ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๔ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
๑๐. สปริวารฉัตตทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสปริวารฉัตตทายกเถระ
(พระสปริวารฉัตตทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า) [๘๒] พระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้ทรงรู้แจ้งโลก ผู้สมควรรับเครื่องบูชา ทรงโปรยฝนคือธรรมให้ตกอยู่ เหมือนน้ำฝนในอากาศ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า : ๔๙๕}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค]

๑๐. สปริวารฉัตตทายกเถราปทาน

[๘๓] ข้าพเจ้าได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้นทรงแสดงอมตบทอยู่ จึงทำจิตของตนให้เลื่อมใสแล้วได้กลับไปยังเรือนของตน [๘๔] ข้าพเจ้าถือฉัตรที่ประดับแล้ว เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นนรชนผู้สูงสุด ข้าพเจ้ามีจิตร่าเริงเบิกบาน ได้โยนฉัตรขึ้นไปในอากาศ [๘๕] สาวกผู้ล้ำเลิศ ฝึกตนดุจยานที่ควบคุมดีแล้ว เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กั้นฉัตรไว้เหนือเศียรเกล้า [๘๖] พระพุทธเจ้าผู้อนุเคราะห์ ประกอบด้วยพระกรุณา ทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก ประทับนั่งในท่ามกลางหมู่ภิกษุแล้ว ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า [๘๗] ผู้ใดถวายฉัตรที่ประดับแล้วเป็นที่รื่นรมย์ใจนี้ ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น ผู้นั้นจะไม่ไปเกิดยังทุคติเลย [๘๘] จักได้ครองเทวสมบัติในหมู่เทวดาตลอด ๗ ชาติ และจักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๒ ชาติ [๘๙] ต่อจากนี้ไปอีก ๑๐๐,๐๐๐ กัป พระศาสดาพระนามว่าโคดม ตามพระโคตร จักทรงสมภพในราชสกุลโอกกากราช จักอุบัติขึ้นในโลก [๙๐] ผู้นั้นจักเป็นธรรมทายาทของพระศาสดา พระองค์เป็นโอรสที่ธรรมเนรมิต จักกำหนดรู้อาสวะทั้งปวง เป็นผู้ไม่มีอาสวะแล้วนิพพาน [๙๑] ข้าพเจ้าทราบพระพุทธดำรัสที่ทรงเปล่งออกมา เป็นอาสภิวาจาแล้วก็มีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี จึงเกิดความร่าเริงอย่างยิ่ง {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า : ๔๙๖}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค]

๑๐. สปริวารฉัตตทายกเถราปทาน

[๙๒] ข้าพเจ้าละกำเนิดมนุษย์แล้วได้ไปเกิดในกำเนิดเทวดา วิมานของข้าพเจ้าสวยงาม สูงตระหง่าน เป็นที่รื่นรมย์ใจ [๙๓] เมื่อข้าพเจ้าออกจากวิมาน เทวดาทั้งหลายย่อมกั้นฉัตรขาวให้ ข้าพเจ้ากลับได้ความทรงจำในครั้งนั้น นี้เป็นผลแห่งบุพกรรม [๙๔] ข้าพเจ้าจุติจากเทวโลกแล้ว ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ ในกัปที่ ๑๐๗ นับจากกัปนี้ไป ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๖ ชาติ [๙๕] จุติจากกายนั้นแล้วได้ไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ท่องเที่ยวไปโดยลำดับแล้ว ได้มาเกิดเป็นมนุษย์อีก [๙๖] ชนทั้งหลายได้กั้นฉัตรขาวให้ข้าพเจ้า ผู้ลงมาปฏิสนธิในครรภ์มารดา ข้าพเจ้ามีอายุ ๗ ขวบ ก็ได้ออกบวชเป็นบรรพชิต [๙๗] พราหมณ์มีนามว่าสุนันทะ จบมนตร์ เขาได้ถือฉัตรมีสีดังแก้วผลึกมาถวายพระอัครสาวก [๙๘] พระสารีบุตรผู้มีความเพียรมาก ผู้มีวาจาน่าบูชา อนุโมทนาแล้ว ข้าพเจ้าฟังอนุโมทนาของท่านแล้ว ระลึกถึงบุพกรรมได้ [๙๙] จึงประนมมือ ทำจิตของตนให้เลื่อมใส ระลึกถึงกรรมเก่าแล้วได้บรรลุอรหัตตผล [๑๐๐] ลุกจากอาสนะนั้นแล้วประนมมือไว้เหนือเศียรเกล้า ถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เปล่งวาจานี้ว่า {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า : ๔๙๗}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค]

๑๐. สปริวารฉัตตทายกเถราปทาน

[๑๐๑] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป พระพุทธเจ้าผู้ยอดเยี่ยมในโลกพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้ทรงรู้แจ้งโลก ผู้สมควรรับเครื่องบูชา [๑๐๒] ข้าพเจ้าถวายไตรจีวรที่สวยงามตกแต่งดีแล้วแด่พระองค์ พระสยัมภูพุทธเจ้า ผู้เป็นบุคคลผู้เลิศ ทรงรับด้วยพระหัตถ์ทั้ง ๒ [๑๐๓] ช่างน่าอัศจรรย์ พระพุทธเจ้า ช่างน่าอัศจรรย์ พระธรรม ช่างน่าอัศจรรย์ การที่ข้าพเจ้าได้มาประจวบกับพระศาสดา ด้วยผลแห่งการถวายฉัตรคันหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงไม่เข้าถึงทุคติเลย [๑๐๔] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว ข้าพเจ้ากำหนดรู้อาสวะทั้งปวงได้แล้ว [๑๐๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล ได้ทราบว่า ท่านพระสปริวารฉัตตทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สปริวารฉัตตทายกเถราปทานที่ ๑๐ จบ
อุมาปุปผิยวรรคที่ ๓๓ จบบริบูรณ์
{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า : ๔๙๘}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๓. อุมาปุปผิยวรรค]

รวมอปทานที่มีในวรรค

รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. อุมาปุปผิยเถราปทาน ๒. ปุฬินปูชกเถราปทาน ๓. หาสชนกเถราปทาน ๔. ยัญญสามิกเถราปทาน ๕. นิมิตตสัญญกเถราปทาน ๖. อันนสังสาวกเถราปทาน ๗. นิคคุณฑิปุปผิยเถราปทาน ๘. สุมนาเวฬิยเถราปทาน ๙. ปุปผฉัตติยเถราปทาน ๑๐. สปริวารฉัตตทายกเถราปทาน มีคาถา ๑๐๗ คาถา {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า : ๔๙๙}


                  เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๓๒ หน้าที่ ๔๙๕-๔๙๙. http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=32&siri=332              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [คลิกเพื่อฟัง]                   อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=32&A=6804&Z=6856                   ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=32&i=332              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=32&item=332&items=1              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=32&item=332&items=1                   สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๒ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu32              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/tha-ap332/en/walters



บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :