ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 26 / 1อ่านอรรถกถา 26 / 205อรรถกถา เล่มที่ 26 ข้อ 206อ่านอรรถกถา 26 / 207อ่านอรรถกถา 26 / 474
อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา เอกกนิบาต วรรคที่ ๗
๙. ฉันนเถรคาถา

               อรรถกถาฉันนเถรคาถา               
               คาถาของท่านพระฉันนเถระ เริ่มต้นว่า สุตฺวาน ธมฺมํ มหโต มหารสํ.
               เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร?
               แม้พระเถระนี้ก็มีอธิการอันกระทำไว้แล้วในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้ในภพนั้นๆ เกิดในเรือนแห่งตระกูล ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าสิทธัตถะ ถึงความเป็นผู้รู้แล้ว ในวันหนึ่ง เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าสิทธัตถะ เข้าไปสู่โคนต้นไม้ต้นหนึ่ง มีจิตเลื่อมใสได้ปูอาสนะที่ลาดด้วยใบไม้ มีสัมผัสอันอ่อนนุ่มถวาย และโรยด้วยดอกไม้รอบๆ ทำการบูชา.
               ด้วยบุญกรรมนั้น เขาบังเกิดในเทวโลก กระทำบุญแม้อื่นอีกเป็นอันมาก ท่องเที่ยวอยู่ในสุคติภพนั่นแหละ เกิดในท้องของนางทาสีในพระราชวังของพระเจ้าสุทโธทนมหาราช ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลาย ได้มีนามว่าฉันนะ เป็นสหชาตกับพระโพธิสัตว์.
               นายฉันนะได้มีศรัทธาจิต ในสมาคมแห่งพระญาติของพระบรมศาสดา บวชแล้วด้วยความจงรักในพระผู้มีพระภาคเจ้า เกิดการถือตัว (มมังการ) ขึ้นว่าพระพุทธเจ้าของเรา พระธรรมของเรา ไม่สามารถจะตัดสิเนหาได้ ไม่บำเพ็ญสมณธรรม.
               เมื่อพระศาสดาเสด็จปรินิพพานแล้ว ถูกคุกคามด้วยพรหมทัณฑ์อันพระศาสดาทรงกระทำโดยวิธีนัดหมาย ถึงความสลดใจ ตัดสิเนหาออกได้ พิจารณาเห็นแจ้ง บรรลุพระอรหัต โดยกาลไม่นานนัก.
               สมดังคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า
               เราได้ถวายอาสนะที่ลาดด้วยใบไม้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าสิทธัตถะ และได้เอาดอกโกสุมที่นำมาโปรยลงโดยรอบ เราได้เสวยห้องอันน่ารื่นรมย์ มีค่ามากในปราสาท ดอกไม้มีค่ามากตกลงบนที่นอนของเรา เรานอนบนที่นอนอันงดงามลาดด้วยดอกไม้ และฝนดอกไม้ตกลงบนที่นอนของเราในกาลนั้น
               ในกัปที่ ๙๔ แต่ภัทรกัปนี้ เราถวายอาสนะที่ลาดด้วยใบไม้ใด ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายเครื่องลาด เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ พระองค์พระนามว่าติณสันถกะ เป็นจอมคนอุบัติแล้ว ในกัปที่ ๕ แต่ภัทรกัปนี้. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เรากระทำสำเร็จแล้ว ดังนี้.
               ก็พระเถระครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว เป็นผู้เอิบอิ่มไปด้วยวิมุตติสุข.
               เมื่อจะเปล่งอุทาน ระบายกำลังแห่งปีติ ได้กล่าวคาถาว่า
                         เราฟังธรรมมีรสอันประเสริฐของพระผู้มีพระภาคเจ้า
                         ผู้เป็นมหาสมณะ ได้ดำเนินไปสู่ทางอันพระพุทธเจ้า
                         ผู้มีพระญาณอันประเสริฐ ด้วยพระสัพพัญญุตญาณ
                         ทรงแสดงไว้แล้วเพื่อบรรลุอมตธรรม พระผู้มีพระภาค
                         เจ้าพระองค์นั้นทรงเป็นผู้ฉลาดในทางอันเกษมจาก
                         โยคะ ดังนี้.

               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สุตฺวาน แปลว่า ฟังแล้ว ได้แก่เงี่ยโสตลงสดับ ตามคลื่นเสียงเข้าไปทรงไว้โดยสมควรแก่โสตทวาร.
               บทว่า ธมฺมํ ได้แก่ อริยสัจจธรรมทั้ง ๔.
               บทว่า มหโต ได้แก่ พระผู้มีพระภาคเจ้า.
               แท้จริง พระผู้มีพระภาคเจ้า ชาวโลกขนานพระนามว่ามหา ผู้ยิ่งใหญ่ เพราะประกอบด้วยคุณมีศีลเป็นต้นอันยิ่งใหญ่คือโอฬารที่สุด และเพราะเป็นผู้อันชาวโลกพร้อมทั้งเทวโลกควรบูชา เป็นเหตุให้พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นเกิดสมัญญาพระนามว่า พระมหาสมณะ.
               ก็บทว่า มหโต ธมฺมํ สุตฺวาน นี้เป็นฉัฏฐีวิภัตติ.
               บทว่า มหารสํ ความว่า ชื่อว่ามีรสโอฬาร เพราะเป็นธรรมที่ให้วิมุตติรส.
               บทว่า สพฺพญฺญุตญาณวเรน เทสิตํ ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าสัพพัญญู เพราะทรงรู้ซึ่งธรรมทั้งปวง ความมีแห่งพระสัพพัญญูนั้น ชื่อว่าสัพพัญญุตา พระญาณนั่นแหละประเสริฐ หรือประเสริฐในพระญาณ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าญาณวร พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าสัพพัญญุตญาณวระ เพราะพระองค์ทรงมีพระญาณอันประเสริฐ.
               ประกอบความว่า ฟังธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้มีพระญาณอันเลิศ กล่าวคือ พระสัพพัญญุตญาณนั้นทรงแสดงแล้ว คือตรัสแล้ว หรือทรงแสดงเพราะมีเหตุ.
               ก็คำใดที่ควรกล่าวในอธิการนี้ คำนั้นพึงทราบโดยนัยดังกล่าวแล้ว ในอรรถกถาอิติวุตตกะ ชื่อว่า ปรมัตถทีปนี.
               บทว่า มคฺคํ ได้แก่ อริยมรรค ประกอบด้วยองค์ ๘.
               บทว่า ปปชฺชึ แปลว่า ดำเนินไปแล้ว.
               บทว่า อมตสฺส ปตฺติยา ประกอบความว่า ดำเนินไปสู่ทางอันเป็นอุบายแห่งการบรรลุพระนิพพาน.
               บทว่า โส แก้เป็น โส ภควา แปลว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น.
               บทว่า โยคกฺเขมสฺส ปถสฺส โกวิโท ความว่า เป็นผู้ฉลาดในทางแห่งพระนิพพานอันโยคะทั้ง ๔ ไม่ประทุษร้ายแล้วนั้น คือเป็นผู้ฉลาดด้วยดีในทางแห่งพระนิพพานนั้น.
               ก็ในบาทคาถาว่า โยคกฺเขมสฺส ปถสฺส โกวิโท นี้ มีอธิบายว่า เราฟังการแสดงอริยสัจ ๔ ของพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วดำเนินไปสู่ทางอันเป็นอุบายเครื่องบรรลุอมตธรรม คือเราทำแนวทางแห่งข้อปฏิบัติ ได้แก่แม้เราเองก็อาศัยวิธีการของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นแหละ ผู้ฉลาดในทางอันเป็นแดนเกษมจากโยคะโดยประการทั้งปวง คือฉลาดในสันดานของผู้อื่น หรือฉลาดในการฝึกใจผู้อื่นดำเนินไปตรงทาง.
               ก็คาถานี้แหละได้เป็นคาถาพยากรณ์พระอรหัตผลของพระเถระ.

               จบอรรถกถาฉันนเถรคาถา               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา เอกกนิบาต วรรคที่ ๗ ๙. ฉันนเถรคาถา จบ.
อ่านอรรถกถา 26 / 1อ่านอรรถกถา 26 / 205อรรถกถา เล่มที่ 26 ข้อ 206อ่านอรรถกถา 26 / 207อ่านอรรถกถา 26 / 474
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=26&A=5371&Z=5376
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=32&A=5377
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=32&A=5377
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๒๓  มกราคม  พ.ศ.  ๒๕๕๐
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :