ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๓ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๑๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ปัฏฐานปกรณ์ ภาค ๔
๕๗. เจตสิกทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๑๐๖] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัย เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตทำหทัยวัตถุ ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น หทัยวัตถุ ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (๑) สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่เป็นเจตสิก ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเข้าทั้ง ๒ วาระ) (๒) สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกให้ เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปทำจิต ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตและสัมปยุตตขันธ์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ใน ปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเข้าทั้ง ๒ วาระ) (๓) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า : ๖๐}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๕๗. เจตสิกทุกะ ๓. ปัจจยวาร

[๑๐๗] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิก ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและ ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิก และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่ม เข้าทั้ง ๒ วาระ) (๑) สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกให้ เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่เป็นเจตสิกและ ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ที่เป็นเจตสิกและทำมหาภูตรูป ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตทำขันธ์ที่เป็นเจตสิกและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเข้าทั้ง ๓ วาระ) (๒) สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ ไม่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐาน- รูปทำขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ และจิตทำขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเข้าทั้ง ๒ วาระ) (๓)
อารัมมณปัจจัย
[๑๐๘] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑) สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็น {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า : ๖๑}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๕๗. เจตสิกทุกะ ๓. ปัจจยวาร

ปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ สัมปยุตตขันธ์ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่เป็นเจตสิกทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเข้า ทั้ง ๒ วาระ) (๒) สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกให้ เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์ทำ จักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ จิตและสัมปยุตตขันธ์ ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ มี ๑ วาระ) (๓) [๑๐๙] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิก ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่สหรคต ด้วยจักขุวิญญาณและทำจักขุวิญญาณให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่ เป็นเจตสิกและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ใน ปฏิสนธิขณะ มี ๒ วาระ) (๑) สภาวธรรมที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกให้ เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำขันธ์ที่สหรคตด้วย จักขุวิญญาณและทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ จิตทำขันธ์ที่เป็นเจตสิกและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ มี ๑ วาระ) (๒) สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและที่ไม่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกและ ที่ไม่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และ จักขุวิญญาณทำขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัย เกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ และจิตทำขันธ์ ๑ ที่เป็นเจตสิกและทำหทัยวัตถุ ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ มี ๑ วาระ ย่อ) (๓) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า : ๖๒}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๕๗. เจตสิกทุกะ ๓. ปัจจยวาร

๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
[๑๑๐] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ (ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ) ปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ อาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๑๑๑] สภาวธรรมที่เป็นเจตสิกทำสภาวธรรมที่เป็นเจตสิกให้เป็นปัจจัย เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ... ทำขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งเป็นเจตสิก ย่อ) (มี ๙ วาระ พึงเพิ่มปัญจวิญญาณเหมือนอารัมมณปัจจัย เฉพาะใน ๓ วาระ เท่านั้นมีโมหะ ผู้รู้พึงจัดวาระทั้งหมดไว้ในปวัตติกาลและปฏิสนธิกาล)
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย
[๑๑๒] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า : ๖๓}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๕๗. เจตสิกทุกะ ๓. ปัจจยวาร

นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ นฌานปัจจัย มี ๙ วาระ นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ
๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
[๑๑๓] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ นอธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ (ย่อ)
๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
[๑๑๔] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ อนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ (ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ) มัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
(นิสสยวารเหมือนกับปัจจยวาร)
{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า : ๖๔}


                  เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๔๓ หน้าที่ ๖๐-๖๔. http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=43&siri=9              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2].                   อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=43&A=1319&Z=1417                   ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=43&i=0              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=43&item=88&items=7              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=43&item=88&items=7                   สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๓ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu43



บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :