ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๐ สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
สัฏฐิเปยยาลที่ ๒
ฉันทสูตรที่ ๑
[๒๕๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละความพอ ใจในสิ่งนั้นเสีย ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าไม่เที่ยง ดูกรภิกษุทั้งหลาย จักษุ ไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละความพอใจในจักษุนั้นเสีย หูไม่เที่ยง ... จมูกไม่เที่ยง ... ลิ้นไม่เที่ยง ... กายไม่เที่ยง ... ใจไม่เที่ยงเธอทั้งหลายพึงละความพอใจในใจ นั้นเสีย ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอพึงละความพอใจในสิ่งนั้นเสีย ฯ
จบสูตรที่ ๑
ราคสูตรที่ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละความรักใคร่ในสิ่ง นั้นเสีย ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าไม่เที่ยง ดูกรภิกษุทั้งหลาย จักษุไม่ เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละความรักใคร่ในจักษุนั้นเสีย หูไม่เที่ยง ... จมูกไม่ เที่ยง ... ลิ้นไม่เที่ยง ... กายไม่เที่ยง ... ใจไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละความ รักใคร่ในใจนั้นเสีย ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละความ รักใคร่ในสิ่งนั้นเสีย ฯ
จบสูตรที่ ๒
ฉันทราคสูตรที่ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละความพอใจและ ความรักใคร่ในสิ่งนั้นเสีย ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าไม่เที่ยง ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย จักษุไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละความพอใจและความรักใคร่ในจักษุนั้นเสีย หูไม่เที่ยง ... จมูกไม่เที่ยง ... ลิ้นไม่เที่ยง ... กายไม่เที่ยง ... ใจไม่เที่ยงเธอทั้งหลาย พึงละความพอใจและความรักใคร่ในใจนั้นเสีย ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละความพอใจและความรักใคร่ในสิ่งนั้นเสีย ฯ
จบสูตรที่ ๓

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ บรรทัดที่ ๓๙๐๐-๓๙๒๓ หน้าที่ ๑๖๙-๑๗๐. https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=18&A=3900&Z=3923&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [คลิกเพื่อฟัง]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=18&siri=146              ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=18&i=257              ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- [257] https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=18&item=257&items=1              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=13&A=1224              The Pali Tipitaka in Roman :- [257] https://84000.org/tipitaka/pali/roman_item_s.php?book=18&item=257&items=1              The Pali Atthakatha in Roman :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=13&A=1224              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๘ https://84000.org/tipitaka/read/?index_18              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://84000.org/tipitaka/english/metta.lk/18i257-e.php# https://suttacentral.net/sn35.168/en/sujato https://suttacentral.net/sn35.169/en/sujato https://suttacentral.net/sn35.170/en/sujato

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :