บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ทิฏฐิของพระยมกะ แต่เพราะพระยมกะนั้นได้มีความคิดว่า สัตว์ขาดศูนย์ สัตว์พินาศ ฉะนั้น ความคิดนั้นจึงเป็นทิฏฐิ. บทว่า ถามสา ปรามาสา ความว่า ด้วยพลังของทิฏฐิ และด้วยการลูบ บทว่า เยนายสฺมา สารีปุตฺโต ความว่า เมื่อปัจจันตชนบทเกิดจลาจล เจ้าหน้า พระสารีบุตรสอนพระยมกะ ____________________________ ๑- บาลีเป็น เอวํ ขฺวาหํ ในตอนนี้ พระสารีบุตรได้กล่าวอุปมาเปรียบเทียบไว้ดังนี้ว่า ดูก่อนผู้มีอายุ ท่านสำคัญ พระเถระได้ฟังคำของพระยมกะนั้นดังนี้แล้ว คิดว่า ภิกษุนี้ไม่เห็นโทษในลัทธิของตน เราจักทำโทษนั้นให้ปรากฏแก่เธอด้วยการ ถามว่า เพราะเหตุไร พระสารีบุตรจึงเริ่มคำนี้ไว้ว่า ดูก่อนยมกะผู้มีอายุ ท่าน ตอบว่า เริ่มไว้เพื่อให้บรรลุธรรมเนียมการซักถาม. เพราะว่า พระเถระสำเร็จเป็นพระโสดาบัน ในเวลาจบเทศนามีปริวัฏ ๓. เวลานั้น พระสารีบุตรกล่าวคำว่า ท่านสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เป็นต้นไว้ก็เพื่อให้พระยมกะนั้นได้บรรลุถึงธรรมเนียมในการซักถาม. บทว่า ตถาคโต คือ สตฺโต (แปลว่า สัตว์). พระสารีบุตรเถระประมวล (รวบรวม) ขันธ์ ๕ เหล่านี้ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มาแล้วถามว่า ท่านพิจารณาเห็นขันธ์ ๕ เหล่านี้ว่าเป็นสัตว์หรือ? รูปประโยคว่า เอตฺถ จ เต อาวุโส นี้ เป็นสัตตมีวิภัตติแสดงถึงการซักถามของพระเถระ. มีคำอธิบายดังนี้ว่า ก็เมื่อในปัจจุบันท่านยังหาสัตว์ไม่ได้ ตามความเป็นจริง ตามสภาพที่ถ่องแท้ในที่นี้ คือในฐานะมี พระสารีบุตร (เถระ) ประสงค์จะให้พระยมกะพยากรณ์ความเป็นพระอรหันต์ จึงถามคำถามนี้ว่า สเจ ตํ อาวุโส ดังนี้เป็นต้น. บทว่า ยํ ทุกฺขํ ตํ นิรุทฺธํ ความว่า สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นแลดับไปแล้ว ไม่มีสัตว์ที่จะชื่อว่าดับต่างหาก ข้าพเจ้าพึงพยากรณ์อย่างนี้. บทว่า เอตสฺเสว อตฺถสฺส ความว่า ปฐมมรรค (โสดาปัตติมรรค) นั้น อย่างนี้. บทว่า ภิยฺโยโสมตฺตาย ญาณาย ความว่า เพื่อประโยชน์แก่ญาณมี อธิบายว่า เพื่อประโยชน์แก่การทำมรรค ๓ ชั้นสูง พร้อมทั้งวิปัสสนาให้แจ่มแจ้ง. บทว่า อารกฺขสมฺปนฺโน คือ ถึงพร้อมด้วยการอารักขาภายในและ บทว่า อโยคกฺเขมกาโม คือ ไม่ปรารถนาความเกษม (ปลอดภัย) จากโยคะ ๔. บทว่า ปสยฺห คือ ข่มขู่ ได้แก่ข่มขี่. บทว่า อนุปขชฺช คือ ลักลอบเข้าไป. ในบทว่า ปุพฺพุฏฺฐายี เป็นต้น พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :- บุรุษที่ชื่อว่า ปุพฺพุฏฺฐายี เพราะหมายความว่า เห็นคหบดีหรือบุตรคหบดี มาแต่ไกลก็ลุกจากที่นั่งก่อน. ที่ชื่อว่า ปจฺฉานิปาตี เพราะหมายความว่า ให้ที่นั่งแก่คหบดีหรือบุตร (อีกอย่างหนึ่ง) บุรุษนั้นตื่นขึ้นแต่เช้าตรู่ แล้วจัดแจงว่า พวกเจ้าจำนวนเท่านี้จงไปไถนา จำนวนเท่านี้จงไปหว่าน ดังนี้ชื่อว่าลุกขึ้นก่อนใครหมด เพราะเหตุนั้นจึงชื่อว่า ปุพฺพุฏฺฐายี. บุรุษนี้นั้น ชื่อว่า ปุจฺฉานิปาตี เพราะเมื่อคนงานทั้งหมดกลับไปยังที่อยู่ของตนๆ แล้ว (ตนเอง) ก็ยังจัดการอารักขารอบเรือน ปิดประตูนอนทีหลังเขาหมด. ที่ชื่อว่า กึการปฏิสาวี เพราะหมายความว่า มองดูหน้าคหบดีหรือบุตร ____________________________ ๒- ปาฐะว่า กึ ฉบับพม่าเป็น กึ การํ แปลตามฉบับพม่า. ที่ชื่อว่า มนาปจารี เพราะหมายความว่า ประพฤติสิ่งที่ถูกใจ. ที่ชื่อว่า ปิยวาที เพราะหมายความว่า พูดวาจาที่น่ารัก. บทว่า มิตฺตโตปิ นํ ทเหยฺย ความว่า (คหบดีหรือบุตรคหบดี) พึงเชื่อว่า บุรุษนี้เป็นมิตรของเรา. บทว่า วิสฺสาสํ อาปชฺเชยฺย ความว่า (คหบดีหรือบุตรคหบดี) พึงทำกิจทั้งหลายมีดื่มกินร่วมกันเป็นต้น จึงเป็นผู้คุ้นเคยกัน. บทว่า สํวิสฺสฏฺโฐ แปลว่า คุ้นเคยกันดี. อุปมาเปรียบเทียบ พาลปุถุชนผู้มิได้สดับ (ธรรมของพระอริยะ) ในเวลาที่อาศัยวัฏฏะ (ยังเวียนว่ายตายเกิด) เปรียบเหมือนบุตรคหบดีผู้โง่เขลา. เบญจขันธ์ไม่มีกำลังทุรพล (ทรุดโทรม, เกิด เบญจขันธ์ซึ่งเข้าถึงในขณะปฏิสนธิ เปรียบเหมือนเวลาที่ศัตรูผู้คอยดักสังหารเข้าไปหาด้วยหวังว่า จักรับใช้บุตรคหบดีผู้โง่. เวลาที่ปุถุชนผู้อาศัยวัฏฏะไม่ยึดถือเบญจขันธ์ว่า เหล่านี้เป็นของเรา (แต่ เวลาที่ปุถุชนผู้อาศัยวัฏฏะยึดถือ (เบญจขันธ์) ว่าเหล่านี้ของเราแล้วทำสักการะ (ปรนนิบัติ) เบญจ การที่พาลปุถุชนผู้คุ้นเคยแล้ว สิ้นชีวิตเพราะขันธ์แตกในขณะจุติ พึงทราบว่าเปรียบเหมือนการที่ศัตรูผู้คอยดักสังหาร ทราบว่าคหบดีหรือบุตรคหบดีกับเราคุ้นเคยกันมากแล้ว ทำสักการะพลางเอาดาบตัดศีรษะ (ของ บทว่า อุเปติ แปลว่า เข้าใกล้. บทว่า อุปาทิยติ แปลว่า ยึดถือ. บทว่า อธิฏฺฐาติ แปลว่า ตั้งมั่น. บทว่า อตฺตา เม ความว่า นี้เป็นอัตตาของเรา. บทว่า สุตวา จ โข อาวุโส อริยสาวโก ความว่า บุตรคหบดีผู้เป็นบัณฑิตรู้จักศัตรูผู้เข้าใกล้อย่างนี้ว่า ผู้นี้เป็นศัตรูของเรา แล้วไม่ประมาท ใช้ศัตรูให้ทำงานชนิดนั้นๆ หลบหลีกสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ย่อมได้รับประโยชน์ฉันใด แม้พระ บทที่เหลือในสูตรนี้ง่ายทั้งนั้น. จบอรรถกถายมกสูตรที่ ๓ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค ขันธสังยุตต์ มัชฌิมปัณณาสก์ เถรวรรคที่ ๔ ยมกสูตร ว่าด้วยพระขีณาสพตายแล้วสูญหรือไม่ จบ. |