ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๘ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๕ ยมกปกรณ์ ภาค ๑
อุปปาทนิโรธวาร
[๑๑๘๒] กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด วจีสังขารของสัตว์นั้น ย่อมดับไป หรือ? หามิได้. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ย่อมดับไป กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? หามิได้. กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้นย่อมดับไปหรือ? หามิได้. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ย่อมดับไป กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? หามิได้. วจีสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้นย่อมดับไปหรือ? หามิได้. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ย่อมดับไป วจีสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? หามิได้. กายสังขารย่อมเกิดขึ้นในภูมิใด วจีสังขารในภูมินั้น ย่อมดับไปหรือ? กายสังขารย่อมเกิดขึ้นในภูมินั้น คือ ในทุติยฌาน ในตติยฌาน แต่วจีสังขารในภูมินั้น ย่อมดับไป ก็หาไม่ ฯลฯ คำว่า ยตฺถ นอกจากนี้ เป็นเช่นเดียวกัน. กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด ฯลฯ คำว่า ยสฺส ก็ดี คำว่า ยสฺส ยตฺถ ก็ดี เป็นเช่นเดียวกัน. [๑๑๘๓] กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด วจีสังขารของสัตว์นั้น ย่อมไม่ดับ ไปหรือ? กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจาร แต่วจีสังขาร ของสัตว์เหล่านั้นย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาท- *ขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ในภังคขณะแห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ และวจีสังขารก็ย่อมไม่ดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใดย่อมไม่ดับไป กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ ย่อมไม่ดับไป แต่ กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่ง จิตเว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ในภังคขณะแห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร ผู้เข้านิโรธและผู้เป็น อสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป และกายสังขารก็ย่อมไม่เกิดขึ้น. [๑๑๘๔] กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น ย่อมไม่ ดับไปหรือ? กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต แต่จิตตสังขาร ของสัตว์เหล่านั้น ย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะ แห่งจิตเว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธผู้เป็นอสัญญสัตว์ และจิตตสังขารก็ย่อมไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ นั้น? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ ย่อมไม่ดับไป แต่กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาท ขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป และ กายสังขารก็ย่อมไม่เกิดขึ้น. [๑๑๘๕] วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น ย่อมไม่ดับ ไปหรือ? วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต แต่จิตตสังขาร ของสัตว์เหล่านั้นย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะ แห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ และจิตตสังขารก็ย่อมไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้น? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจารย่อมไม่ดับไป แต่ วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะ แห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป และวจีสังขารก็ย่อม ไม่เกิดขึ้น. [๑๑๘๖] กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมิใด ฯลฯ. [๑๑๘๗] กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด ฯลฯ. ข้อว่า ยสฺส (แก่สัตว์ใด) ก็ดี ข้อว่า ยสฺส ยตฺถ (ของสัตว์ใด ในภูมิใด) ก็ดี เป็น เช่นเดียวกัน. บทว่า นิโรธสมาปนฺนานํ ย่อมไม่ได้ในข้อว่า ยสฺส ยตฺถ (ของสัตว์ใด ในภูมิใด). [๑๑๘๘] กายสังขารเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด วจีสังขารของสัตว์นั้น เคยดับไป แล้วหรือ? ถูกแล้ว. คำถามที่เป็นอดีต ในอุปปาทวาร ก็ดี ในนิโรธวาร ก็ดี ในอุปปาทนิโรธวาร ก็ดี พึงให้พิสดารเช่นเดียวกัน. [๑๑๘๙] กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด วจีสังขารของสัตว์นั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด จักดับไป กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เกิด ในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิตเกิดขึ้น ในลำดับแห่งจิตใด ผู้เป็นปัจฉิมภวิกสัตว์ ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ ผู้เข้าถึงรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน ที่กำลังจุติอยู่จักดับไป แต่กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์ทั้งหลาย นอกนี้ จักดับไป และกายสังขารก็จักเกิดขึ้น. [๑๑๙๐] กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักดับไป กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิตเกิดขึ้น ในลำดับแห่งจิตใด ผู้เป็นปัจฉิมภวิกสัตว์ ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ ผู้เข้าถึงรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน ที่กำลังจุติ อยู่จักดับไป แต่กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์ทั้งหลาย นอกนี้ จักดับไป และกายสังขารก็จักเกิดขึ้น. [๑๑๙๑] วจีสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักดับไป วจีสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต และสัตว์ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจารเกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด จักดับไป แต่วจีสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ เหล่านั้นก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์ทั้งหลาย นอกนี้ จักดับไป และวจีสังขารก็จักเกิดขึ้น. [๑๑๙๒] กายสังขารจักเกิดขึ้น ในภูมิใด ฯลฯ. [๑๑๙๓] กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด วจีสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักดับไปหรือ? กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน แต่วจีสังขาร ของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น จักดับไปก็หาไม่ กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ และวจีสังขารก็จักดับไป? หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักดับไป กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้น ในภูมินั้น? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่ง- *ปัจฉิมจิต ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิตเกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ จักดับไป แต่กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน เกิดในกามาวจรภูมิ นอกนี้ จักดับไป และกายสังขารก็จักเกิดขึ้น. [๑๑๙๔] กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักดับไป กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้น ในภูมินั้น? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิตเกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าจตุตถฌาน ผู้เกิดใน รูปาวจรภูมิ ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ จักดับไป แต่กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ นอกนี้ จักดับไป และกายสังขารก็จักเกิดขึ้น. [๑๑๙๕] วจีสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักดับไป วจีสังขารจักเกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้น ในภูมินั้น? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต และสัตว์ที่จักมี ปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน จักดับไป แต่วจีสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ จิตตสังขาร ของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ นอกนี้ จักดับไป และวจีสังขารก็จักเกิดขึ้น. [๑๑๙๖] กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด วจีสังขารของสัตว์นั้น จักไม่ดับไป หรือ? กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่ง ปัจฉิมจิต ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิต เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เป็นปัจฉิมภวิกสัตว์ ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ ผู้เข้าถึงรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพานที่กำลังจุติอยู่ แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้นจักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ใน ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและมีวิจาร มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตก และไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด และ วจีสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ฯลฯ? ถูกแล้ว. [๑๑๙๗] กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้นจักไม่ดับไป หรือ? กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่ง ปัจฉิมจิต ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิต เกิดขึ้น ในลำดับแห่งจิตใด ผู้เป็นปัจฉิมภวิกสัตว์ ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ ผู้เข้าถึงรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพานที่กำลังจุติอยู่ แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้นจักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ฯลฯ? ถูกแล้ว. [๑๑๙๘] วจีสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักไม่ดับไป หรือ? วจีสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและ ไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด แต่จิตตสังขาร ของสัตว์เหล่านั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ วจีสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่ง ปัจฉิมจิต และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ฯลฯ? ถูกแล้ว. [๑๑๙๙] กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นในภูมิใด ฯลฯ. [๑๒๐๐] กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด วจีสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ใน อุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิตเกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เกิด ในรูปาวจรภูมิ ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและ มีวิจาร ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าจตุตถฌาน ผู้เป็นอสัญญสัตว์ และวจีสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักไม่ดับไป กายสังขารจักไม่เกิดขึ้น แก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน จักไม่ดับไป แต่ กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและมีวิจาร ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มี วิตกและไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าจตุตถฌาน ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักไม่ดับไป และกายสังขารก็จักไม่เกิดขึ้น. [๑๒๐๑] กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ใน อุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิตเกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าจตุตถฌาน ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ และจิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะ แห่งปัจฉิมจิต ผู้เป็นอสัญญสัตว์ และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ฯลฯ? ถูกแล้ว. [๑๒๐๒] วจีสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? วจีสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต อันไม่มี วิตกและไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน แต่จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ วจีสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เป็นอสัญญสัตว์ และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ฯลฯ? ถูกแล้ว. [๑๒๐๓] กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด วจีสังขารของสัตว์นั้น เคยดับไป แล้วหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด เคยดับไปแล้ว กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งจิต เว้น ลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ เคยดับไปแล้ว แต่กายสังขารย่อมเกิดขึ้น แก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ เคยดับไปแล้ว และกายสังขารก็ย่อมเกิดขึ้น. คำถามที่เป็นอดีตกับปัจจุบัน อนุโลม ก็ดี ปัจจนียะ ก็ดี ท่านจำแนกไว้แล้วใน อุปปาทวาร ฉันใด แม้ในอุปปาทนิโรธวาร คำถามที่เป็นอดีตกับด้วยปัจจุบัน อนุโลม ก็ดี ปัจจนียะ ก็ดี พึงจำแนก ฉันนั้น. [๑๒๐๔] กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด วจีสังขารของสัตว์นั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด จักดับไป กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งจิต เว้น ลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักดับไป แต่กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่ สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ จักดับไป และกายสังขารก็ย่อมเกิดขึ้น. [๑๒๐๕] กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักดับ ไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักดับไป กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักดับไป แต่กายสังขารย่อมเกิดขึ้น แก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ จักดับไป และกายสังขารก็ย่อมเกิดขึ้น. [๑๒๐๖] วจีสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักดับไป วจีสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักดับไป แต่วจีสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ เหล่านั้นก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจาร จักดับไป และ วจีสังขารก็ย่อมเกิดขึ้น. [๑๒๐๗] กายสังขารย่อมเกิดขึ้นในภูมิใด ฯลฯ. [๑๒๐๘] กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด วจีสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักดับไปหรือ? กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน ใน อุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักดับไปก็หาไม่ กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ใน อุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ และวจีสังขารก็จักดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักดับไป กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้น ในภูมินั้น? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ใน ภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ ในอุปปาทขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะของ สัตว์เหล่านั้นนั่นแหละ ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ จักดับไป แต่กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ จักดับไป และกายสังขารก็ย่อมเกิดขึ้น. [๑๒๐๙] กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักดับไป กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้น ในภูมินั้น? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะ แห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ จักดับไป แต่กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ใน ภูมินั้นก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะ- *ปัสสาสะ จักดับไป และกายสังขารก็ย่อมเกิดขึ้น. [๑๒๑๐] วจีสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น ใน ภูมินั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักดับไป วจีสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้นในภูมินั้น? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะ แห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร จักดับไป แต่วจีสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจารจักดับไป และวจีสังขารก็ย่อมเกิดขึ้น. [๑๒๑๑] กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด วจีสังขารของสัตว์นั้น จักไม่ดับ ไปหรือ? กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมี วิตกและมีวิจาร ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด และวจีสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด จักไม่ดับไป กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? ถูกแล้ว. [๑๒๑๒] กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักไม่ดับ ไปหรือ? กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะ- *แห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ แต่จิตตสังขารของสัตว์ เหล่านั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่ง ปัจฉิมจิต และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักไม่ดับไป กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? ถูกแล้ว. [๑๒๑๓] วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักไม่ ดับไปหรือ? วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะ แห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต และ จิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักไม่ดับไป วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ นั้น? ถูกแล้ว. [๑๒๑๔] กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมิใด ฯลฯ. [๑๒๑๕] กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด วจีสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามา- *วจรภูมิ ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะในอุปปาทขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะ- *ปัสสาสะของสัตว์เหล่านั้นนั่นแหละ ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ แต่วจีสังขาร ของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและมีวิจาร ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ ในอุปปาทขณะแห่งจิต เว้น ลมอัสสาสะปัสสาสะของสัตว์เหล่านั้นนั่นแหละ ผู้เข้าจตุตฌาน ผู้เป็นอสัญญสัตว์ และ วจีสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักดับไป กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้น ในภูมินั้น? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน ในอุปปาทขณะแห่ง ลมอัสสาสะปัสสาสะ จักไม่ดับไป แต่กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและมีวิจาร ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตก และไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะ- *ปัสสาสะ ในอุปปาทขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะของสัตว์เหล่านั้นนั่นแหละ ผู้เข้า จตุตถฌาน ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักไม่ดับไป และกายสังขารก็ย่อมไม่เกิดขึ้น. [๑๒๑๖] กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งจิต ใน อุปปาทขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่ง ปัจฉิมจิต ผู้เป็นอสัญญสัตว์ และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักไม่ดับไป กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้น แก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น? ถูกแล้ว. [๑๒๑๗] วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งจิต ใน อุปปาทขณะแห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไป ก็หาไม่ วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เป็น อสัญญสัตว์ และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักไม่ดับไป วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้น แก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น? ถูกแล้ว. [๑๒๑๘] กายสังขารเคยเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด วจีสังขารของสัตว์นั้น จักดับไป หรือ? กายสังขารเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและ มีวิจาร ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อัน ไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น จักดับไป ก็หาไม่ กายสังขารเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ทั้งหลาย นอกนี้ และวจีสังขารก็จักดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด จักดับไป กายสังขารเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น? ถูกแล้ว. [๑๒๑๙] กายสังขารเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักดับไป หรือ? กายสังขารเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต แต่จิตตสังขาร ของสัตว์เหล่านั้น จักดับไปก็หาไม่ กายสังขารเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ทั้งหลาย นอกนี้ และ จิตตสังขารก็จักดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักดับไป กายสังขารเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ นั้น? ถูกแล้ว ฯลฯ. คำถามที่เป็นอนาคตกับด้วยอดีต อนุโลมก็ดี ปัจจนียะก็ดี ท่านจำแนกไว้แล้วใน นิโรธวาร ฉันใด คำถามที่เป็นอนาคตกับด้วยอดีต อนุโลมก็ดี ปัจจนียะก็ดี แม้ในอุปปาท- *นิโรธวารผู้มีปัญญาพึงจำแนก ฉันนั้น. ในนิโรธวารก็เหมือนกัน ไม่มีเหตุที่จะทำให้ต่างๆ กัน.
อุปปาทนิโรธวาร จบ.
ปวัตติวาร จบ.

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๘ บรรทัดที่ ๑๐๕๐๕-๑๐๘๓๕ หน้าที่ ๔๑๙-๔๓๑. http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=38&A=10505&Z=10835&pagebreak=0 http://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=38&A=10505&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3], [4], [5]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=38&siri=32              ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=38&i=1182              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=38&A=8345              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=38&A=8345              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๘ http://84000.org/tipitaka/read/?index_38

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]