ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕๖. ยสวรรค]

๖. อุตตรเถราปทาน

๖. อุตตรเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอุตตรเถระ
(พระอุตตรเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า) [๕๕] พระผู้มีพระภาคสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสุเมธะ มีพระลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ๑- พระองค์ผู้มีวิเวกเป็นเยี่ยม จึงเสด็จเข้าไปยังป่าหิมพานต์ [๕๖] ครั้นเสด็จถึงป่าหิมพานต์แล้ว พระมุนีผู้เลิศ ผู้เป็นบุรุษสูงสุด ทรงประกอบด้วยพระกรุณา ก็ประทับนั่งขัดสมาธิ [๕๗] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นวิทยาธรสัญจรไปในอากาศ ถือหลาวคมซึ่งทำดีแล้ว เหาะไปในท้องฟ้า [๕๘] พระพุทธเจ้าทรงทำป่าใหญ่ให้สว่างไสว เหมือนไฟบนยอดภูเขา เหมือนดวงจันทร์ในวันเพ็ญ เหมือนต้นพญาไม้สาละซึ่งมีดอกบานสะพรั่ง ฉะนั้น [๕๙] ข้าพเจ้าเห็นพุทธรังสี มีสีคล้ายเปลวไฟที่ไหม้ไม้อ้อ พวยพุ่งออกจากป่า จึงทำจิตให้เลื่อมใส [๖๐] ข้าพเจ้าเลือกเก็บดอกไม้อยู่ ได้เห็นดอกกรรณิการ์ซึ่งมีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นทิพย์ จึงเก็บมา ๓ ดอก ได้บูชาพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด [๖๑] ครั้งนั้น ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า ดอกไม้ของข้าพเจ้าทั้ง ๓ ดอกกลับขั้วขึ้นหันกลีบดอกลง ทำเป็นร่มเงาเพื่อพระศาสดา [๖๒] ด้วยกรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ดีแล้วนั้น และด้วยเจตนาที่ตั้งไว้มั่น @เชิงอรรถ : @ ดูเชิงอรรถหน้า ๑๐ ในเล่มนี้ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๓ หน้า : ๓๔๔}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕๖. ยสวรรค]

๖. อุตตรเถราปทาน

ข้าพเจ้าละกายมนุษย์แล้ว จึงได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ [๖๓] ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั้น วิมานสูง ๖๐ โยชน์ กว้าง ๓๐ โยชน์ ซึ่งบุญกรรมสร้างขึ้นอย่างสวยงามเพื่อข้าพเจ้า รู้จักกันว่ากรรณิการ์วิมาน [๖๔] ปราสาท ๗ ชั้นสูง ๑,๐๐๐ ชั่วลูกธนู สะพรั่งไปด้วยธง พราวไปด้วยแก้วมณีสีเขียว และป้อม ๑๐๐,๐๐๐ ป้อม ปรากฏในวิมานของข้าพเจ้า [๖๕] บัลลังก์ทองคำ บัลลังก์แก้วมณี บัลลังก์แก้วทับทิม และบัลลังก์แก้วผลึก เกิดขึ้นตามปรารถนาตามประสงค์ [๖๖] ที่นอนมีราคามากยัดด้วยนุ่น มีลวดลายต่างๆ มีขนตั้งขึ้นด้านเดียวและหมอนพร้อม [๖๗] ข้าพเจ้ามีหมู่เทวดาห้อมล้อมออกจากวิมาน เที่ยวจาริกไปในเทวโลก ในเวลาที่ปรารถนาจะไป [๖๘] ยืนอยู่ภายใต้ดอกไม้ ข้าพเจ้ามีดอกไม้เป็นเครื่องมุงบังอยู่เบื้องบน สถานที่ประมาณ ๑๐๐ โยชน์มุงบังไปด้วยดอกกรรณิการ์ [๖๙] เครื่องดนตรี ๖๐,๐๐๐ ชิ้น บรรเลงกล่อมข้าพเจ้าทั้งเช้าและเย็น ไม่หยุดหย่อน แวดล้อมข้าพเจ้าเป็นนิตย์ ตลอดคืนตลอดวัน [๗๐] ในวิมานนั้น ข้าพเจ้ารื่นรมย์ด้วยการฟ้อน การขับร้อง การเคาะกังสดาล และการประโคม ข้าพเจ้าเป็นผู้หมกมุ่นในกาม บันเทิงอยู่ด้วยความยินดีในการเล่น {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๓ หน้า : ๓๔๕}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕๖. ยสวรรค]

๖. อุตตรเถราปทาน

[๗๑] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าบริโภคและดื่มอยู่ในวิมานนั้น บันเทิงอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ข้าพเจ้าพร้อมด้วยหมู่นางอัปสรบันเทิงอยู่ในวิมานอันอุดม [๗๒] ข้าพเจ้าครองเทวสมบัติตลอด ๕๐๐ ชาติ เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๐๐ ชาติ และได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์นับชาติไม่ถ้วน [๗๓] เมื่อข้าพเจ้าเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ ย่อมได้โภคะมากมาย ข้าพเจ้าไม่มีความบกพร่องในโภคะเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า [๗๔] ข้าพเจ้าเวียนว่ายตายเกิดอยู่ใน ๒ ภพ คือ (๑) ภพเทวดา (๒) ภพมนุษย์ คติอื่นข้าพเจ้าไม่รู้จักเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า [๗๕] ข้าพเจ้าเกิดเฉพาะใน ๒ ตระกูล คือ (๑) ตระกูลกษัตริย์ (๒) ตระกูลพราหมณ์ ตระกูลต่ำข้าพเจ้าไม่รู้จักเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า [๗๖] ยานคือช้าง ยานคือม้า วอและคานหาม ข้าพเจ้าก็ได้รับมาครบถ้วน นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า [๗๗] หมู่ทาสหญิง ทาสชาย และเหล่านารีที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม ข้าพเจ้าก็ได้รับมาครบถ้วน นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า [๗๘] ผ้าไหม ผ้ากัมพล ผ้าเปลือกไม้ และผ้าฝ้าย ข้าพเจ้าก็ได้รับมาครบถ้วน นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๓ หน้า : ๓๔๖}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕๖. ยสวรรค]

๖. อุตตรเถราปทาน

[๗๙] ผ้าใหม่ ผลไม้ใหม่ โภชนะมีรสเลิศใหม่ๆ ข้าพเจ้าก็ได้รับมาครบถ้วน นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า [๘๐] (คำเชื้อเชิญเช่นนี้ว่า) เชิญเคี้ยวกินสิ่งนี้ เชิญบริโภคสิ่งนี้ เชิญนอนบนที่นอนนี้ ข้าพเจ้าก็ได้รับมาครบถ้วน นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า [๘๑] ข้าพเจ้าเป็นผู้ที่เขาบูชาในที่ทุกสถาน มียศสูงส่ง มีพวกมาก มีบริวารไม่แตกแยกกันทุกเมื่อ บรรดาพวกญาติ ข้าพเจ้าเป็นผู้ประเสริฐที่สุด นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า [๘๒] ข้าพเจ้าไม่รู้จักความหนาว ความร้อน ทั้งไม่มีความเร่าร้อน อนึ่ง ทุกข์ทางใจก็ไม่มีในหทัยของข้าพเจ้า [๘๓] ข้าพเจ้าเป็นผู้มีผิวพรรณดุจทองคำ เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ ความเป็นผู้ผิวพรรณทรามข้าพเจ้าไม่รู้จักเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า [๘๔] ข้าพเจ้าถูกกุศลมูลตักเตือนแล้วจุติจากเทวโลก เกิดในตระกูลมหาศาลที่มั่งคั่งในกรุงสาวัตถี [๘๕] ข้าพเจ้าได้ละกามคุณ ๕ ๑- ออกบวชเป็นบรรพชิต มีอายุได้ ๗ ขวบ ก็ได้บรรลุอรหัตตผล @เชิงอรรถ : @ กามคุณ ๕ หมายถึงสิ่งที่น่าปรารถนา น่าใคร่ ๕ อย่าง คือ รูป,เสียง,กลิ่น,รส และโผฏฐัพพะ @(ที.ปา. (แปล) ๑๑/๓๑๕/๓๐๐) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๓ หน้า : ๓๔๗}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕๖. ยสวรรค]

๖. อุตตรเถราปทาน

[๘๖] พระพุทธเจ้าผู้มีพระจักษุ ทรงทราบคุณวิเศษของข้าพเจ้า จึงให้ข้าพเจ้าอุปสมบท ข้าพเจ้ามีอายุน้อยอยู่ก็ได้เป็นปูชนียบุคคล นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า [๘๗] ทิพยจักษุของข้าพเจ้าบริสุทธิ์ ข้าพเจ้าผู้ฉลาดในสมาธิ ถึงความสำเร็จอภิญญา นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า [๘๘] ข้าพเจ้าบรรลุปฏิสัมภิทา ฉลาดในอิทธิบาท๑- ถึงความสำเร็จในธรรมทั้งหลาย นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า [๘๙] ในกัปที่ ๓๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป ข้าพเจ้าได้บูชาพระพุทธเจ้าไว้ จึงไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า [๙๐] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ [๙๑] การที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้า เป็นการมาดีแล้วโดยแท้ วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว @เชิงอรรถ : @ อิทธิบาท หมายถึงคุณเครื่องให้ถึงความสำเร็จ มี ๔ อย่าง คือ (๑) ฉันทะ (ความพอใจรักใคร่สิ่งนั้น) @(๒) วิริยะ (ความพยายามทำสิ่งนั้น) (๓) จิตตะ (ความเอาใจฝักใฝ่สิ่งนั้น) (๔) วิมังสา (ความพิจารณา @ใคร่ครวญหาเหตุผลในสิ่งนั้น) (ที.ปา. (แปล) ๑๑/๓๐๖/๒๗๗) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๓ หน้า : ๓๔๘}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕๖. ยสวรรค]

๗. อปรอุตตรเถราปทาน

[๙๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล ได้ทราบว่า ท่านพระอุตตรเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อุตตรเถราปทานที่ ๖ จบ


                  เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๓๓ หน้าที่ ๓๔๔-๓๔๙. http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=33&siri=146              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2].                   ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33&i=140                   สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu33              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/thi-ap6/en/walters



บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :