ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๔ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๑ ธรรมสังคณีปกรณ์
จตุกกนิทเทศ
[๖๓๔] รูปเป็นอุปาทาที่เป็นอุปาทินนะ นั้น เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ อากาสธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิง- *การาหาร ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทาที่เป็นอุปาทินนะ. รูปเป็นอุปาทาที่เป็นอนุปาทินนะ นั้น เป็นไฉน? สัททายตนะ กายวิญญัติ วจีวิญญัติ รูปลหุตา รูปมุทุตา รูปกัมมัญญตา รูปชรตา รูปอนิจจตา หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ อากาสธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมมิได้แต่งขึ้น รูปนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทาที่เป็น อนุปาทินนะ. รูปเป็นอนุปาทาที่เป็นอุปาทินนะ นั้น เป็นไฉน? โผฏฐัพพายตนะ อาโปธาตุ ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทาที่ เป็นอุปาทินนะ. รูปเป็นอนุปาทาที่เป็นอนุปาทินนะ นั้น เป็นไฉน? โผฏฐัพพายตนะ อาโปธาตุ ที่กรรมมิได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทาที่ เป็นอนุปาทินนะ. [๖๓๕] รูปเป็นอุปาทาที่เป็นอุปาทินนุปาทานิยะ นั้น เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ อากาสธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิง- *การาหาร ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทาที่เป็นอุปาทินนุปาทานิยะ. รูปเป็นอุปาทาที่เป็นอนุปาทินนุปาทานิยะ นั้น เป็นไฉน? สัททายตนะ กายวิญญัติ วจีวิญญัติ รูปลหุตา รูปมุทุตา รูปกัมมัญญตา รูปชรตา รูปอนิจจตา หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ อากาสธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมมิได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทาที่ เป็นอนุปาทินนุปาทานิยะ. รูปเป็นอนุปาทาที่เป็นอุปาทินนุปาทานิยะ นั้น เป็นไฉน? โผฏฐัพพายตนะ อาโปธาตุ ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทาที่เป็น อนุปาทินนุปาทานิยะ. รูปเป็นอนุปาทาที่เป็นอนุปาทินนุปาทานิยะ นั้น เป็นไฉน? โผฏฐัพพายตนะ อาโปธาตุ ที่กรรมมิได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทาที่เป็น อนุปาทินนุปาทานิยะ. [๖๓๖] รูปเป็นอุปาทาที่เป็นสัปปฏิฆะ นั้น เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทาที่เป็นสัปปฏิฆะ. รูปเป็นอุปาทาที่เป็นอัปปฏิฆะ นั้น เป็นไฉน? อิตถินทรีย์ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทาที่เป็นอัปปฏิฆะ. รูปเป็นอนุปาทาที่เป็นสัปปฏิฆะ นั้น เป็นไฉน? โผฏฐัพพายตนะ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทาที่เป็นสัปปฏิฆะ. รูปเป็นอนุปาทาที่เป็นอัปปฏิฆะ นั้น เป็นไฉน? อาโปธาตุ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทาที่เป็นอัปปฏิฆะ. [๖๓๗] รูปเป็นอุปาทาที่หยาบ นั้น เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทาที่หยาบ. รูปเป็นอุปาทาที่ละเอียด นั้น เป็นไฉน? อิตถินทรีย์ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทาที่ละเอียด. รูปเป็นอนุปาทาที่หยาบ นั้น เป็นไฉน? โผฏฐัพพายตนะ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทาที่หยาบ. รูปเป็นอนุปาทาที่ละเอียด นั้น เป็นไฉน? อาโปธาตุ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทาที่ละเอียด. [๖๓๘] รูปเป็นอุปาทาที่อยู่ไกล นั้น เป็นไฉน? อิตถินทรีย์ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทาที่อยู่ไกล. รูปเป็นอุปาทาที่อยู่ใกล้ นั้น เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทาที่อยู่ใกล้. รูปเป็นอนุปาทาที่อยู่ไกล นั้น เป็นไฉน? อาโปธาตุ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทาที่อยู่ไกล. รูปเป็นอนุปาทาที่อยู่ใกล้ นั้น เป็นไฉน? โผฏฐัพพายตนะ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทาที่อยู่ใกล้. [๖๓๙] รูปเป็นอุปาทินนะที่เป็นสนิทัสสนะ นั้น เป็นไฉน? รูปายตนะ ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทินนะที่เป็นสนิทัสสนะ. รูปเป็นอุปาทินนะที่เป็นอนิทัสสนะ นั้น เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ อากาสธาตุ อาโปธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทินนะที่เป็นอนิทัสสนะ รูปเป็นอนุปาทินนะที่เป็นสนิทัสสนะ นั้น เป็นไฉน? รูปายตนะ ที่กรรมมิได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทินนะที่เป็นสนิทัสสนะ. รูปเป็นอนุปาทินนะที่เป็นอนิทัสสนะ นั้น เป็นไฉน? สัททายตนะ กายวิญญัติ วจีวิญญัติ รูปลหุตา รูปมุทุตา รูปกัมมัญญตา รูปชรตา รูปอนิจจตา หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ อากาสธาตุ อาโปธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมมิได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้ เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทินนะที่เป็นอนิทัสสนะ. [๖๔๐] รูปเป็นอุปาทินนะที่เป็นสัปปฏิฆะ นั้น เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทินนะที่เป็นสัปปฏิฆะ. รูปเป็นอุปาทินนะที่เป็นอัปปฏิฆะ นั้น เป็นไฉน? อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ อากาสธาตุ อาโปธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็น อุปาทินนะที่เป็นอัปปฏิฆะ. รูปเป็นอนุปาทินนะที่เป็นสัปปฏิฆะ นั้น เป็นไฉน? สัททายตนะ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ ที่กรรมมิได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทินนะที่เป็นสัปปฏิฆะ. รูปเป็นอนุปาทินนะที่เป็นอัปปฏิฆะ นั้น เป็นไฉน? กายวิญญัติ วจีวิญญัติ รูปลหุตา รูปมุทุตา รูปกัมมัญญตา รูปชรตา รูปอนิจจตา หรือแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ อากาสธาตุ อาโปธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมไม่ได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทินนะที่เป็นอัปปฏิฆะ. [๖๔๑] รูปเป็นอุปาทินนะที่เป็นมหาภูต นั้น เป็นไฉน? โผฏฐัพพายตนะ อาโปธาตุ ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทินนะที่เป็น มหาภูต. รูปเป็นอุปาทินนะที่ไม่เป็นมหาภูต นั้น เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ อากาสธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทินนะที่ไม่เป็นมหาภูต. รูปเป็นอนุปาทินนะที่เป็นมหาภูต นั้น เป็นไฉน? โผฏฐัพพายตนะ อาโปธาตุ ที่กรรมไม่ได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทินนะ ที่เป็นมหาภูต. รูปเป็นอนุปาทินนะที่ไม่เป็นมหาภูต นั้น เป็นไฉน? สัททายตนะ กายวิญญัติ วจีวิญญัติ รูปลหุตา รูปมุทุตา รูปกัมมัญญตา รูปชรตา รูปอนิจจตา หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ อากาสธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมไม่ได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทินนะ ที่ไม่เป็นมหาภูต. [๖๔๒] รูปเป็นอุปาทินนะที่หยาบ นั้น เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทินนะที่หยาบ. รูปเป็นอุปาทินนะที่ละเอียด นั้น เป็นไฉน? อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ หรือรูปแม้อื่นใด ได้แก่ อากาสธาตุ อาโปธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทินนะ ที่ละเอียด. รูปเป็นอนุปาทินนะที่หยาบ นั้น เป็นไฉน? สัททายตนะ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ ที่กรรมไม่ได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทินนะที่หยาบ. รูปเป็นอนุปาทินนะที่ละเอียด นั้น เป็นไฉน? กายวิญญัติ วจีวิญญัติ รูปลหุตา รูปมุทุตา รูปกัมมัญญตา รูปชรตา รูปอนิจจตา หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ อากาสธาตุ อาโปธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมไม่ได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทินนะที่ละเอียด. [๖๔๓] รูปเป็นอุปาทินนะที่อยู่ไกล นั้น เป็นไฉน? อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ อากาสธาตุ อาโปธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็น อุปาทินนะที่อยู่ไกล. รูปเป็นอุปาทินนะที่อยู่ใกล้ นั้น เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทินนะที่ใกล้. รูปเป็นอนุปาทาทินนะที่อยู่ไกล นั้น เป็นไฉน? กายวิญญัติ วจีวิญญัติ รูปลหุตา รูปมุทุตา รูปกัมมัญญตา รูปชรตา รูปอนิจจตา หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ อากาสธาตุ อาโปธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมไม่ได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทินนะที่อยู่ไกล. รูปเป็นอนุปาทินนะที่อยู่ใกล้ นั้น เป็นไฉน? สัททายตนะ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ ที่กรรมไม่ได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทินนะที่อยู่ใกล้. [๖๔๔] รูปเป็นอุปาทินนุปาทานิยะที่เป็นสนิทัสสนะ นั้น เป็นไฉน? รูปายตนะ ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทินนุปาทานิยะ ที่เป็นสนิทัสสนะ. รูปเป็นอุปาทินนุปาทานิยะที่เป็นอนิทัสสนะ นั้น เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ อากาสธาตุ อาโปธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทินนุปาทานิยะที่เป็น อนิทัสสนะ. รูปเป็นอนุปาทินนุปาทานิยะที่เป็นสนิทัสสนะ นั้น เป็นไฉน? รูปายตนะ ที่กรรมไม่ได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทินนุปาทานิยะที่เป็น สนิทัสสนะ. รูปเป็นอนุปาทินนุปาทานิยะที่เป็นอนิทัสสนะ นั้น เป็นไฉน? สัททายตนะ กายวิญญัติ วจีวิญญัติ รูปลหุตา รูปมุทุตา รูปกัมมัญญตา รูปชรตา รูปอนิจจตา หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ อากาสธาตุ อาโปธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมไม่ได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็น อนุปาทินนุปาทานิยะที่เป็นอนิทัสสนะ. [๖๔๕] รูปเป็นอุปาทินนุปาทานิยะที่เป็นสัปปฏิฆะ นั้น เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทินนุปาทานิยะที่เป็น สัปปฏิฆะ. รูปเป็นอุปาทินนุปาทานิยะที่เป็นอัปปฏิฆะ นั้น เป็นไฉน? อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ อากาสธาตุ อาโปธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็น อุปาทินนุปาทานิยะที่เป็นอัปปฏิฆะ. รูปเป็นอนุปาทินนุปาทานิยะที่เป็นสัปปฏิฆะ นั้น เป็นไฉน? สัททายตนะ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ ที่กรรมไม่ได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทินนุปาทานิยะที่เป็นสัปปฏิฆะ. รูปเป็นอนุปาทินนุปาทานิยะที่เป็นอัปปฏิฆะ นั้น เป็นไฉน? กายวิญญัติ วจีวิญญัติ รูปลหุตา รูปมุทุตา รูปกัมมัญญตา รูปชรตา รูปอนิจจตา หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ อากาสธาตุ อาโปธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมไม่ได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทินนุปาทานิยะที่เป็นอัปปฏิฆะ. [๖๔๖] รูปเป็นอุปาทินนุปาทานิยะที่เป็นมหาภูต นั้น เป็นไฉน? โผฏฐัพพายตนะ อาโปธาตุ ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทินนุปาทานิยะ ที่เป็นมหาภูต. รูปเป็นอุปาทินนุปาทานิยะที่ไม่เป็นมหาภูต นั้น เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ อากาสธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทินนุปาทานิยะที่ไม่เป็นมหาภูต. รูปเป็นอนุปาทินนุปาทานิยะที่เป็นมหาภูต นั้น เป็นไฉน? โผฏฐัพพายตนะ อาโปธาตุ ที่กรรมไม่ได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทินนุ- *ปาทานิยะที่เป็นมหาภูต. รูปเป็นอนุปาทินนุปาทานิยะที่ไม่เป็นมหาภูต นั้น เป็นไฉน? สัททายตนะ กายวิญญัติ วจีวิญญัติ รูปลหุตา รูปมุทุตา รูปกัมมัญญตา รูปชรตา หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ อากาสธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมไม่ได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้ เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทินนุปาทานิยะ ที่ไม่เป็นมหาภูต. [๖๔๗] รูปเป็นอุปาทินนุปาทานิยะที่หยาบ นั้น เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทินนุปาทานิยะที่หยาบ. รูปเป็นอุปาทินนุปาทานิยะที่ละเอียด นั้น เป็นไฉน? อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ อากาสธาตุ อาโปธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็น อุปาทินนุปาทานิยะที่ละเอียด. รูปเป็นอนุปาทินนุปาทานิยะที่หยาบ นั้น เป็นไฉน? สัททายตนะ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ ที่กรรมไม่ได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทินนุปาทานิยะที่หยาบ. รูปเป็นอนุปาทินนุปาทานิยะที่ละเอียด นั้น เป็นไฉน? กายวิญญัติ วจีวิญญัติ รูปลหุตา รูปมุทุตา รูปกัมมัญญตา รูปชรตา รูปอนิจจตา หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ อากาสธาตุ อาโปธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมไม่ได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทินนุปาทานิยะที่ละเอียด. [๖๔๘] รูปเป็นอุปาทินนุปาทานิยะที่อยู่ไกล นั้น เป็นไฉน? อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ อากาสธาตุ อาโปธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็น อุปาทินนุปาทานิยะที่อยู่ไกล. รูปเป็นอุปาทินนุปาทานิยะที่อยู่ใกล้ นั้น เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ ที่กรรมแต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอุปาทินนุปาทานิยะที่อยู่ใกล้. รูปเป็นอนุปาทินนุปาทานิยะที่อยู่ไกล นั้น เป็นไฉน? กายวิญญัติ วจีวิญญัติ รูปลหุตา รูปมุทุตา รูปกัมมัญญตา รูปชรตา รูปอนิจจตา หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ อากาสธาตุ อาโปธาตุ รูปอุปจยะ รูปสันตติ กพฬิงการาหาร ที่กรรมไม่ได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทินนุปาทานิยะที่อยู่ไกล. รูปเป็นอนุปาทินนุปาทานิยะที่อยู่ใกล้ นั้น เป็นไฉน? สัททายตนะ หรือรูปแม้อื่นใด มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ ที่กรรมไม่ได้แต่งขึ้น รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนุปาทินนุปาทานิยะที่อยู่ใกล้. [๖๔๙] รูปเป็นสัปปฏิฆะที่เป็นอินทรีย์ นั้น เป็นไฉน? จักขุนทรีย์ ฯลฯ กายินทรีย์ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นสัปปฏิฆะที่เป็นอินทรีย์. รูปเป็นสัปปฏิฆะที่ไม่เป็นอินทรีย์ นั้น เป็นไฉน? รูปายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นสัปปฏิฆะที่ไม่เป็นอินทรีย์. รูปเป็นอัปปฏิฆะที่เป็นอินทรีย์ นั้น เป็นไฉน? อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอัปปฏิฆะที่เป็นอินทรีย์. รูปเป็นอัปปฏิฆะที่ไม่เป็นอินทรีย์ นั้น เป็นไฉน? กายวิญญัติ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอัปปฏิฆะที่ไม่เป็นอินทรีย์. [๖๕๐] รูปเป็นสัปปฏิฆะที่เป็นมหาภูต นั้น เป็นไฉน? โผฏฐัพพายตนะ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นสัปปฏิฆะที่เป็นมหาภูต. รูปเป็นสัปปฏิฆะที่ไม่เป็นมหาภูต นั้น เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นสัปปฏิฆะที่ไม่เป็นมหาภูต. รูปเป็นอัปปฏิฆะที่เป็นมหาภูต นั้น เป็นไฉน? อาโปธาตุ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอัปปฏิฆะที่เป็นมหาภูต. รูปเป็นอัปปฏิฆะที่ไม่เป็นมหาภูต นั้น เป็นไฉน? อิตถินทรีย์ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอัปปฏิฆะที่ไม่เป็นมหาภูต. [๖๕๑] รูปเป็นอินทรีย์ที่หยาบ นั้น เป็นไฉน? จักขุนทรีย์ ฯลฯ กายินทรีย์ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอินทรีย์ที่หยาบ. รูปเป็นอินทรีย์ที่ละเอียด นั้น เป็นไฉน? อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอินทรีย์ที่ละเอียด. รูปไม่เป็นอินทรีย์ที่หยาบ นั้น เป็นไฉน? รูปายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปไม่เป็นอินทรีย์ที่หยาบ. รูปไม่เป็นอินทรีย์ที่ละเอียด นั้น เป็นไฉน? กายวิญญัติ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปไม่เป็นอินทรีย์ที่ละเอียด. [๖๕๒] รูปเป็นอินทรีย์ที่อยู่ไกล นั้น เป็นไฉน? อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอินทรีย์ที่อยู่ไกล. รูปเป็นอินทรีย์ที่อยู่ใกล้ นั้น เป็นไฉน? จักขุนทรีย์ ฯลฯ กายินทรีย์ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอินทรีย์ที่อยู่ใกล้. รูปไม่เป็นอินทรีย์ที่อยู่ไกล นั้น เป็นไฉน? กายวิญญัติ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปไม่เป็นอินทรีย์ที่อยู่ไกล. รูปไม่เป็นอินทรีย์ที่อยู่ใกล้ นั้น เป็นไฉน? รูปายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปไม่เป็นอินทรีย์ที่อยู่ใกล้. [๖๕๓] รูปเป็นมหาภูตที่หยาบ นั้น เป็นไฉน? โผฏฐัพพายตนะ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นมหาภูตที่หยาบ. รูปเป็นมหาภูตที่ละเอียด นั้น เป็นไฉน? อาโปธาตุ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นมหาภูตที่ละเอียด. รูปไม่เป็นมหาภูตที่หยาบ นั้น เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปไม่เป็นมหาภูตที่หยาบ. รูปไม่เป็นมหาภูตที่ละเอียด นั้น เป็นไฉน? อิตถินทรีย์ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปไม่เป็นมหาภูตที่ละเอียด. [๖๕๔] รูปเป็นมหาภูตที่อยู่ไกล นั้น เป็นไฉน? อาโปธาตุ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นมหาภูตที่อยู่ไกล. รูปเป็นมหาภูตที่อยู่ใกล้ นั้น เป็นไฉน? โผฏฐัพพายตนะ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นมหาภูตที่อยู่ใกล้. รูปไม่เป็นมหาภูตที่อยู่ไกล นั้น เป็นไฉน? อิตถินทรีย์ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปไม่เป็นมหาภูตที่อยู่ไกล. รูปไม่เป็นมหาภูตที่อยู่ใกล้ นั้น เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ รสายตนะ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปไม่เป็นมหาภูตที่อยู่ใกล้. [๖๕๕] รูปที่เห็นได้ คือ รูปายตนะ รูปที่ฟังได้ คือ สัททายตนะ รูปที่รู้ได้ คือ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ รูปที่รู้แจ้งได้ด้วยใจ คือ รูปทั้งหมด.
สงเคราะห์รูปเป็นหมวดละ ๔ อย่างนี้.
จตุกกนิทเทศ จบ
-----------------------------------------------------
ปัญจกนิทเทศ
[๖๕๖] รูปที่เรียกว่า ปฐวีธาตุ นั้น เป็นไฉน? ธรรมชาติที่แข็ง ธรรมชาติที่กระด้าง ความแข็ง ภาวะที่แข็ง เป็นภายใน หรือภายนอก ก็ตาม เป็นอุปาทินนะหรืออนุปาทินนะก็ตาม อันใด รูปทั้งนี้เรียกว่า ปฐวีธาตุ. รูปที่เรียกว่า อาโปธาตุ นั้น เป็นไฉน? ความเอิบอาบ ธรรมชาติที่เอิบอาบ ความเหนียว ธรรมชาติที่เหนียว ธรรมชาติเครื่อง เกาะกุมรูป เป็นภายในหรือภายนอกก็ตาม เป็นอุปาทินนะหรืออนุปาทินนะก็ตาม อันใด รูปทั้งนี้เรียกว่า อาโปธาตุ รูปที่เรียกว่า เตโชธาตุ นั้น เป็นไฉน? ความร้อน ธรรมชาติที่ร้อน ความอุ่น ธรรมชาติที่อุ่น ความอบอุ่น ธรรมชาติที่อบอุ่น เป็นภายในหรือภายนอกก็ตาม เป็นอุปาทินนะหรืออนุปาทินนะก็ตาม อันใด รูปทั้งนี้เรียกว่า เตโชธาตุ. รูปที่เรียกว่า วาโยธาตุ นั้น เป็นไฉน? ความพัดไปมา ธรรมชาติที่พัดไปมา ธรรมชาติเครื่องค้ำจุนรูป เป็นภายในหรือภายนอก ก็ตาม เป็นอุปาทินนะหรืออนุปาทินนะก็ตาม อันใด รูปทั้งนี้เรียกว่า วาโยธาตุ. รูปที่เป็น อุปาทา นั้น เป็นไฉน? จักขายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปที่เป็นอุปาทา.
สงเคราะห์รูปเป็นหมวดละ ๕ อย่างนี้
ปัญจกนิทเทศ จบ
-----------------------------------------------------
ฉักกนิทเทศ
[๖๕๗] รูปอันจักขุวิญญาณพึงรู้ คือ รูปายตนะ รูปอันโสตวิญญาณพึงรู้ คือ สัททายตนะ รูปอันฆานวิญญาณพึงรู้ คือ คันธายตนะ รูปอันชิวหาวิญญาณพึงรู้ คือ รสายตนะ รูปอันกายวิญญาณพึงรู้ คือ โผฏฐัพพายตนะ รูปอันมโนวิญญาณพึงรู้ คือ รูปทั้งหมด
สงเคราะห์รูปเป็นหมวดละ ๖ อย่างนี้.
ฉักกนิทเทศ จบ
-----------------------------------------------------
สัตตกนิทเทศ
[๖๕๘] รูปอันจักขุวิญญาณพึงรู้ คือ รูปายตนะ รูปอันโสตวิญญาณพึงรู้ คือ สัททายตนะ รูปอันฆานวิญญาณพึงรู้ คือ คันธายตนะ รูปอันชิวหาวิญญาณพึงรู้ คือ รสายตนะ รูปอันกายวิญญาณพึงรู้ คือ โผฏฐัพพายตนะ รูปอันมโนธาตุพึงรู้ คือ รูปายตนะ สัททายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพ- *พายตนะ รูปอันมโนวิญญาณธาตุพึงรู้ คือ รูปทั้งหมด
สงเคราะห์รูปเป็นหมวดละ ๗ อย่างนี้.
สัตตกนิทเทศ จบ
-----------------------------------------------------
อัฏฐกนิทเทศ
[๖๕๙] รูปอันจักขุวิญญาณพึงรู้ คือ รูปายตนะ รูปอันโสตวิญญาณพึงรู้ คือ สัททายตนะ รูปอันฆานวิญญาณพึงรู้ คือ คันธายตนะ รูปอันชิวหาวิญญาณพึงรู้ คือ รสายตนะ รูปอันกายวิญญาณพึงรู้ที่มีสัมผัสเป็นสุข คือ โผฏฐัพพะ อันเป็นที่ชอบใจ รูปอันกายวิญญาณพึงรู้ที่มีสัมผัสเป็นทุกข์ คือ โผฏฐัพพะ อันไม่เป็นที่ชอบใจ รูปอันมโนธาตุพึงรู้ คือ รูปายตนะ สัททายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ รูปอันมโนวิญญาณธาตุพึงรู้ คือ รูปทั้งหมด
สงเคราะห์รูปเป็นหมวดละ ๘ อย่างนี้.
อัฏฐกนิทเทศ จบ
-----------------------------------------------------
นวกนิทเทศ
[๖๖๐] รูปที่เรียกว่า จักขุนทรีย์ นั้น เป็นไฉน? จักขุใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ ฯลฯ นี้เรียกว่า จักขุบ้าง ฯลฯ บ้านว่างบ้าง รูปทั้งนี้เรียกว่า จักขุนทรีย์. รูปที่เรียกว่า โสตินทรีย์ ฯลฯ ที่เรียกว่า ฆานินทรีย์ ฯลฯ ที่เรียกว่า ชิวหินทรีย์ ฯลฯ ที่เรียกว่า กายินทรีย์ ฯลฯ ที่เรียกว่า อิตถินทรีย์ ฯลฯ ที่เรียกว่า ปุริสินทรีย์ ฯลฯ ที่เรียกว่า ชีวิตินทรีย์ นั้นเป็นไฉน? อายุ ความดำรงอยู่ ความเป็นไปอยู่ กิริยาที่เป็นไปอยู่ อาการที่สืบเนื่องกันอยู่ ความ- *ประพฤติเป็นไปอยู่ ความหล่อเลี้ยงอยู่ ชีวิต อินทรีย์คือชีวิตแห่งรูปธรรมนั้นๆ อันใด รูปทั้งนี้ เรียกว่า ชีวิตินทรีย์. รูปที่ไม่เป็นอินทรีย์ นั้น เป็นไฉน? รูปายตนะ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปที่ไม่เป็นอินทรีย์.
สงเคราะห์รูปเป็นหมวดละ ๙ อย่างนี้.
นวกนิทเทศ จบ
-----------------------------------------------------
ทสกนิทเทศ
[๖๖๑] รูปที่เรียกว่า จักขุนทรีย์ นั้น เป็นไฉน? จักขุใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ ฯลฯ นี้เรียกว่า จักขุบ้าง ฯลฯ บ้านว่างบ้าง รูปทั้งนี้เรียกว่า จักขุนทรีย์. รูปที่เรียกว่า โสตินทรีย์ ฯลฯ ที่เรียกว่า ฆานินทรีย์ ฯลฯ ที่เรียกว่า ชิวหินทรีย์ ฯลฯ ที่เรียกว่า กายินทรีย์ ฯลฯ ที่เรียกว่า อิตถินทรีย์ ฯลฯ ที่เรียกว่า ปุริสินทรีย์ ฯลฯ ที่เรียกว่า ชีวิตินทรีย์ นั้น เป็นไฉน? อายุ ความดำรงอยู่ ความเป็นไปอยู่ กิริยาที่เป็นไปอยู่ อาการที่สืบเนื่องกันอยู่ ความ ประพฤติเป็นไปอยู่ ความหล่อเลี้ยงอยู่ ชีวิต อินทรีย์คือชีวิต แห่งรูปธรรมนั้นๆ อันใด รูป- *ทั้งนี้เรียกว่า ชีวิตินทรีย์. รูปที่ไม่เป็นอินทรีย์ที่เป็นสัปปฏิฆะ นั้น เป็นไฉน? รูปายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปที่ไม่เป็นอินทรีย์ที่เป็นสัปปฏิฆะ. รูปที่ไม่เป็นอินทรีย์ที่เป็นอัปปฏิฆะ นั้น เป็นไฉน? กายวิญญัติ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปที่ไม่เป็นอินทรีย์ ที่เป็นอัปปฏิฆะ.
สงเคราะห์รูปเป็นหมวดละ ๑๐ อย่างนี้.
ทสกนิทเทศ จบ
-----------------------------------------------------
เอกาทสกนิทเทศ
[๖๖๒] รูปที่เรียกว่า จักขายตนะ นั้น เป็นไฉน? จักขุใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ ฯลฯ นี้เรียกว่า จักขุบ้าง ฯลฯ บ้านว่างบ้าง รูปทั้งนี้เรียกว่า จักขายตนะ. รูปที่เรียกว่า โสตายตนะ ฯลฯ ที่เรียกว่า ฆานายตนะ ฯลฯ ที่เรียกว่า ชิวหายตนะ ฯลฯ ที่เรียกว่า กายายตนะ ฯลฯ ที่เรียกว่า รูปายตนะ ฯลฯ ที่เรียกว่า สัททายตนะ ฯลฯ ที่เรียกว่า คันธายตนะ ฯลฯ ที่เรียกว่า รสายตนะ ฯลฯ ที่เรียกว่า โผฏฐัพพายตนะ นั้น เป็นไฉน? ปฐวีธาตุ ฯลฯ เรียกว่า โผฏฐัพพะบ้าง โผฏฐัพพธาตุบ้าง รูปทั้งนี้เรียกว่า โผฏฐัพ- *พายตนะ. รูปเป็นอนิทัสสนะ เป็นอัปปฏิฆะ แต่นับเนื่องในธัมมายตนะ นั้น เป็นไฉน? อิตถินทรีย์ ฯลฯ กพฬิงการาหาร รูปทั้งนี้เรียกว่า รูปเป็นอนิทัสสนะ เป็นอัปปฏิฆะ แต่นับเนื่องในธัมมายตนะ.
สงเคราะห์รูปเป็นหมวดละ ๑๑ อย่างนี้.
เอกาทสกนิทเทศ จบ.
รูปวิภัตติ จบ.
ภาณวารที่ ๘ จบ.
-----------------------------------------------------

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๔ บรรทัดที่ ๕๓๘๙-๕๗๔๕ หน้าที่ ๒๑๕-๒๒๙. https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=34&A=5389&Z=5745&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3], [4], [5]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=34&siri=53              ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=34&i=634              ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- [634-662] https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=34&item=634&items=29              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=53&A=9876              The Pali Tipitaka in Roman :- [634-662] https://84000.org/tipitaka/pali/roman_item_s.php?book=34&item=634&items=29              The Pali Atthakatha in Roman :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=53&A=9876              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๔ https://84000.org/tipitaka/read/?index_34              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/ds2.2.3/en/caf_rhysdavids#pts-vp-en232

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :