บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
|
|
[๓๒๗] โพชฌงค์ ๗ อย่าง ๑. สติสัมโพชฌงค์ [องค์แห่งปัญญาเครื่องตรัสรู้คือความ ระลึกได้] ๒. ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ [องค์แห่งปัญญาเครื่องตรัสรู้คือการสอดส่อง ธรรม] ๓. วิริยสัมโพชฌงค์ [องค์แห่งปัญญาเครื่องตรัสรู้คือความเพียร] ๔. ปีติสัมโพชฌงค์ [องค์แห่งปัญญาเครื่องตรัสรู้คือความอิ่มใจ] ๕. ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ [องค์แห่งปัญญาเครื่องตรัสรู้คือความสงบ] ๖. สมาธิสัมโพชฌงค์ [องค์แห่งปัญญาเครื่องตรัสรู้คือความ ตั้งใจมั่น] ๗. อุเปกขาสัมโพชฌงค์ [องค์แห่งปัญญาเครื่องตรัสรู้คือ ความ วางเฉย] [๓๒๘] บริขารของสมาธิ ๗ อย่าง ๑. สัมมาทิฏฐิ [ความเห็นชอบ] ๒. สัมมาสังกัปปะ [ความดำริชอบ] ๓. สัมมาวาจา [เจรจาชอบ] ๔. สัมมากัมมันตะ [การงานชอบ] ๕. สัมมาอาชีวะ [เลี้ยงชีวิตชอบ] ๖. สัมมาวายามะ [พยายามชอบ] ๗. สัมมาสติ [ระลึกชอบ] [๓๒๙] อสัทธรรม ๗ อย่าง ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ๑. เป็นคนไม่มีศรัทธา ๒. เป็นคนไม่มีหิริ ๓. เป็นคนไม่มีโอตตัปปะ ๔. เป็นคนมีสุตะน้อย ๕. เป็นคนเกียจคร้าน ๖. เป็นคนมีสติหลงลืม ๗. เป็นคนมีปัญญาทราม [๓๓๐] สัทธรรม ๗ อย่าง ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ๑. เป็นคนมีศรัทธา ๒. เป็นคนมีหิริ ๓. เป็นคนมีโอตตัปปะ ๔. เป็นคนมีพหูสูต ๕. เป็นคนปรารภความเพียร ๖. เป็นคนมีสติมั่นคง ๗. เป็นคนมีปัญญา [๓๓๑] สัปปุริสธรรม ๗ อย่าง ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ๑. เป็นผู้รู้จักเหตุ ๒. เป็นผู้รู้จักผล ๓. เป็นผู้รู้จักตน ๔. เป็นผู้รู้จักประมาณ ๕. เป็นผู้รู้จักกาล ๖. เป็นผู้รู้จักบริษัท ๗. เป็นผู้รู้จักบุคคล [๓๓๒] นิททสวัตถุ ๗ อย่าง ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ๑. เป็นผู้มีความพอใจอย่างแรงกล้าในการสมาทานสิกขา ทั้งเป็นผู้ไม่ หมดความรักในการสมาทานสิกขาต่อไปด้วย ๒. เป็นผู้มีความพอใจอย่างแรงกล้าในการไตร่ตรองธรรม ทั้งเป็นผู้ไม่ หมดความรักในการไตร่ตรองธรรมต่อไปด้วย ๓. เป็นผู้มีความพอใจอย่างแรงกล้าในการปราบปรามความอยาก ทั้งเป็น ผู้ไม่หมดความรักในการปราบปรามความอยากต่อไปด้วย ๔. เป็นผู้มีความพอใจอย่างแรงกล้าในการเร้นอยู่ ทั้งเป็นผู้ไม่หมดความ รักในการเร้นอยู่ต่อไปด้วย ๕. เป็นผู้มีความพอใจอย่างแรงกล้าในการปรารภความเพียร ทั้งเป็นผู้ไม่ หมดความรักในการปรารภความเพียรต่อไปด้วย ๖. เป็นผู้มีความพอใจอย่างแรงกล้าในสติและปัญญาเครื่องรักษาตน ทั้ง เป็นผู้ไม่หมดความรักในสติและปัญญาเครื่องรักษาตนต่อไปด้วย ๗. เป็นผู้มีความพอใจอย่างแรงกล้าในการแทงตลอดซึ่งทิฐิ ทั้งเป็นผู้ไม่ หมดความรักในการแทงตลอดซึ่งทิฐิต่อไปด้วย [๓๓๓] สัญญา ๗ อย่าง ๑. อนิจจสัญญา [กำหนดหมายความไม่เที่ยง] ๒. อนัตตสัญญา [กำหนดหมายเป็นอนัตตา] ๓. อสุภสัญญา [กำหนดหมายความไม่งาม] ๔. อาทีนวสัญญา [กำหนดหมายโทษ] ๕. ปหานสัญญา [กำหนดหมายเพื่อละ] ๖. วิราคสัญญา [กำหนดหมายวิราคะ] ๗. นิโรธสัญญา [กำหนดหมายนิโรธ] [๓๓๔] พละ ๗ อย่าง ๑. สัทธาพละ [กำลังคือศรัทธา] ๒. วิริยพละ [กำลังคือความเพียร] ๓. หิริพละ [กำลังคือหิริ] ๔. โอตตัปปพละ [กำลังคือโอตตัปปะ] ๕. สติพละ [กำลังคือสติ] ๖. สมาธิพละ [กำลังคือสมาธิ] ๗. ปัญญาพละ [กำลังคือปัญญา] [๓๓๕] วิญญาณฐิติ ๗ อย่าง ๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย มีสัตว์พวกหนึ่งมีกายต่างกัน มีสัญญาต่างกัน เช่นพวกมนุษย์และพวกเทพบางพวก พวกวินิปาติกะบางพวก นี้วิญญาณฐิติข้อ ที่หนึ่ง ๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย มีสัตว์พวกหนึ่งมีกายต่างกัน มีสัญญาอย่าง เดียวกัน เช่นพวกเทพผู้นับเนื่องในพวกพรหมซึ่งเกิดในภูมิปฐมฌาน นี้วิญญาณ- *ฐิติข้อที่สอง ฯ ๓. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย มีสัตว์พวกหนึ่งมีกายอย่างเดียวกัน มีสัญญา ต่างกัน เช่นพวกเทพเหล่าอาภัสสระ นี้วิญญาณฐิติข้อที่สาม ฯ ๔. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย มีสัตว์พวกหนึ่งมีกายอย่างเดียวกัน มีสัญญา อย่างเดียวกัน เช่นพวกเทพเหล่าสุภกิณหา นี้วิญญาณฐิติข้อที่สี่ ฯ ๕. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย มีสัตว์พวกหนึ่งเข้าถึงอากาสานัญจายตนะด้วย มนสิการว่า อากาศหาที่สุดมิได้ เพราะล่วงรูปสัญญา โดยประการทั้งปวง เพราะ ดับปฏิฆสัญญา เพราะไม่ใส่ใจถึงนานัตตสัญญา นี้วิญญาณฐิติข้อที่ห้า ฯ ๖. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย มีสัตว์พวกหนึ่งก้าวล่วงอากาสานัญจายตนะโดย ประการทั้งปวงแล้ว เข้าถึงวิญญาณัญจายตนะด้วยมนสิการว่า วิญญาณหาที่สุดมิได้ นี้วิญญาณฐิติข้อที่หก ฯ ๗. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย มีสัตว์พวกหนึ่งก้าวล่วงวิญญาณัญจายตนะโดย ประการทั้งปวงแล้ว เข้าถึงอากิญจัญญายตนะด้วยมนสิการว่า ไม่มีอะไร นี้วิญญาณ- *ฐิติข้อที่เจ็ด ฯ [๓๓๖] ทักขิเณยยบุคคล ๗ อย่าง ๑. อุภโตภาควิมุตต [ท่านผู้หลุดพ้นแล้วโดยส่วนทั้งสอง] ๒. ปัญญาวิมุตต [ท่านผู้หลุดพ้นแล้วด้วยอำนาจปัญญา] ๓. กายสักขิ [ท่านผู้สามารถด้วยกาย] ๔. ทิฏฐิปัตต [ท่านผู้ถึงแล้วด้วยความเห็น] ๕. สัทธาวิมุตต [ท่านผู้พ้นแล้วด้วยอำนาจศรัทธา] ๖. ธัมมานุสารี [ท่านผู้ประพฤติตามธรรม] ๗. สัทธานุสารี [ท่านผู้ประพฤติตามศรัทธา] [๓๓๗] อนุสัย ๗ อย่าง ๑. กามราคานุสัย [สภาพที่นอนเนื่องในสันดานคือความ กำหนัดในกาม] ๒. ปฏิฆานุสัย [สภาพที่นอนเนื่องในสันดานคือความ กระทบกระทั่งแห่งจิต] ๓. ทิฏฐานุสัย [สภาพที่นอนเนื่องในสันดานคือความ เห็น] ๔. วิจิกิจฉานุสัย [สภาพที่นอนเนื่องในสันดานคือความ สงสัย] ๕. มานานุสัย [สภาพที่นอนเนื่องในสันดานคือความ ถือตัว] ๖. ภวราคานุสัย [สภาพที่นอนเนื่องในสันดานคือความ กำหนัดในภพ] ๗. อวิชชานุสัย [สภาพที่นอนเนื่องในสันดานคือความ ไม่รู้] [๓๓๘] สัญโญชน์ ๗ อย่าง ๑. กามสัญโญชน์ [เครื่องเหนี่ยวรั้งคือความใคร่] ๒. ปฏิฆสัญโญชน์ [เครื่องเหนี่ยวรั้งคือความกระทบกระทั่ง แห่งจิต] ๓. ทิฏฐิสัญโญชน์ [เครื่องเหนี่ยวรั้งคือความเห็น] ๔. วิจิกิจฉาสัญโญชน์ [เครื่องเหนี่ยวรั้งคือความสงสัย] ๕. มานสัญโญชน์ [เครื่องเหนี่ยวรั้งคือความถือตัว] ๖. ภวราคสัญโญชน์ [เครื่องเหนี่ยวรั้งคือความกำหนัดในภพ] ๗. อวิชชาสัญโญชน์ [เครื่องเหนี่ยวรั้งคือความไม่รู้] [๓๓๙] อธิกรณสมถะ ๗ อย่าง เพื่อความสงบ เพื่อความระงับอธิกรณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้ว ๑. พึงให้สัมมุขาวินัย ๒. พึงให้สติวินัย ๓. พึงให้อมุฬหวินัย ๔. พึงปรับตามปฏิญญา ๕. พึงถือเอาเสียงข้างมากเป็นประมาณ ๖. พึงปรับตามความผิดของจำเลย ๗. พึงใช้ติณวัตถารกวิธี [ประนีประนอมดังกลบไว้ด้วยหญ้า] ฯ ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ธรรมประเภทละ ๗ๆ เหล่านี้แล อันพระผู้มีพระ- *ภาคผู้ทรงรู้ทรงเห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ตรัสไว้โดย ชอบแล้ว พวกเราทั้งหมดด้วยกันพึงสังคายนา ไม่พึงแก่งแย่งกันในธรรมนั้นเนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ บรรทัดที่ ๖๑๗๓-๖๓๑๕ หน้าที่ ๒๕๓-๒๕๙. https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=11&A=6173&Z=6315&pagebreak=0 ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2] อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=11&siri=10 ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=11&i=221 ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- [327-339] https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=11&item=327&items=13 อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=6&A=4096 The Pali Tipitaka in Roman :- [327-339] https://84000.org/tipitaka/pali/roman_item_s.php?book=11&item=327&items=13 The Pali Atthakatha in Roman :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=6&A=4096 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๑ https://84000.org/tipitaka/read/?index_11 อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/dn33/en/sujato https://suttacentral.net/dn33/en/tw-caf_rhysdavids
บันทึก ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]