ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 25 / 1อ่านอรรถกถา 25 / 287อรรถกถา เล่มที่ 25 ข้อ 288อ่านอรรถกถา 25 / 289อ่านอรรถกถา 25 / 440
อรรถกถา ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ จตุกกนิบาต
กุหนาสูตร

               อรรถกถากุหนาสูตร               
               ในกุหนาสูตรที่ ๙ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
               บทว่า กุหา ได้แก่ เป็นผู้หลอกลวงด้วยเครื่องหลอกลวงมีการร่ายมนต์เป็นต้น. อธิบายว่า เป็นผู้ทำการลวง เพื่อต้องการประกาศคุณความดีที่ตนไม่มีแล้วให้ผู้อื่นสนเท่ห์.
               บทว่า ถทฺธา ความว่า เป็นผู้มีใจกระด้าง เพราะความโกรธและมานะ คือเป็นผู้ไม่ทำความยำเกรงอย่างยิ่งในครูทั้งหลายผู้ควรทำความเคารพ ไม่อ่อนน้อม เที่ยวไปมาเหมือนกลืนซี่เหล็กเข้าไปแล้วยืนแข็งทื่ออยู่ฉะนั้น.
               เพราะความโกรธ ที่ตรัสไว้แล้วอย่างนี้ว่า๑- คนมักโกรธเป็นผู้มากด้วยความแค้นใจ ถูกว่าแม้นิดเดียวก็ข้อจงใจ โกรธ พยาบาท แผ่อำนาจไปดังนี้ด้วย.
               เพราะความเป็นผู้ว่ายาก ที่ตรัสไว้แล้วอย่างนี้ว่า๒- คนว่ายากเป็นผู้ประกอบด้วยธรรมที่ทำให้ว่ายาก ไม่อดทน ไม่รับเอาอนุสาสนีด้วยความเคารพดังนี้ด้วย.
               เพราะความเมาแยกออกเป็นความเมาในชาติเป็นต้น ที่ตรัสไว้แล้วอย่างนี้ว่า๓- ความเมาในชาติ ความเมาในโคตร ความเมาเพศ ความเมาในความไม่มีโรค ความเมาในความหนุ่มสาว (และ) ความเมาในชีวิตดังนี้ด้วย.
____________________________
๑- องฺ. ติก. เล่ม ๒๐/ข้อ ๔๖๔   อภิ. ปุ. เล่ม ๓๖/ข้อ ๘๙
๒- ม. มู. เล่ม ๑๒/ข้อ ๒๒๒
๓- อภิ. วิ. เล่ม ๓๕/ข้อ ๘๔๙

               บทว่า ลปา ความว่า เป็นผู้ประจบประแจง คือเป็นผู้สงเคราะห์ตระกูลด้วยอำนาจมิจฉาชีพ.
               อีกอย่างหนึ่ง อธิบายว่า เป็นผู้พูดเพื่อปัจจัยด้วยสามารถถ้อยคำที่ประดิษฐ์ประดอยแล้ว และด้วยสามารถแห่งอุบายโกง.
               บทว่า สิงฺคี ความว่า วาจาที่ประกอบด้วยกิเลสที่เด่นชัด เช่นกับเขาสัตว์ที่ตรัสไว้อย่างนี้ว่า คำพูดดุจเขาสัตว์ เป็นไฉน.
               การพูด มีแง่งอน ภาวะที่พูดแง่งอน การพูดเป็นสี่เหลี่ยมสี่คม กิริยาที่พูดเป็นสี่เหลี่ยมสี่คม การพูดมีเหลี่ยมมีคู ภาวะที่พูดมีเหลี่ยมมีคู อันใด
               นี้เรียกว่าคำพูดดุจเขาสัตว์๔- (มีแง่งอน).
____________________________
๔- ปาฐะว่า จาตุริยํ ปาริกฺกติยํ แต่ในขุททกวัตถุวิภังค์ อภิธรรม จาตุริยํ ปริกฺขตฺตา ปาริกฺขติยํ จึงแปลตามบาลีในอภิธรรม.
อภิ. วิ. เล่ม ๓๕/ข้อ ๘๔๙

               บทว่า อนฺนฬา ความว่า ผู้เป็นเหมือนไม้อ้อที่ชูขึ้น คือเที่ยวไปยกตนที่มีใจว่างเปล่าจากคุณวิเศษ คล้ายไม้อ้อที่ชูขึ้นมาอ้าง.
               บทว่า อสมาหิตา ความว่า เป็นผู้ไม่ได้ แม้เพียงเอกัคคตาจิต.
               บทว่า น เม เต ภิกฺขเว ภิกฺขู มามกา ความว่า ภิกษุของเราตถาคตเหล่านั้น ไม่ใช่เป็นคนของเราตถาคต พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสคำว่า มยฺหํ (ของเราตถาคต) นี้ เพราะภิกษุเหล่านั้นบวชอุทิศพระองค์ แต่เพราะเหตุที่ภิกษุเหล่านั้นไม่ปฏิบัติชอบโดยประกอบการหลอกลวงเป็นต้น ฉะนั้น พระองค์จึงไม่ตรัสเรียกว่า มามกะ (เป็นคนของเราตถาคต).
               ด้วยบทว่า อปคตา พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า ถึงแม้ว่า ภิกษุเหล่านั้นบวชแล้วในศาสนาของเราตถาคต แต่เพราะไม่ปฏิบัติตามที่เราตถาคตสอน จึงเท่ากับไปแล้วจากพระธรรมวินัยนี้นั่นเอง คือ ภิกษุเหล่านั้นชื่อว่าอยู่ไกลแสนไกลจากศาสนานี้.
               สมจริงดังที่ตรัสคำนี้ไว้ว่า๕-
                                   ท้องฟ้ากับพื้นปฐพี นักปราชญ์กล่าวว่าอยู่ไกลกัน
                         และฝั่งมหาสมุทร (ทั้ง ๒) นักปราชญ์ก็กล่าวว่าอยู่ไกลกัน
                         ข้าแต่พระราชา แต่ธรรมของสัตบุรุษกับของอสัตบุรุษ
                         นักปราชญ์กล่าวว่าไกลกันยิ่งกว่านั้นเสียอีก.

____________________________
๕- องฺ. จตุกฺก. เล่ม ๒๑/ข้อ ๔๗   ขุ. ชา. เล่ม ๒๘/ข้อ ๓๖๓

               บทว่า วุฑฺฒึ วิรุฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชติ ความว่า และภิกษุเหล่านั้นผู้มีสภาพหลอกลวงเป็นต้น จะไม่เข้าถึง. อธิบายว่า ไม่ประสบซึ่งความเจริญตามอำนาจของความเจริญด้วยคุณความดีมีศีลเป็นต้น ซึ่งความงอกงามตามสภาพด้วยความไม่หวั่นไหว อยู่ในคุณความดีมีศีลเป็นต้นนั้น ซึ่งความไพบูลย์ด้วยความบริบูรณ์ด้วยธรรมขันธ์มีศีลเป็นต้น โดยความแผ่ไปในที่ทุกแห่ง.
               บทว่า เต จ โข เม ภิกฺขเว ภิกฺขู มามกา ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย แม้นอกนี้ว่า เม (ของเราตถาคต) เพราะบวชอุทิศพระองค์.
               อนึ่ง ตรัสเรียกว่า มามกะ (เป็นคนของเราตถาคต) เพราะเป็นผู้ปฏิบัติชอบแล้ว.
               ธรรมฝ่ายขาวพึงทราบโดยบรรยายที่ผิดไปจากที่กล่าวมาแล้ว ภิกษุเหล่านั้นชื่อว่างอกงามอยู่ในธรรมมีศีลเป็นต้นนั้นจนถึงอรหัตมรรค. แต่เมื่อบรรลุอรหัตผลแล้ว จึงจะชื่อว่าถึงความงอกงามไพบูลย์.
               คาถาเข้าใจง่ายอยู่แล้ว.

               จบอรรถกถากุหนาสูตรที่ ๙               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ จตุกกนิบาต กุหนาสูตร จบ.
อ่านอรรถกถา 25 / 1อ่านอรรถกถา 25 / 287อรรถกถา เล่มที่ 25 ข้อ 288อ่านอรรถกถา 25 / 289อ่านอรรถกถา 25 / 440
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=6678&Z=6693
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=27&A=8574
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=27&A=8574
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๓๑  มีนาคม  พ.ศ.  ๒๕๔๙
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :