ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 

อ่านชาดก 270000อ่านชาดก 270778อรรถกถาชาดก 270783
เล่มที่ 27 ข้อ 783อ่านชาดก 270788อ่านชาดก 272519
อรรถกถา สาลิยชาดก
ว่าด้วย ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภคำว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย พระเทวทัตไม่อาจเพื่อแม้จะกระทำความสะดุ้งแก่พระพุทธองค์ได้ จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า ยฺวายํ สาลิยจฺฉาโป ดังนี้.
จริงอยู่ ในครั้งนั้น พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่บัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน พระเทวทัตนี้ก็ไม่อาจเป็นผู้แม้จะกระทำความสะดุ้งแก่เราได้ แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้:-
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้บังเกิดในตระกูลกฎุมพีในหมู่บ้าน ในคราวมีอายุยังน้อย เล่นอยู่ที่โคนต้นไทร ใกล้ประตูบ้านกับพวกเด็กที่เล่นฝุ่นกัน.
ครั้งนั้น มีหมอทุรพลคนหนึ่งไม่ได้การงานอะไรในบ้าน จึงออกไปถึงที่นั้น เห็นงูตัวหนึ่งนอนหลับโผล่หัวออกมาจากระหว่างค่าคบไม้ จึงคิดว่า เราไม่ได้อะไรในบ้าน เราจักลวงเด็กพวกนี้ให้งูกัดแล้วเยียวยารักษา คงจะได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งทีเดียว จึงได้กล่าวกะพระโพธิสัตว์ว่า ถ้าเธอจะพบลูกนกสาลิกา เธอจะจับเอาไหม.
พระโพธิสัตว์กล่าวว่า จ้ะ ฉันจะจับเอา.
หมอกล่าวว่า จงดูนั่นลูกนกสาลิกา มันนอนอยู่ระหว่างค่าคบไม้. พระโพธิสัตว์นั้นไม่รู้ว่านั้นเป็นงู จึงขึ้นไปยังต้นไม้ จับที่คอมัน พอรู้ว่าเป็นงูจึงไม่ให้มันหดเข้าไป จับไว้มั่นแล้วรีบเหวี่ยงไป. งูนั้นปลิวไปตกลงที่คอหมอ รัดคออยู่กัดเสียงดังกรุ๊บๆ ทำให้หมอนั้นล้มลงตรงที่นั้น แล้วเลื้อยหนีไป คนทั้งหลายพากันห้อมล้อม.
พระมหาสัตว์ เมื่อจะแสดงธรรมแก่บริษัทผู้ประชุมพร้อมกันอยู่ จึงได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า :-
ผู้ใดลวงให้เราจับงูเห่าว่า นี่ลูกนกสาลิกา ผู้นั้นตามพร่ำสอนสิ่งที่ลามก ถูกงูนั้นกัดตายแล้ว.
คนใดปรารถนาจะฆ่าบุคคลผู้ไม่ฆ่าเอง และผู้ไม่ใช้ให้คนอื่นฆ่าตน คนนั้นถูกฆ่าแล้ว นอนตายอยู่ เหมือนกับบุรุษผู้ถูกงูกัดตายแล้วฉะนั้น.
คนใดปรารถนาจะฆ่าบุคคลผู้ไม่เบียดเบียนตน และไม่ฆ่าตน คนนั้นถูกฆ่าแล้วนอนตายอยู่ เหมือนกับบุรุษผู้ถูกงูกัดตายแล้วฉะนั้น.
บุรุษผู้กำฝุ่นไว้ในมือ พึงซัดฝุ่นไปในที่ทวนลม ละอองฝุ่นนั้นย่อมหวนกลับมา กระทบบุรุษนั้นเอง เหมือนบุรุษผู้ถูกงูกัดตายแล้วฉะนั้น.
ผู้ใดประทุษร้ายคนผู้ไม่ประทุษร้าย เป็นคนบริสุทธิ์ ไม่มีความผิดเลย บาปย่อมกลับมาถึงคนพาลนั้นเอง เหมือนกับละอองละเอียดที่บุคคลซัดไปทวนลมฉะนั้น.


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยฺวายํ ตัดเป็น โย อยํ. อีกอย่างหนึ่ง บาลีก็อย่างนี้เหมือนกัน.
บทว่า สปฺเปนยํ ความว่า ผู้นี้ใด ถูกงูนั้นกัดแล้ว.
บทว่า ปาปานุสาสโก แปลว่า ผู้พร่ำสอนสิ่งที่ลามก.
บทว่า อหนฺตรํ แปลว่า ผู้ไม่ฆ่าเอง.
บทว่า อหนฺตารํ แปลว่า ผู้ไม่ให้คนอื่นฆ่า.
บทว่า เสติ ได้แก่ ย่อมนอนตาย.
บทว่า อฆาเตนฺตํ แปลว่า ไม่ใช้ให้คนอื่นฆ่า.
บทว่า สุทฺธสฺส ได้แก่ ผู้ไม่มีความผิด.
บทว่า โปสสฺส ได้แก่ สัตว์.
แม้คำนี้ว่า อนงฺคณสฺส ท่านกล่าวหมายเอาความเป็นผู้ไม่มีความผิดเหมือนกัน.
บทว่า ปจฺเจติ ความว่า ย่อมกลับถึงเป็นสิ่งที่เห็นสมกับกรรม.

พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า
หมอทุรพลในครั้งนั้น ได้เป็น พระเทวทัต
ส่วนเด็กที่เป็นบัณฑิต คือ เราตถาคต ฉะนี้แล.

จบ อรรถกถาสาลิยชาดกที่ ๗
-----------------------------------------------------

.. อรรถกถา สาลิยชาดก จบ.
อ่านชาดก 270000อ่านชาดก 270778อรรถกถาชาดก 270783
เล่มที่ 27 ข้อ 783อ่านชาดก 270788อ่านชาดก 272519
อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก
http://84000.org/tipitaka/atita100/v.php?B=27&A=3649&Z=3662
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด พระไตรปิฎกฉบับธรรมทาน
บันทึก  ๒๗  มิถุนายน  พ.ศ.  ๒๕๔๘
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]