ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๖ พระวินัยปิฎกเล่มที่ ๖ จุลวรรค ภาค ๑
เรื่องมานัตตจาริกภิกษุ
[๓๕๔] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายผู้ประพฤติมานัตยินดีการกราบ ไหว้ การลุกรับ อัญชลีกรรม สามีจิกรรม การนำอาสนะมาให้ การนำที่นอน มาให้ การล้างเท้า การตั้งตั่งรองเท้า การตั้งกระเบื้องเช็ดเท้า การรับบาตรจีวร การถูหลังให้เมื่ออาบน้ำ ของปกตัตตะภิกษุทั้งหลาย บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนมานัตตจาริกภิกษุทั้งหลายจึงได้ยินดี การกราบไหว้ การลุกรับ อัญชลีกรรม สามีจิกรรม การนำอาสนะมาให้ การนำ ที่นอนมาให้ การล้างเท้า การตั้งตั่งรองเท้า การตั้งกระเบื้องเช็ดเท้า การรับบาตร จีวร การถูหลังให้เมื่ออาบน้ำ ของปกตัตตะภิกษุทั้งหลายเล่า แล้วกราบทูลเรื่อง นั้นแด่พระผู้มีพระภาค ฯ
ประชุมสงฆ์ทรงสอบถาม
[๓๕๕] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ในเพราะ เหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า ภิกษุทั้งหลายผู้ประพฤติมานัต ยินดีการกราบไหว้ การ ลุกรับ อัญชลีกรรม สามีจิกรรม การนำอาสนะมาให้ การนำที่นอนมาให้ การ ล้างเท้า การตั้งตั่งรองเท้า การตั้งกระเบื้องเช็ดเท้า การรับบาตรจีวร การถูหลัง ให้เมื่ออาบน้ำ ของปกตัตตะภิกษุทั้งหลาย จริงหรือ ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า
ทรงติเตียน
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุทั้งหลาย ผู้ประพฤติมานัต จึงได้ยินดีการกราบไหว้ การลุกรับ อัญชลีกรรม สามีจิกรรม การนำอาสนะมาให้ การนำที่นอนมาให้ การล้างเท้า การตั้งตั่งรองเท้า การตั้ง กระเบื้องเช็ดเท้า การรับบาตรจีวร การถูหลังให้เมื่ออาบน้ำ ของปกตัตตะภิกษุ ทั้งหลายเล่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย การกระทำของพวกภิกษุผู้ประพฤติมานัตนั่น ไม่ เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ... ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถา รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้ประพฤติมานัต ไม่พึง ยินดีการกราบไหว้ การลุกรับ อัญชลีกรรม สามีจิกรรม การนำอาสนะมาให้ การนำที่นอนมาให้ การล้างเท้า การตั้งตั่งรองเท้า การตั้งกระเบื้องเช็ดเท้า การ รับบาตรจีวร การถูหลังให้เมื่ออาบน้ำ ของปกตัตตะภิกษุทั้งหลาย รูปใดยินดี ต้องอาบัติทุกกฏ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตการกราบไหว้ การลุกรับ อัญชลีกรรม สามีจิกรรม การนำอาสนะมาให้ การนำที่นอนมาให้ การล้างเท้า การตั้งตั่งรองเท้า การตั้งกระเบื้องเช็ดเท้า การรับบาตรจีวร การถูหลังให้เมื่ออาบน้ำ ของภิกษุ ทั้งหลายผู้ประพฤติมานัตด้วยกัน ตามลำดับผู้แก่พรรษา ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตกิจ ๕ อย่าง คือ อุโบสถ ปวารณา ผ้า อาบน้ำฝน การสละภัตร และการรับภัตร แก่ภิกษุทั้งหลายผู้ประพฤติมานัตด้วยกัน ตามลำดับผู้แก่พรรษา ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติวัตรแก่ภิกษุผู้ประพฤติ มานัต โดยประการที่ภิกษุผู้ประพฤติมานัต ต้องประพฤติทุกรูป ฯ
มานัตตจาริกวัตร
หมวดที่ ๑
[๓๕๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้ประพฤติมานัต พึงประพฤติชอบ วิธีประพฤติชอบในวัตรนั้น ดังต่อไปนี้:- อันภิกษุผู้ประพฤติมานัต ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก ไม่พึงรับสมมติเป็นผู้สั่งสอนภิกษุณี แม้ได้รับสมมติแล้ว ก็ไม่พึงสั่งสอนภิกษุณี สงฆ์ให้มานัตเพื่ออาบัติใด ไม่พึงต้องอาบัตินั้น ไม่พึงต้องอาบัติอื่นอันเช่นกัน ไม่พึงต้องอาบัติอันเลวทรามกว่านั้น ไม่พึงติกรรม ไม่พึงติภิกษุทั้งหลายผู้ทำกรรม ไม่พึงห้ามอุโบสถแก่ปกตัตตะภิกษุ ไม่พึงห้ามปวารณาแก่ปกตัตตะภิกษุ ไม่พึงทำการไต่สวน ไม่พึงเริ่มอนุวาทาธิกรณ์ ไม่พึงยังภิกษุอื่นให้ทำโอกาส ไม่พึงโจทภิกษุอื่น ไม่พึงให้ภิกษุอื่นให้การ ไม่พึงช่วยภิกษุกับภิกษุให้สู้อธิกรณ์กัน ฯ
หมวดที่ ๒
[๓๕๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้ประพฤติมานัต ไม่พึงไปข้างหน้า แห่งปกตัตตะภิกษุ ไม่พึงนั่งข้างหน้าแห่งปกตัตตะภิกษุ พึงพอใจด้วยอาสนะสุดท้าย ที่นอนสุดท้าย วิหารสุดท้ายของสงฆ์ ที่สงฆ์จะพึงให้แก่เธอ ไม่พึงมีปกตัตตะภิกษุเป็นสมณะนำหน้าหรือตามหลัง เข้าไปสู่สกุล ไม่พึงสมาทานอรัญญิกธุดงค์ ไม่พึงสมาทานปิณฑปาติกธุดงค์ และ ไม่พึงให้เขานำบิณฑบาตมาส่ง เพราะปัจจัยนั้น ด้วยคิดว่าคนทั้งหลาย อย่ารู้เรา ฯ
หมวดที่ ๓
[๓๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้ประพฤติมานัต เป็นอาคันตุกะไป พึง บอก มีอาคันตุกะมา ก็พึงบอก พึงบอกในอุโบสถ พึงบอกในปวารณา พึงบอก ทุกวัน ถ้าอาพาธ พึงสั่งทูตให้บอก ฯ
หมวดที่ ๔
[๓๕๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้ประพฤติมานัตไม่พึงออกจากอาวาส ที่มีภิกษุ ไปสู่อาวาสที่หาภิกษุมิได้ ไม่พึงออกจากอาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่ถิ่นมิใช่อาวาสที่หาภิกษุมิได้ ไม่พึงออกจากอาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่อาวาส หรือถิ่นมิใช่อาวาสที่หาภิกษุ มิได้ ไม่พึงออกจากถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่อาวาสที่หาภิกษุมิได้ ไม่พึงออกจากถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่ถิ่นมิใช่อาวาสที่หาภิกษุมิได้ ไม่พึงออกจากถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่อาวาส หรือถิ่นมิใช่อาวาสที่ หาภิกษุมิได้ ไม่พึงออกจากอาวาส หรือถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่อาวาสที่หาภิกษุ มิได้ ไม่พึงออกจากอาวาส หรือถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่ถิ่นมิใช่อาวาส ที่หาภิกษุมิได้ ไม่พึงออกจากอาวาส หรือถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่อาวาสหรือถิ่น มิใช่อาวาสที่หาภิกษุมิได้ ทั้งนี้ เว้นแต่ไปกับสงฆ์ เว้นแต่มีอันตราย ฯ
หมวดที่ ๕
[๓๖๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้ประพฤติมานัตไม่พึงออกจากอาวาส ที่มีภิกษุ ไปสู่อาวาสที่มีภิกษุ แต่เป็นนานาสังวาส ไม่พึงออกจากอาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่ถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ แต่เป็นนานา- *สังวาส ไม่พึงออกจากอาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่อาวาสหรือถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ แต่เป็นนานาสังวาส ไม่พึงออกจากถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่อาวาสที่มีภิกษุ แต่เป็นนานา- *สังวาส ไม่พึงออกจากถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่ถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ แต่ เป็นนานาสังวาส ไม่พึงออกจากถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่อาวาส หรือถิ่นมิใช่อาวาส ที่มีภิกษุ แต่เป็นนานาสังวาส ไม่พึงออกจากอาวาส หรือถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่อาวาสที่มีภิกษุ แต่เป็นนานาสังวาส ไม่พึงออกจากอาวาส หรือถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่ถิ่นมิใช่อาวาส ที่มีภิกษุ แต่เป็นนานาสังวาส ไม่พึงออกจากอาวาส หรือถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่อาวาสหรือถิ่น มิใช่อาวาสที่มีภิกษุ แต่เป็นนานาสังวาส ทั้งนี้ เว้นแต่ไปกับสงฆ์ เว้นแต่มี อันตราย ฯ
หมวดที่ ๖
[๓๖๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้ประพฤติมานัต พึงออกจากอาวาส ที่มีภิกษุ ไปสู่อาวาสที่มีภิกษุ เป็นสมานสังวาส พึงออกจากอาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่ถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ เป็นสมาน- *สังวาส พึงออกจากอาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่อาวาส หรือถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ เป็นสมานสังวาส พึงออกจากถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่อาวาสที่มีภิกษุเป็นสมานสังวาส พึงออกจากถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่ถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ เป็น สมานสังวาส พึงออกจากถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่อาวาส หรือถิ่นมิใช่อาวาสที่มี ภิกษุ เป็นสมานสังวาส พึงออกจากอาวาส หรือถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่อาวาสที่มีภิกษุ เป็นสมานสังวาส พึงออกจากอาวาส หรือถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่ถิ่นมิใช่อาวาสที่มี ภิกษุ เป็นสมานสังวาส พึงออกจากอาวาส หรือถิ่นมิใช่อาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่อาวาสหรือถิ่น มิใช่อาวาสที่มีภิกษุ เป็นสมานสังวาส ทั้งนี้ ที่รู้ว่าจะไปถึงในวันนี้เทียว ฯ
หมวดที่ ๗
[๓๖๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้ประพฤติมานัตไม่พึงอยู่ในที่มุงอัน เดียวกันในอาวาส กับปกตัตตะภิกษุ ไม่พึงอยู่ในที่มุงอันเดียวกันในถิ่นมิใช่อาวาส ไม่พึงอยู่ในที่มุงอันเดียวกันในอาวาสก็ดี ในถิ่นมิใช่อาวาสก็ดี กับ ปกตัตตะภิกษุ เห็นปกตัตตะภิกษุแล้ว พึงลุกจากอาสนะ พึงนิมนต์ปกตัตตะภิกษุให้นั่ง ไม่พึงนั่ง ณ อาสนะอันเดียวกับปกตัตตะภิกษุ เมื่อปกตัตตะภิกษุนั่ง ณ อาสนะต่ำ ไม่พึงนั่ง ณ อาสนะสูง เมื่อปกตัตตะภิกษุนั่ง ณ พื้นดิน ไม่พึงนั่ง ณ อาสนะ ไม่พึงจงกรมในที่จงกรมเดียวกันกับปกตัตตะภิกษุ เมื่อปกตัตตะภิกษุจงกรมอยู่ในที่จงกรมต่ำ ไม่พึงจงกรมในที่จงกรมสูง เมื่อปกตัตตะภิกษุจงกรม ณ พื้นดิน ไม่พึงจงกรมในที่จงกรม ฯ
หมวดที่ ๘
[๓๖๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้ประพฤติมานัต ไม่พึงอยู่ในที่มุง อันเดียวกันในอาวาส กับภิกษุผู้อยู่ปริวาส ไม่พึงอยู่ในที่มุงอันเดียวกันในถิ่นมิใช่อาวาส ไม่พึงอยู่ในที่มุงอันเดียวกันในอาวาสก็ดี ในถิ่นมิใช่อาวาสก็ดี ไม่พึงนั่ง ณ อาสนะอันเดียวกันกับภิกษุผู้อยู่ปริวาส ... กับภิกษุผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม ... กับภิกษุผู้ควรมานัต ... กับภิกษุผู้ประพฤติมานัตผู้แก่กว่า ... กับภิกษุผู้ควรอัพภาน เมื่อปกตัตตะภิกษุนั่ง ณ อาสนะต่ำ ไม่พึงนั่ง ณ อาสนะสูง เมื่อปกตัตตะภิกษุนั่ง ณ พื้นดิน ไม่พึงนั่ง ณ อาสนะ ไม่พึงจงกรมในที่จงกรมเดียวกัน เมื่อปกตัตตะภิกษุจงกรมอยู่ในที่จงกรมต่ำ ไม่พึงจงกรมในที่จงกรมสูง เมื่อปกตัตตะภิกษุจงกรมอยู่ ณ พื้นดิน ไม่พึงจงกรมในที่จงกรม ฯ [๓๖๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าสงฆ์มีภิกษุผู้ประพฤติมานัตเป็นที่ ๔ พึง ให้ปริวาส พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม พึงให้มานัต สงฆ์ ๒๐ รูปทั้งมานัตตจาริกภิกษุ นั้น พึงอัพภาน การกระทำดังนั้น ใช้ไม่ได้และไม่ควรทำ ฯ
รัตติเฉท ๔ อย่าง
[๓๖๕] ครั้งนั้น ท่านพระอุบาลีเข้าไปในพุทธสำนัก ครั้นแล้วถวาย บังคมพระผู้มีพระภาคนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้ทูลถามความข้อนี้แด่ พระผู้มีพระภาคว่า ความขาดแห่งราตรีของภิกษุผู้ประพฤติมานัตมีเท่าไร พระ พุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสว่า อุบาลี ความขาดแห่งราตรีของภิกษุผู้ประพฤติ มานัตมี ๔ คือ อยู่ร่วม ๑ อยู่ปราศ ๑ ไม่บอก ๑ ประพฤติในคณะอันพร่อง ๑ รัตติเฉทของภิกษุผู้ประพฤติมานัตมี ๔ อย่างนี้แล ฯ
พุทธานุญาตให้เก็บมานัต
[๓๖๖] ก็โดยสมัยนั้นแล ในพระนครสาวัตถี มีภิกษุสงฆ์เป็นอันมาก มาประชุมกัน ภิกษุทั้งหลายผู้ประพฤติมานัตไม่สามารถชำระมานัตได้ จึงกราบทูล เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้เก็บมานัต
วิธีเก็บมานัต
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แล วิธีเก็บมานัตพึงเก็บอย่างนี้ ภิกษุผู้ประพฤติมานัตนั้น พึงเข้าไปหาภิกษุรูปหนึ่ง ห่มผ้าอุตราสงค์ เฉวียงบ่า นั่งกระหย่งประคองอัญชลี แล้วกล่าวคำเก็บมานัต ว่าดังนี้ ข้าพเจ้า เก็บมานัต มานัตเป็นอันเก็บมาแล้ว หรือกล่าวว่า ข้าพเจ้าเก็บวัตร มานัตก็เป็น อันเก็บแล้ว ฯ
พุทธานุญาตให้สมาทานมานัต
[๓๖๗] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายออกจากพระนครสาวัตถีไปใน ที่นั้นๆ แล้ว พวกภิกษุผู้ประพฤติมานัต สามารถชำระมานัต จึงกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาคๆ ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้สมาทานมานัต ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แล วิธีสมาทานมานัตพึงสมาทานอย่างนี้ อันภิกษุผู้ประพฤติมานัตนั้น พึงเข้าไปหาภิกษุรูปหนึ่ง ห่มผ้าอุตราสงค์ เฉวียงบ่า นั่งกระหย่งประคองอัญชลี แล้วกล่าวคำสมาทานว่าดังนี้ ข้าพเจ้า สมาทานมานัต มานัตเป็นอันสมาทานแล้ว หรือกล่าวคำสมาทานว่า ข้าพเจ้า สมาทานวัตร มานัตก็เป็นอันสมาทานแล้ว ฯ
มานัตตจาริกวัตร จบ
-----------------------------------------------------

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๖ บรรทัดที่ ๔๑๒๑-๔๓๑๒ หน้าที่ ๑๗๗-๑๘๕. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=6&A=4121&Z=4312&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=6&siri=19              ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=6&i=354              ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- [354-367] https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=6&item=354&items=14              The Pali Tipitaka in Roman :- [354-367] https://84000.org/tipitaka/pali/roman_item_s.php?book=6&item=354&items=14              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๖ https://84000.org/tipitaka/read/?index_6              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/pli-tv-kd12/en/brahmali#pli-tv-kd12:6.1.0 https://suttacentral.net/pli-tv-kd12/en/horner-brahmali#Kd.12.6

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :