ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๔ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕. อุปาลิวรรค]

๑. อุปาลิเถราปทาน

๕. อุปาลิวรรค
หมวดว่าด้วยพระอุบาลีเป็นต้น
๑. อุปาลิเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอุบาลีเถระ
(พระอุบาลีเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า) [๑] พระผู้มีพระภาค ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก มีพระขีณาสพ ๑,๐๐๐ องค์แวดล้อม พระองค์ผู้ขวนขวายวิเวก จึงเสด็จไปเพื่อหลีกเร้น [๒] ข้าพเจ้านุ่งห่มหนังสัตว์ ถือไม้เท้า ๓ ง่ามเที่ยวไป ได้พบพระผู้มีพระภาค ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก มีหมู่ภิกษุห้อมล้อม [๓] ข้าพเจ้าจึงทำหนังสัตว์เฉวียงบ่า ประคองอัญชลีไว้เหนือเศียรเกล้า ถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วชมเชยพระองค์ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลกว่า [๔] สัตว์ทั้งหลายที่เกิดในไข่ เกิดในเถ้าไคล เกิดผุดขึ้น เกิดในครรภ์ และนกมีกาเป็นต้นทั้งหมด ได้เที่ยวไปในอากาศทุกเมื่อ ฉันใด [๕] สัตว์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีสัญญาก็ตาม ไม่มีสัญญาก็ตาม สัตว์เหล่านั้นทั้งหมดก็ฉันนั้น ย่อมเข้าไปปรากฏภายในพระญาณของพระองค์ [๖] อนึ่ง กลิ่นหอมเหล่าใดมีอยู่ที่ภูเขา ณ ภูเขาหิมพานต์ซึ่งเป็นภูเขาสูงสุด กลิ่นหอมเหล่านั้นทั้งหมด ย่อมไม่ควรแม้ส่วนเสี้ยวในศีลของพระองค์เลย {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า : ๑๖๗}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕. อุปาลิวรรค]

๑. อุปาลิเถราปทาน

[๗] โลกนี้พร้อมทั้งเทวโลกแล่นเข้าไปสู่ความมืดคือโมหะ เมื่อพระญาณของพระองค์ส่องแสงโชติช่วงอยู่ ความมืดก็ถูกกำจัดไป [๘] เมื่อดวงอาทิตย์อัสดงคตแล้ว สัตว์ทั้งหลายก็ตกอยู่ในความมืด ฉันใด เมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่เสด็จอุบัติขึ้น สัตว์โลกก็ตกอยู่ในความมืด ฉันนั้น [๙] ดวงอาทิตย์เมื่ออุทัยขึ้น ย่อมขจัดความมืดได้ทุกเมื่อ ฉันใด ข้าแต่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด พระองค์ก็ทรงขจัดความมืดได้ทุกเมื่อ ฉันนั้น [๑๐] พระองค์ทรงมีพระทัยเด็ดเดี่ยวเพื่อบำเพ็ญเพียร ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในโลกพร้อมทั้งเทวโลก ทรงทำหมู่ชนจำนวนมากให้ยินดี ด้วยการปรารภการกระทำของพระองค์ [๑๑] พระผู้มีพระภาคผู้มหามุนีพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้เป็นนักปราชญ์ ทรงสดับคำนั้นแล้ว ทรงอนุโมทนาแล้ว เสด็จเหาะไปในท้องฟ้า เหมือนพญาหงส์โผบินไปในท้องฟ้า ฉะนั้น [๑๒] พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่พระนามว่าปทุมุตตระ เสด็จเหาะขึ้นไปประทับอยู่ในอากาศได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า [๑๓] เราจักพยากรณ์ผู้ที่ชมเชยญาณ ซึ่งประกอบด้วยข้ออุปมาทั้งหลายนี้ ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าวเถิด [๑๔] เขาจักเป็นเทวราช ๑๘ ชาติ จักเป็นพระเจ้าแผ่นดินครองแผ่นดิน ๓๐๐ ชาติ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า : ๑๖๘}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕. อุปาลิวรรค]

๑. อุปาลิเถราปทาน

[๑๕] เขาจักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๒๕ ชาติ จักเป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์ นับชาติไม่ถ้วน [๑๖] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป) พระศาสดาพระนามว่าโคดม ตามพระโคตร ทรงสมภพในราชสกุลโอกกากราช จักอุบัติขึ้นในโลก [๑๗] เขาถูกกุศลมูลตักเตือนแล้วจุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตแล้ว จักเป็นคนต่ำต้อยโดยชาติกำเนิด ชื่อว่าอุบาลี [๑๘] ภายหลัง เขาบวชแล้ว คลายบาปได้ กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงเป็นผู้ไม่มีอาสวะแล้วนิพพาน [๑๙] อนึ่ง พระโคดมพุทธเจ้าผู้ศากยบุตร มีพระยศยิ่งใหญ่ ทรงยินดีแล้ว จักตั้งเขาไว้ในเอตทัคคะว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญทางพระวินัย [๒๐] ข้าพเจ้าบวชด้วยศรัทธา ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีอาสวะ กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ [๒๑] อนึ่ง พระผู้มีพระภาคทรงอนุเคราะห์ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในทางพระวินัย และปรารภกรรมของตนอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ [๒๒] ข้าพเจ้าสำรวมในพระปาติโมกข์และในอินทรีย์ ๕ ทรงพระวินัยทั้งหมด ซึ่งเป็นบ่อเกิดรัตนะทั้งมวลไว้ [๒๓] พระศาสดาผู้ยอดเยี่ยมในโลก ทรงทราบคุณสมบัติของข้าพเจ้า ประทับนั่งในท่ามกลางหมู่ภิกษุแล้ว ทรงแต่งตั้งข้าพเจ้าไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า : ๑๖๙}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๕. อุปาลิวรรค]

๒. โสณโกฬิวิสเถราปทาน

[๒๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล ได้ทราบว่า ท่านพระอุบาลีเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อุปาลิเถราปทานที่ ๑ จบ


                  เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๓๒ หน้าที่ ๑๖๗-๑๗๐. http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=32&siri=43              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [คลิกเพื่อฟัง]                   อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=32&A=2123&Z=2169                   ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=32&i=43              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=32&item=43&items=1              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=50&A=1749              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=32&item=43&items=1              The Pali Atthakatha in Roman :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=50&A=1749                   สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๒ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu32              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/tha-ap43/en/walters



บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :