องบ่นหรือว่าซ้ำๆ ให้ขลัง ก็มี
(ข้อ ๓ ในปธาน ๔)
ความดีที่ทำด้วยการฝึกอบรมจิตใจให้สุขสงบมีคุณธรรม เช่น เมตตากรุณา (จิตตภาวนา) และ ฝึกอบรมเจริญปัญญาให้รู้เท่าทันเข้าใจ สิ่งทั้งหลายตามที่เป็นจริง (ปัญญาภาวนา) ดู ภาวนา (ข้อ ๓ ในบุญกิริยาวัตถุ ๓ และ ๑๐)
ผู้ทำให้จิตใจของผู้นึกถึงเจริญงอกงาม หมายถึง บุคคลที่เมื่อเราจะระลึก คะนึง ใส่ใจถึง ก็ทำให้สบายใจ จิตใจสดชื่น ผ่องใส (ตามปกติ เป็นคุณสมบัติของพระภิกษุ)
เป็นน้องชายคนสุดท้องของพระสารีบุตร บวชอยู่ในสำนักของภิกษุพวกอยู่ป่า (อรัญวาสี) บำเพ็ญสมณธรรมอยู่ในป่าไม้ตะเคียนประมาณ ๓ เดือนเศษ ก็ได้สำเร็จพระอรหัต ได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในทางอยู่ป่า
ดู ภาวนา, วิปัสสนา
ดู ภาวนา
(ข้อ ๒ ในอนุตตริยะ ๖)
(ข้อ ๒ ในวุฑฒิ ๔)
(ข้อ ๓ ในภาวนา ๓)
(ข้อ ๒ ในภาวนา ๓)
ได้แก่ กุฎีที่ภิกษุทั้งหลายตกลงกันแต่ต้นว่า จะทำเป็นกัปปิยกุฎี ในเวลาที่ทำ พอช่วยกันยกเสาหรือตั้งฝาทีแรก ก็ร้องประกาศให้รู้กันว่า กปฺปิยกุฎึ กโรม ๓ หน (แปลว่า เราทั้งหลายทำกัปปิยกุฎี); ดู กัปปิยภูมิ |
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=วน
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=%C7%B9
บันทึก ๒, ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พิมพ์ครั้งที่ ๑๐. พ.ศ. ๒๕๔๖ หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]