ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔๑ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๘ มหาปัฏฐานปกรณ์ ภาค ๒ ปัจฉิมอนุโลมติกปัฏฐาน
ปัจจยวาร
[๘๑๖] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ นัย เหมือนกับปฏิจจวาร ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ มี ๓ นัย เหมือนกับปฏิจจวาร เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนาย ฯลฯ มี ๑ นัย เหมือนกับ ปฏิจจวาร คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ [๘๑๗] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพ- *เหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ สัมปยุตต- *ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ สัมปยุตตขันธ์ ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่สหรคต ด้วยวิจิกิจฉา ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคต ด้วยอุทธัจจะ [๘๑๘] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และ เนวทัสสเนนนปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒ และโมหะ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และมหาภูตรูป ทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และมหาภูตรูปทั้งหลาย ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒ และหทัยวัตถุ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพ- *เหตุกธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคต ด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ [๘๑๙] ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ นัย [๘๒๐] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ นัย เหมือนกับอารัมมณปัจจัย ในปฏิจจวาร ภาวนาย ฯลฯ มี ๓ นัย เหมือนกับปฏิจจวาร เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหา- *ตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลาย อาศัยหทัยวัตถุ จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ [๘๒๑] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพ- *เหตุกธรรม ฯลฯ เพราะอารัมมณปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ สัมปยุตตขันธ์ ทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะอารัมมณปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ สัมปยุตตขันธ์ ทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะอารัมมณปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ อาศัยหทัยวัตถุ ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพ- *เหตุกธรรม ฯลฯ เพราะอารัมมณปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ อาศัยหทัยวัตถุ [๘๒๒] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะอารัมมณปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒ และโมหะ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะอารัมมณปัจจัย คือ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและหทัยวัตถุ ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และหทัยวัตถุ ขันธ์ ๒ และหทัยวัตถุ ฯลฯ [๘๒๓] ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ ขันธ์ ๒ ฯลฯ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย คือ โมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ หทัยวัตถุ ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และหทัยวัตถุ ขันธ์ ๒ และ ฯลฯ [๘๒๔] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย มี ๓ นัย ภาวนาย ฯลฯ มี ๓ นัย เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหา- *ตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะอธิปติปัจจัย มี ๑ นัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ จิตตสมุฏฐาน- *รูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย [๘๒๕] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ ขันธ์ ๒ และ ฯลฯ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรมและมหาภูตรูป ทั้งหลาย ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ ขันธ์ ๒ และ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และมหาภูต- *รูปทั้งหลาย [๘๒๖] ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอธิปติปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ มี ๓ นัย เหมือนกับทัสสเนนะ เพราะอนันตรปัจจัย เพราะสมนันตรปัจจัย [๘๒๗] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนปหาตัพพเหตุกธรรม เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ขันธ์ ๓ และโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ขันธ์ ๒ ฯลฯ อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ มี ๓ นัย เหมือนกับทัสสเนน [๘๒๘] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนาย- *ปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหา- *ตัพพเหตุกธรรม จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายอาศัยหทัยวัตถุ มหาภูต- *รูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ อาศัย กายาตนะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ สัมปยุตตขันธ์ ทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ สัมปยุตตขันธ์ ทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ จิตตสมุฏฐาน- *รูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่ สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ อาศัยหทัยวัตถุ ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ จิตตสมุฏฐาน- *รูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะ ที่ สหรคตด้วยอุทธัจจะ ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ อาศัยหทัยวัตถุ [๘๒๙] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และมหา- *ภูตรูปทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และหทัยวัตถุ ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ ขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และหทัยวัตถุ ขันธ์ ๒ และโมหะ อาศัยขันธ์ ๒ และหทัยวัตถุ [๘๓๐] ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะสหชาตปัจจัย มี ๓ นัย [๘๓๑] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะอัญญมัญญปัจจัย เพราะนิสสยปัจจัย เพราะอุปนิสสยปัจจัย เพราะปุเรชาตปัจจัย เพราะอาเสวนปัจจัยเพราะกัมมปัจจัย เพราะวิปากปัจจัย เพราะอาหารปัจจัย เพราะอินทริย- *ปัจจัย เพราะฌานปัจจัย เพราะมัคคปัจจัย เพราะสัมปยุตตปัจจัย ฯลฯ [๘๓๒] ฯลฯ เพราะวิปปยุตตปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ทั้งหลาย หทัยวัตถุ เพราะวิปปยุตตปัจจัย เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะวิปปยุตตปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ขันธ์ ทั้งหลาย เพราะวิปปยุตตปัจจัย โมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย วิจิกิจฉา โมหะ หทัยวัตถุ เพราะวิปปยุตตปัจจัย จิตตสมุฏฐานรูป ขันธ์ทั้งหลาย เพราะ วิปปยุตตปัจจัย ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย หทัยวัตถุ เพราะวิปปยุตตปัจจัย จิตตสมุฏฐานรูป ขันธ์ทั้งหลาย เพราะวิปปยุตตปัจจัย ขันธ์ ๓ และโมหะ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย วิจิกิจฉา ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย และโมหะ หทัยวัตถุ เพราะวิปปยุตตปัจจัย จิตตสมุฏฐาน- *รูป ขันธ์ทั้งหลาย เพราะวิปปยุตตปัจจัย [๘๓๓] ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ มี ๓ นัย เหมือนกับทัสสเนน [๘๓๔] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนาย- *ปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะวิปปยุตตปัจจัย คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย หทัยวัตถุ เพราะวิปปยุตตปัจจัย จิตตสมุฏฐานรูป ขันธ์ทั้งหลาย เพราะวิปปยุตตปัจจัย โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ฯลฯ อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ จิตตสมุฏฐานรูป โมหะ เพราะวิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายอาศัยหทัยวัตถุ ขันธ์ ทั้งหลาย หทัยวัตถุ เพราะวิปปยุตตปัจจัย หทัยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลาย เพราะวิปปยุตตปัจจัย มหาภูตรูป ๓ อาศัยมหาภูตรูป ๑ จิตตสมุฏฐานรูป กฏัตตารูป ที่เป็นอุปาทารูป อาศัยมหาภูต- *รูปทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย เพราะวิปปยุตตปัจจัย ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะวิปปยุตตปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ หทัยวัตถุ เพราะ วิปปยุตตปัจจัย สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา หทัยวัตถุ เพราะ วิปปยุตตปัจจัย ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ หทัยวัตถุ เพราะ วิปปยุตตปัจจัย สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยโมหะที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ หทัยวัตถุ เพราะ วิปปยุตตปัจจัย ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย หทัยวัตถุ เพราะวิปปยุตตปัจจัย จิตตสมุฏฐานรูป ขันธ์ ทั้งหลาย เพราะวิปปยุตตปัจจัย สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยโมหะที่สหรคตด้วย วิจิกิจฉา ขันธ์ทั้งหลาย หทัยวัตถุ เพราะวิปปยุตตปัจจัย จิตตสมุฏฐานรูป โมหะ เพราะวิปปยุตต- *ปัจจัย ขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ อาศัยหทัยวัตถุ หทัยวัตถุ เพราะวิปปยุตต- *ปัจจัย ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ภาวนาย อาศัยหทัยวัตถุ ฯลฯ เหมือนกับทัสสเนน [๘๓๕] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ ขันธ์ ๒ ฯลฯ หทัยวัตถุ เพราะวิปปยุตตปัจจัย ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และ โมหะ ขันธ์ ๒ ฯลฯ หทัยวัตถุ เพราะวิปปยุตตปัจจัย เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรมและมหาภูตรูป ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย เพราะวิปปยุตตปัจจัย จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วย วิจิกิจฉา และโมหะ ขันธ์ทั้งหลาย และโมหะ เพราะวิปปยุตตปัจจัย โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และหทัยวัตถุ หทัยวัตถุ เพราะวิปปยุตตปัจจัย ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ ขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และมหาภูตรูป ทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลาย หทัยวัตถุ เพราะวิปปยุตตปัจจัย จิตตสมุฏฐานรูป ขันธ์ทั้งหลาย เพราะวิปปยุตตปัจจัย ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และ หทัยวัตถุ และโมหะ ขันธ์ ๒ และ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย หทัยวัตถุ เพราะวิปปยุตตปัจจัย จิตตสมุฏฐานรูป ขันธ์ทั้งหลาย และโมหะ เพราะวิปปยุตตปัจจัย ขันธ์ ๓ และโมหะ อาศัย ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และหทัยวัตถุ ขันธ์ ๒ และ ฯลฯ หทัยวัตถุ เพราะวิปปยุตตปัจจัย ภาวนาย ฯลฯ มี ๓ นัย เหมือนกับทัสสเนน ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ เพราะ อัตถิปัจจัย เพราะ นัตถิปัจจัย เพราะ วิคตปัจจัย เพราะ อวิคตปัจจัย [๘๓๖] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๑๗ ในอารัมมณปัจจัย มี " ๑๗ ในอธิปติปัจจัย มี " ๑๗ ในอนันตรปัจจัย มี " ๑๗ ในสมนันตรปัจจัย มี " ๑๗ ในสหชาตปัจจัย มี " ๑๗ ในอัญญมัญญปัจจัย มีวาระ ๑๗ ในนิสสยปัจจัย มี " ๑๗ ในอุปนิสสยปัจจัย มี " ๑๗ ในปุเรชาตปัจจัย มี " ๑๗ ในอาเสวนปัจจัย มี " ๑๗ ในกัมมปัจจัย มี " ๑๗ ในวิปากปัจจัย มี " ๑๗ ในอาหารปัจจัย มี " ๑๗ ในอินทริยปัจจัย มี " ๑๗ ในฌานปัจจัย มี " ๑๗ ในมัคคปัจจัย มี " ๑๗ ในสัมปยุตตปัจจัย มี " ๑๗ ในวิปปยุตตปัจจัย มี " ๑๗ ในอัตถิปัจจัย มี " ๑๗ ในนัตถิปัจจัย มี " ๑๗ ในวิคตปัจจัย มี " ๑๗ ในอวิคตปัจจัย มี " ๑๗
พึงนับอย่างนี้
อนุโลม จบ
[๘๓๗] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุก- *ธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะเหตุปัจจัย คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา [๘๓๘] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุก- *ธรรม ฯลฯ คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ [๘๓๙] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนาย- *ปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหา- *ตัพพเหตุกธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ในอเหตุกปฏิสนธิขณะ ฯลฯ พึงกระทำให้เต็ม จักขุวิญญาณ อาศัยจักขายตนะ กายวิญญาณ อาศัยกายายตนะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ซึ่ง เป็นอเหตุกะ อาศัยหทัยวัตถุ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยหทัยวัตถุ [๘๔๐] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุก- *ธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิฉา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และ หทัยวัตถุ [๘๔๑] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพ- *เหตุกธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะเหตุ- *ปัจจัย คือ โมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และ หทัยวัตถุ [๘๔๒] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพ- *เหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอารัมมณปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม [๘๔๓] ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม [๘๔๔] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนาย- *ปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพ- *เหตุกธรรม ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหา- *ตัพพเหตุกธรรม หทัยวัตถุ อาศัยขันธ์ทั้งหลาย มหาภูตรูป ๑ ฯลฯ พาหิรรูป ฯลฯ อาหาร- *สมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ [๘๔๕] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุก- *ธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และมหาภูตรูป ทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ [๘๔๖] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุก- *ธรรม และเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอารัมมณ- *ปัจจัย คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และมหาภูตรูป ทั้งหลาย จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ [๘๔๗] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะอธิปติปัจจัย เหมือนกับสหชาตปัจจัย ไม่ใช่เพราะอนันตรปัจจัย ไม่ใช่เพราะสมนันตรปัจจัย ไม่ใช่เพราะอัญญ- *มัญญปัจจัย ไม่ใช่เพราะอุปนิสสยปัจจัย ไม่ใช่เพราะปุเรชาตปัจจัย เหมือนกับปัจจนียะ ในปฏิจจวาร มีหัวข้อปัจจัย ๑๓ ไม่มี แตกต่างกัน ไม่ใช่เพราะปัจฉาชาตปัจจัย ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย [๘๔๘] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะกัมมปัจจัย คือ เจตนาที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นทัสสเนนปหา- *ตัพพเหตุกธรรม [๘๔๙] ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะกัมมปัจจัย คือ เจตนาที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นภาวนายปหา- *ตัพพเหตุกธรรม [๘๕๐] เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนาย- *ปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะกัมมปัจจัย คือ เจตนาที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ เจตนาที่เป็นเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะกัมมปัจจัย คือ เจตนาที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ สัมปยุตตเจตนา อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยเนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ เจตนาที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยหทัยวัตถุ สัมปยุตตเจตนา อาศัยโมหะ ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ [๘๕๑] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม และ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม ฯลฯ คือ เจตนาที่เป็นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นทัสสเนน- *ปหาตัพพเหตุกธรรม และหทัยวัตถุ สัมปยุตตเจตนา อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา และโมหะ [๘๕๒] ภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม และ เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะกัมมปัจจัย คือ เจตนาที่เป็นภาวนายปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ และโมหะ [๘๕๓] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะวิปากปัจจัย พึงกระทำให้เต็ม ปฏิสนธิ ไม่มี ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอาหารปัจจัย คือ พาหิรรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอินทริยปัจจัย คือ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวก อสัญญสัตว์ทั้งหลาย รูปชีวิตินทรีย์ อาศัยมหาภูตรูปทั้งหลาย ฯลฯ ไม่ใช่เพราะฌานปัจจัย คือ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยปัญจวิญญาณ ฯลฯ พาหิรรูป ฯลฯ อาหารสมุฏฐานรูป ฯลฯ อุตุสมุฏฐานรูป ฯลฯ ส่วนพวกอสัญญสัตว์ทั้งหลาย ฯลฯ ฯลฯ ไม่ใช่เพราะมัคคปัจจัย คือ ขันธ์ ๑ ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ฯลฯ ไม่ใช่เพราะสัมปยุตตปัจจัย ไม่ใช่เพราะวิปปยุตตปัจจัย เหมือนกับที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย ในปัจจนียะ แห่งปฏิจจวาร ไม่มีแตกต่างกัน มีหัวข้อ ปัจจัย ๑๑ ไม่ใช่เพราะนัตถิปัจจัย ไม่ใช่เพราะวิคตปัจจัย [๘๕๔] ในปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย มี " ๑๗ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อนันตรปัจจัย มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สมนันตรปัจจัย มีวาระ ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัญญมัญญปัจจัย มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปุเรชาตปัจจัย มี " ๑๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปัจฉาชาตปัจจัย มี " ๑๗ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาเสวนปัจจัย มี " ๑๗ ในปัจจัยที่ไม่ใช่กัมมปัจจัย มี " ๗ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปากปัจจัย มี " ๑๗ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาหารปัจจัย มี " ๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อินทริยปัจจัย มี " ๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ฌานปัจจัย มี " ๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่มัคคปัจจัย มี " ๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย มี " ๑๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย มี " ๕
พึงนับอย่างนี้
ปัจจนียะ จบ
[๘๕๕] ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มีวาระ ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๗ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สมมันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัญญมัญญปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปุเรชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปัจฉาชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๗ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาเสวนปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๗ ในปัจจัยที่ไม่ใช่กัมมปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๗ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปากปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๗ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑๑ ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕
พึงนับอย่างนี้
อนุโลมปัจจนียะ จบ
[๘๕๖] ในอารัมมณปัจจัย กับปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๕ ในอนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในสมนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในสหชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในอัญญมัญญปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในนิสสยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในอุปนิสสยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในปุเรชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในอาเสวนปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในกัมมปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในวิปากปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑ ในอาหารปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในอินทริยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในฌานปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในมัคคปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในสัมปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในวิปปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในอัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในนัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในวิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕ ในอวิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๕
พึงนับอย่างนี้
ปัจจนียานุโลม จบ
ปัจจยวาร จบ
นิสสยวาร เหมือนกับปัจจยวาร

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔๑ บรรทัดที่ ๖๑๐๓-๖๕๕๒ หน้าที่ ๒๕๙-๒๗๘. http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=41&A=6103&Z=6552&pagebreak=0 http://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=41&A=6103&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3], [4], [5], [6]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=41&siri=15              ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=41&i=816              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=41&A=5100              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=41&A=5100              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๑ http://84000.org/tipitaka/read/?index_41

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]