ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 0 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 400 อรรถกถาอรรถาธิบาย
เล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 403 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 406 อรรถาธิบายเล่มที่  27 เริ่มข้อที่ 2519
อรรถกถา อารามทูสกชาดก
ว่าด้วย เหตุที่นายอุยยานบาลจะถูกติ

               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ ทักขิณาคีรีชนบท ทรงปรารภบุตรของนายอุยยานบาลคนหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า โยเมสญฺจ สเมตานํ ดังนี้.
               ได้ยินว่า พระศาสดาทรงออกพรรษาแล้ว เสด็จออกจากพระวิหารเชตวัน เสด็จเที่ยวจาริกไปในทักขิณาคีรีชนบท. ครั้งนั้น อุบาสกคนหนึ่งนิมนต์ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ให้ประทับนั่งในสวน ให้ทรงอิ่มหนำด้วยยาคูและของควรเคี้ยวทั้งหลาย จึงกล่าวว่า พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายประสงค์จะเที่ยวไปในสวน ขอจงเที่ยวไปกับนายอุยยานบาลผู้นี้ แล้วสั่งนายอุยยานบาลว่า ท่านพึงถวายผลไม้น้อยใหญ่ในสวนแก่พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย. ภิกษุทั้งหลายเดินเที่ยวไปเห็นที่เป็นหลุมแห่งหนึ่ง จึงถามว่า ที่นี้เป็นหลุมไม่มีต้นไม้งอกขึ้น เป็นเพราะเหตุไรหนอ? ลำดับนั้น นายอุยยานบาลจึงบอกแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ได้ยินว่า มีบุตรของนายอุยยานบาลคนหนึ่ง เมื่อจะรดน้ำต้นไม้ที่ปลูกใหม่ คิดว่า จักรดน้ำโดยเอารากเป็นประมาณ จึงถอนขึ้นมาแล้วรดน้ำเฉพาะราก ด้วยเหตุนั้น ที่นั้นจึงเป็นหลุม. ภิกษุทั้งหลายมาเฝ้าพระศาสดาแล้วกราบทูลเนื้อความนั้นให้ทรงทราบ.
               พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน กุมารนั้นก็เป็นผู้ทำลายอาราม ภิกษุเหล่านั้นทูลอ้อนวอน จึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
               ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าวิสสเสนะครองราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี เมื่อเขาป่าวประกาศการเล่นมหรสพ นายอุยยานบาลคิดว่าจักเล่นมหรสพ จึงบอกลิงทั้งหลายที่อยู่ในสวนว่า สวนนี้มีอุปการะมากแก่พวกเจ้า เราจักเล่นมหรสพ ๗ วัน พวกเจ้าจงรดน้ำต้นไม้ที่ปลูกใหม่ตลอด ๗ วัน. พวกลิงรับคำว่าได้. นายอุยยานบาลจึงมอบกระออมหนังให้แก่ลิงเหล่านั้นแล้วก็จากไป. ลิงทั้งหลายเมื่อจะรดน้ำ จึงรดน้ำที่ต้นไม้ซึ่งปลูกใหม่ๆ.
               ลำดับนั้น ลิงจ่าฝูงได้กล่าวกะลิงเหล่านั้นว่า พวกท่านจงรอก่อน ธรรมดาว่าน้ำมิใช่จะหาได้ง่ายตลอดทุกเวลา น้ำนั้นควรจะรักษา ควรที่พวกเราจะถอนต้นไม้ที่ปลูกใหม่ รู้ขนาดประมาณของรากแล้ว ต้นที่มีรากยาวรดให้มาก ต้นที่มีรากสั้นรดแต่น้อย. ลิงเหล่านั้นพากันรับคำว่าดีละ บางพวกเดินถอนต้นไม้ที่ปลูกใหม่ บางพวกปลูกแล้วรดน้ำ.
               ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์ได้เป็นบุตรของตระกูลหนึ่งในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้ไปสวนด้วยกรณียกิจบางอย่าง เห็นลิงเหล่านั้นกระทำอยู่อย่างนั้น จึงถามว่า ใครให้พวกเจ้ากระทำอย่างนี้ เมื่อพวกลิงตอบว่า หัวหน้าวานร จึงกล่าวว่า ปัญญาแห่งหัวหน้าของพวกเจ้า ยังเท่านี้ก่อน ส่วนปัญญาของพวกเจ้าจักเป็นเช่นไร
               เมื่อจะประกาศเนื้อความนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :-

               ลิงตัวใดสมมติกันว่า เป็นใหญ่กว่าฝูงลิงเหล่านี้ ปัญญาของลิงตัวนั้นมีอยู่เพียงอย่างนี้เท่านั้น ฝูงลิงที่เป็นบริวารนอกนี้ จะมีปัญญาอะไร.


               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โยเมสญฺจ สเมตานํ ความว่า ลิงตัวใดได้เป็นผู้รับสมมติว่าประเสริฐสุดกว่าลิงเหล่านี้ คือกว่าลิงแม้ทั้งหมดผู้มีชาติกำเนิดเสมอกัน. บทว่า กิเมว อิตรา ปชา ความว่า ปัญญาของลิงที่ต่ำทรามนอกนี้ ในบรรดาลิงเหล่านั้นจะเป็นเช่นไรหนอ.

               วานรทั้งหลายได้ฟังถ้อยคำของพระโพธิสัตว์นั้นแล้ว จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-

               ข้าแต่ท่านผู้ประเสริฐ ท่านยังไม่รู้อะไร ไฉนจึงด่วนมาติเตียนเราต่างๆ อย่างนี้เล่า เรายังไม่เห็นรากไม้แล้ว จะพึงรู้ต้นไม้ว่ารากหยั่งลงไปลึกได้อย่างไรเล่า.


               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า พฺรหฺเม เป็นเพียงอาลปนะ คือคำร้องเรียก. ในคาถานี้ มีความสังเขปดังต่อไปนี้ ดูก่อนบุรุษผู้เจริญ ท่านยังไม่รู้เหตุและไม่ใช่เหตุด้วยประการใด มาด่วนติเตียนพวกเราโดยประการนั้นทันที ใครๆ ยังไม่ถอนรากแล้ว จะอาจรู้ได้อย่างไรว่า ชื่อว่าต้นไม้ต้นนี้หยั่งรากลงไปลึกหรือหาไม่ ด้วยเหตุนั้น พวกเราจึงให้ถอนขึ้นแล้วจึงรดน้ำตามประมาณของราก.

               พระโพธิสัตว์ได้ฟังดังนั้นจึงกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :-

               เราไม่ติเตียนเจ้าทั้งหลาย เพราะพวกเจ้าก็เป็นแต่ลิงไพรอาศัยอยู่ในป่า แต่คนเช่นพวกเจ้าปลูกต้นไม้ เพื่อประโยชน์แก่พระราชาองค์ใด พระราชาองค์นั้น คือพระเจ้าวิสสเสนะ จะพึงถูกติเตียนได้.


               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วิสฺสเสโน จ คารยฺโห ความว่า ก็ในกาลปลูกต้นไม้นี้ พระเจ้าพาราณสีพระนามว่าวิสสเสนะ จะพึงถูกติเตียน. บทว่า ยสฺสตฺถา รุกฺขโรปกา ความว่า คนทั้งหลายเช่นพวกเจ้าเป็นผู้ปลูกต้นไม้ เพื่อประโยชน์แก่พระราชาใด.

               พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
               หัวหน้าวานรในกาลนั้น ได้เป็น กุมารผู้ทำลายต้นไม้ในสวนในบัดนี้
               ส่วนบุรุษผู้เป็นบัณฑิตในกาลนั้น ได้เป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.

               จบ อรรถกถาอารามทูสกชาดกที่ ๘

.. อรรถกถา อารามทูสกชาดก ว่าด้วย เหตุที่นายอุยยานบาลจะถูกติ จบ.
อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 0 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 400 อรรถกถาอรรถาธิบาย
เล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 403 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 406 อรรถาธิบายเล่มที่  27 เริ่มข้อที่ 2519
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=27&A=2193&Z=2204
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=38&A=1853
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=38&A=1853
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๑๒  มิถุนายน  พ.ศ.  ๒๕๔๘
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :