ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๒ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] มหาปัฏฐานปกรณ์ ภาค ๓

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๖๙] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย คันถะโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ โดยเหตุปัจจัย (๑) สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะ โดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดย เหตุปัจจัย เหตุที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิเป็นปัจจัยแก่โลภะและ จิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัสเป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะและ จิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย (๒) สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ และที่วิปปยุตจากคันถะโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย เหตุที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุต จากทิฏฐิเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ โลภะ และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย เหตุ ที่สหรคตด้วยโทมนัสเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูปโดย เหตุปัจจัย (๓) [๗๐] สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจาก คันถะโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย โลภะที่วิปปยุตจากทิฏฐิเป็นปัจจัยแก่จิตต- สมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะโดย เหตุปัจจัย ได้แก่ โลภะที่วิปปยุตจากทิฏฐิเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยเหตุปัจจัย ปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยเหตุปัจจัย (๒) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๖๓}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ และที่วิปปยุตจากคันถะโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ โลภะที่วิปปยุตจากทิฏฐิเป็นปัจจัยแก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย (๓) [๗๑] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะและที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่ สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่สหรคตด้วยโลภะซึ่ง วิปปยุตจากทิฏฐิและโลภะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยเหตุปัจจัย เหตุที่สหรคต ด้วยโทมนัสและปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยเหตุปัจจัย (๑) สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะและที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม ที่วิปปยุตจากคันถะโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิ และโลภะเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัสและ ปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย (๒) สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะและที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม ที่สัมปยุตด้วยคันถะและที่วิปปยุตจากคันถะโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่สหรคต ด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิและโลภะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูป โดยเหตุปัจจัย เหตุที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ จิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย (๓)
อารัมมณปัจจัย
[๗๒] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย คันถะโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะ ขันธ์ที่ สัมปยุตด้วยคันถะจึงเกิดขึ้น (แม้ในวาระทั้ง ๓ ก็พึงอ้างบทที่เป็นมูล) เพราะปรารภ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะ ขันธ์ที่วิปปยุตจากคันถะจึงเกิดขึ้น เพราะปรารภขันธ์ที่ สัมปยุตด้วยคันถะ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิและโลภะจึงเกิดขึ้น ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะจึงเกิดขึ้น (๓) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๖๔}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

[๗๓] สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจาก คันถะโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว พิจารณากุศลนั้น พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ออกจากฌานแล้วพิจารณา ฌาน พระอริยะออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรค พิจารณาผล พิจารณานิพพาน นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค ผล และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย พระอริยะพิจารณากิเลสที่วิปปยุตจากคันถะซึ่งละได้แล้ว พิจารณากิเลสที่ข่มได้แล้ว รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ที่วิปปยุตจากคันถะ โลภะและปฏิฆะโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความ ยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่วิปปยุตจากคันถะจึงเกิดขึ้น วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วย ทิพพโสตธาตุ รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่วิปปยุตจากคันถะด้วย เจโตปริยญาณ อากาสานัญจายตนะเป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ อากิญจัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ ฯลฯ รูปายตนะเป็น ปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดย อารัมมณปัจจัย ขันธ์ที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดย อารัมมณปัจจัย (๑) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถ ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลินกุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌาน ฯลฯ ยินดี เพลิดเพลินกุศลนั้น เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้น ราคะที่สัมปยุต ด้วยคันถะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น โทมนัสจึงเกิดขึ้น (ย่อ) (๒) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะและ ที่วิปปยุตจากคันถะโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ที่วิปปยุตจากคันถะ โลภะ และปฏิฆะ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจาก ทิฏฐิ โลภะ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะจึงเกิดขึ้น (๓) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๖๕}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

[๗๔] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะและที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่ สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภขันธ์ที่ สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิ โลภะ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะจึงเกิดขึ้น (พึงอ้างบทที่เป็นมูล) เพราะปรารภขันธ์ที่สหรคต ด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิ โลภะ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะ ขันธ์ที่ วิปปยุตจากคันถะจึงเกิดขึ้น (พึงอ้างบทที่เป็นมูล) เพราะปรารภขันธ์ที่สหรคตด้วย โลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิ โลภะ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะ ขันธ์ที่ สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิ โลภะ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะจึง เกิดขึ้น (๓)
อธิปติปัจจัย
[๗๕] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย คันถะโดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทำขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะให้เป็นอารมณ์อย่าง หนักแน่น ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะจึงเกิดขึ้น สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต- ขันธ์โดยอธิปติปัจจัย (๑) สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะ โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทำขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะให้เป็นอารมณ์อย่าง หนักแน่น โลภะที่วิปปยุตจากทิฏฐิจึงเกิดขึ้น สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่จิตต- สมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย อธิบดีธรรมที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิ เป็นปัจจัยแก่โลภะและจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย อธิบดีธรรมที่สหรคตด้วย โทมนัสเป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะและจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๒) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๖๖}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ และที่วิปปยุตจากคันถะโดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและ สหชาตาธิปติ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทำขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะให้เป็นอารมณ์อย่าง หนักแน่น ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิและโลภะจึงเกิดขึ้น สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิเป็น ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ โลภะและจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย อธิบดีธรรมที่ สหรคตด้วยโทมนัสเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ ปฏิฆะและจิตตสมุฏฐานรูปโดย อธิปติปัจจัย (๓) [๗๖] สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจาก คันถะโดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้ว พิจารณากุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ออกจากฌานแล้วพิจารณาฌานให้เป็นอารมณ์อย่าง หนักแน่น พระอริยะออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรคให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ออกจากผลแล้วพิจารณาผลให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น พิจารณานิพพานให้เป็น อารมณ์อย่างหนักแน่น นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค และผลโดย อธิปติปัจจัย บุคคลยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ที่วิปปยุตจาก คันถะและโลภะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทำความยินดีเพลิดเพลินจักษุ เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะที่วิปปยุตจากคันถะจึงเกิดขึ้น สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต- ขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๑) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทาน ศีล รักษาอุโบสถ ฯลฯ พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌาน แล้วพิจารณาฌาน ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ที่วิปปยุต {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๖๗}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

จากคันถะ และโลภะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทำความยินดีเพลิดเพลิน จักษุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะที่สัมปยุตด้วยคันถะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น (๒) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ และที่วิปปยุตจากคันถะโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทำจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ที่วิปปยุตจากคันถะและโลภะให้เป็นอารมณ์ อย่างหนักแน่น ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิและโลภะจึงเกิดขึ้น (๓) [๗๗] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะและที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่ สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทำขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิและโลภะให้เป็นอารมณ์ อย่างหนักแน่น ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะจึงเกิดขึ้น (พึงอ้างบทที่เป็นมูล) เพราะ ทำขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิและโลภะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น โลภะที่วิปปยุตจากทิฏฐิจึงเกิดขึ้น (พึงอ้างบทที่เป็นมูล) เพราะทำขันธ์ที่สหรคต ด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิและโลภะให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ที่สหรคต ด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิและโลภะจึงเกิดขึ้น (๓)
อนันตรปัจจัย
[๗๘] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย คันถะโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะซึ่งเกิดก่อนๆ เป็นปัจจัย แก่ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะซึ่งเกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่โลภะที่วิปปยุต จากทิฏฐิซึ่งเกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสซึ่งเกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็น ปัจจัยแก่วุฏฐานะโดยอนันตรปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะ ซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุต จากทิฏฐิที่เกิดหลังๆ และโลภะโดยอนันตรปัจจัย ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสซึ่งเกิด ก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสซึ่งเกิดหลังๆ และปฏิฆะโดยอนันตร- ปัจจัย (๓) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๖๘}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

[๗๙] สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจาก คันถะโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ โลภะที่วิปปยุตจากทิฏฐิซึ่งเกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ โลภะที่วิปปยุตจากทิฏฐิซึ่งเกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย ปฏิฆะที่เกิดก่อนๆ เป็น ปัจจัยแก่ปฏิฆะที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย ขันธ์ที่วิปปยุตจากคันถะซึ่งเกิด ก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่วิปปยุตจากคันถะซึ่งเกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ ผลสมาบัติโดยอนันตรปัจจัย (๑) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ โดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ โลภะที่วิปปยุตจากทิฏฐิซึ่งเกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย ปฏิฆะที่เกิด ก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสซึ่งเกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย อาวัชชนจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะโดยอนันตรปัจจัย (๒) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ และที่วิปปยุตจากคันถะโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ โลภะที่วิปปยุตจากทิฏฐิซึ่งเกิด ก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิที่เกิดหลังๆ และ โลภะโดยอนันตรปัจจัย ปฏิฆะที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัส ซึ่งเกิดหลังๆ และปฏิฆะโดยอนันตรปัจจัย อาวัชชนจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคต ด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิ โลภะ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะโดย อนันตรปัจจัย (๓) [๘๐] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะและที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่ สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะ ซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิที่เกิดก่อนๆ และโลภะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่ง วิปปยุตจากทิฏฐิที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสซึ่งเกิด ก่อนๆ และปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสซึ่งเกิดหลังๆ โดยอนันตร- ปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิที่เกิดก่อนๆ และโลภะเป็นปัจจัยแก่โลภะที่วิปปยุตจากทิฏฐิซึ่งเกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย ขันธ์ ที่สหรคตด้วยโทมนัสซึ่งเกิดก่อนๆ และปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะที่เกิดหลังๆ โดย {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๖๙}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

อนันตรปัจจัย ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิ โลภะ ขันธ์ที่สหรคตด้วย โทมนัสและปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะโดยอนันตรปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิที่เกิดก่อนๆ และโลภะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิที่เกิดหลังๆ และโลภะโดยอนันตรปัจจัย ขันธ์ ที่สหรคตด้วยโทมนัสซึ่งเกิดก่อนๆ และปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัส ซึ่งเกิดหลังๆ และปฏิฆะโดยอนันตรปัจจัย (๓)
สมนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๘๑] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย คันถะโดยสมนันตรปัจจัย สหชาตปัจจัย อัญญมัญญปัจจัย และนิสสยปัจจัย
อุปนิสสยปัจจัย
[๘๒] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย คันถะโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สัมปยุตด้วย คันถะโดยอุปนิสสยปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล พึงจัดอุปนิสสยปัจจัยไว้ทั้ง ๓ วาระ) ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่วิปปยุตจากคันถะโดยอุปนิสสยปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล พึงจัดอุปนิสสยปัจจัยไว้ทั้ง ๓ วาระ) ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิและโลภะโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะโดยอุปนิสสยปัจจัย (๓) [๘๓] สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจาก คันถะโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ ทำสมาบัติให้ เกิดขึ้น มีมานะ อาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ... ราคะ ... โทสะ ... โมหะ ... มานะ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๗๐}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

... ความปรารถนา ... สุขทางกาย ... ทุกข์ทางกาย ... อุตุ ... โภชนะ ... เสนาสนะแล้วให้ทาน ฯลฯ ทำสมาบัติให้เกิดขึ้น ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์ ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ... ราคะ ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ เสนาสนะเป็น ปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ... ราคะ ... โทสะ ... โมหะ ... มานะ ... ความปรารถนา ฯลฯ ผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาแล้วมีมานะ ถือทิฏฐิ อาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ... ราคะ ฯลฯ มานะ ... ความปรารถนา ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์ ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะเป็นปัจจัยแก่ราคะ ... โทสะ ... โมหะ ... มานะ ... ทิฏฐิ ... ความปรารถนาโดยอุปนิสสยปัจจัย (๒) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ และที่วิปปยุตจากคันถะโดยอุปนิสสยปัจจัย (พึงจัดอุปนิสสยปัจจัยไว้ทั้ง ๓ วาระ) บุคคลอาศัยศรัทธาแล้วมีมานะ อาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ... ราคะ ... โทสะ ... โมหะ ... มานะ ... ความปรารถนา ... สุขทางกาย ฯลฯ เสนาสนะแล้วฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์ ศรัทธา ฯลฯ ปัญญา ... ราคะ ... โทสะ ... โมหะ ... มานะ ... ความปรารถนา ฯลฯ เสนาสนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุต จากทิฏฐิ โลภะ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะโดยอุปนิสสยปัจจัย (๓) [๘๔] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะและที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่ สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูป- นิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิ โลภะ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะโดย อุปนิสสยปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิ โลภะ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่วิปปยุตจากคันถะ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๗๑}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

โลภะที่วิปปยุตจากทิฏฐิและปฏิฆะโดยอุปนิสสยปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล) ขันธ์ที่ สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิ โลภะ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะเป็น ปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิ โลภะ ขันธ์ที่สหรคตด้วย โทมนัสและปฏิฆะโดยอุปนิสสยปัจจัย (๓)
ปุเรชาตปัจจัย
[๘๕] สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจาก คันถะโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะ ไม่เที่ยง ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่วิปปยุตจากคันถะจึงเกิดขึ้น วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่ จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายา- ยตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่วิปปยุตจาก คันถะ โลภะที่วิปปยุตจากทิฏฐิและปฏิฆะโดยปุเรชาตปัจจัย (๑) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่สัมปยุตด้วยคันถะจึง เกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะโดย ปุเรชาตปัจจัย (๒) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ และที่วิปปยุตจากคันถะโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะ และวัตถุปุเรชาตะ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๗๒}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ที่สหรคต ด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิ โลภะ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะจึงเกิดขึ้น วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่ง วิปปยุตจากทิฏฐิ โลภะ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะโดยปุเรชาตปัจจัย (๓)
ปัจฉาชาตปัจจัย
[๘๖] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจาก คันถะโดยปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะ โดยปัจฉาชาตปัจจัย มี ๑ วาระ สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะและที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม ที่วิปปยุตจากคันถะโดยปัจฉาชาตปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุต จากทิฏฐิ โลภะ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะซึ่งเกิดภายหลังเป็นปัจจัยแก่ กายนี้ที่เกิดก่อนโดยปัจฉาชาตปัจจัย (๑)
อาเสวนปัจจัย
[๘๗] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย คันถะโดยอาเสวนปัจจัย (ปัจจัยนี้เหมือนกับอนันตรปัจจัย ไม่มีทั้งอาวัชชนจิตและ วุฏฐานะ)
กัมมปัจจัย
[๘๘] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย คันถะโดยกัมมปัจจัย ได้แก่ เจตนาที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ โดยกัมมปัจจัย (๑) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๗๓}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะ โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดย กัมมปัจจัย เจตนาที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิเป็นปัจจัยแก่โลภะและ จิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัสเป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะ และจิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบาก และกฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๒) สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ และที่วิปปยุตจากคันถะโดยกัมมปัจจัย ได้แก่ เจตนาที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็น ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย เจตนาที่สหรคตด้วย โลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โลภะและจิตตสมุฏฐานรูปโดย กัมมปัจจัย เจตนาที่สหรคตด้วยโทมนัสเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ ปฏิฆะ และ จิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย (๓) [๘๙] สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจาก คันถะโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ จิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบาก และกฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๑)
วิปากปัจจัยเป็นต้น
[๙๐] สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจาก คันถะโดยวิปากปัจจัย มี ๑ วาระ สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ โดยอาหารปัจจัย มี ๔ วาระ เป็นปัจจัยโดยอินทรียปัจจัย มี ๔ วาระ เป็น ปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี ๔ วาระ เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๔ วาระ เป็น ปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๗๔}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

วิปปยุตตปัจจัย
[๙๑] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจาก คันถะโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ พึง จำแนกไว้) (๑) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะโดย วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๑) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะโดย วิปปยุตตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ สัมปยุตด้วยคันถะโดยวิปปยุตตปัจจัย (๒) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ และที่วิปปยุตจากคันถะโดยวิปปยุตตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิ โลภะ ขันธ์ที่ สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะโดยวิปปยุตตปัจจัย (๓) [๙๒] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะและที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่ สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ และปัจฉาชาตะ สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิและโลภะเป็น ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยวิปปยุตตปัจจัย ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะ เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยวิปปยุตตปัจจัย ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิ โลภะ ขันธ์ ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดยวิปปยุตตปัจจัย (๑)
อัตถิปัจจัย
[๙๓] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย คันถะโดยอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๑) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๗๕}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะ โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ พึงจำแนกไว้) (๒) สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ และที่วิปปยุตจากคันถะโดยอัตถิปัจจัย มี ๑ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๓) [๙๔] สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจาก คันถะโดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ (ย่อ พึงจำแนกไว้) (๑) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ สหชาตะ ได้แก่ โลภะที่วิปปยุตจากทิฏฐิเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยอัตถิ- ปัจจัย ปฏิฆะที่สหรคตด้วยโทมนัสเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยอัตถิปัจจัย ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลยินดีเพลิดเพลินจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ เพราะปรารภ ความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น ราคะที่สัมปยุตด้วยคันถะ ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะโดยอัตถิปัจจัย (๒) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ และที่วิปปยุตจากคันถะโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ สหชาตะ ได้แก่ โลภะที่วิปปยุตจากทิฏฐิเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตต- สมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูป โดยอัตถิปัจจัย ปุเรชาตะ ได้แก่ เพราะปรารภจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ขันธ์ที่สหรคตด้วย โลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิ โลภะ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะจึงเกิดขึ้น หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิ โลภะ ขันธ์ที่ สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะโดยอัตถิปัจจัย (๓) [๙๕] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะและที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่ สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๗๖}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สัมปยุตด้วยคันถะและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ ๓ โดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิและโลภะเป็น ปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย โทมนัสและปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ โดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑) สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะและที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม ที่วิปปยุตจากคันถะโดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะและมหาภูตรูปเป็นปัจจัยแก่จิตต- สมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิและโลภะเป็น ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่จิตต- สมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิและ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่โลภะโดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ที่สหรคตด้วยโทมนัสและหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ปฏิฆะโดยอัตถิปัจจัย ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิ โลภะ ขันธ์ ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนโดยอัตถิปัจจัย ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะและกวฬิงการาหารเป็นปัจจัย แก่กายนี้โดยอัตถิปัจจัย ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะและรูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่ กฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย (๒) สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะและที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม ที่สัมปยุตด้วยคันถะและที่วิปปยุตจากคันถะโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ และปุเรชาตะ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๗๗}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิและโลภะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัสและปฏิฆะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโลภะซึ่งวิปปยุตจากทิฏฐิและหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และโลภะโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยโทมนัสและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ ๓ และปฏิฆะโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย
[๙๖] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ อัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ ปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ อาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ กัมมปัจจัย มี ๔ วาระ วิปากปัจจัย มี ๑ วาระ อาหารปัจจัย มี ๔ วาระ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๗๘}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

อินทรียปัจจัย มี ๔ วาระ ฌานปัจจัย มี ๔ วาระ มัคคปัจจัย มี ๔ วาระ สัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ วิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ นัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ วิคตปัจจัย มี ๙ วาระ อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
อนุโลม จบ
๒. ปัจจนียุทธาร
[๙๗] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วย คันถะโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (๑) สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะโดย อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย และกัมมปัจจัย (๒) สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ และที่วิปปยุตจากคันถะโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (๓) [๙๘] สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่วิปปยุตจาก คันถะโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉา- ชาตปัจจัย กัมมปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๑) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๒) สภาวธรรมที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะ และที่วิปปยุตจากคันถะโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และ ปุเรชาตปัจจัย (๓) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๗๙}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๒๘. คันถสัมปยุตตทุกะ ๗. ปัญหาวาร

[๙๙] สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะและที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่ สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสย- ปัจจัย (๑) สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะและที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม ที่วิปปยุตจากคันถะโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปัจฉา- ชาตปัจจัย (๒) สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยคันถะและที่วิปปยุตจากคันถะเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม ที่สัมปยุตด้วยคันถะและที่วิปปยุตจากคันถะโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (๓)
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
[๑๐๐] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ นอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ (ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ) โนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
เหตุทุกนัย
[๑๐๑] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ นอธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ ฯลฯ นสมนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๓ วาระ นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๙ วาระ ฯลฯ นมัคคปัจจัย ” มี ๙ วาระ นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๖ วาระ โนนัตถิปัจจัย ” มี ๙ วาระ โนวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๒ หน้า : ๓๘๐}

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน]

๒๙. คันถคันถนิยทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
นเหตุทุกนัย
[๑๐๒] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ อธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ (พึงขยายบทอนุโลมมาติกาให้พิสดาร) ฯลฯ อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
คันถสัมปยุตตทุกะ จบ


                  เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๔๒ หน้าที่ ๓๖๓-๓๘๑. http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=42&siri=70              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3], [4], [5], [6].                   อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=42&A=9933&Z=10492                   ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=42&i=546              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=42&item=546&items=18              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=42&item=546&items=18                   สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๒ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu42



บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :