ผลการค้นหา คำว่า  “ สกทาคา ”  :-
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑  พระวินัยปิฎกเล่มที่ ๑  มหาวิภังค์ ภาค ๑
ตติยฌาน รูปโน้นได้จตุตถฌาน รูปโน้นเป็นพระโสดาบัน รูปโน้นเป็นพระสกทาคามี รูปโน้น
รูปโน้นได้ตติยฌาน รูปโน้นได้จตุตถฌาน รูปโน้นเป็นพระโสดาบัน รูปโน้นเป็นพระสกทาคามี
สกทาคามิผล การทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล การทำให้แจ้งซึ่งอรหัตตผล
สกทาคามิผล
	ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าสกทาคามิผลแล้ว ด้วยอาการ ๓ อย่าง ... ๔ อย่าง ...
	ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าสกทาคามิผลอยู่ ด้วยอาการ ๓ อย่าง ... ๔ อย่าง ...
	ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าสกทาคามิผลได้แล้ว ด้วยอาการ ๓ อย่าง ...
	ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้สกทาคามิผล ด้วยอาการ ๓ อย่าง ... ๔ อย่าง ...
	ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญสกทาคามิผล ด้วยอาการ ๓ อย่าง ... ๔ อย่าง ...
	ภิกษุรู้อยู่ กล่าวเท็จว่า สกทาคามิผลข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ด้วยอาการ ๓ อย่าง ...
ปฐมฌาน-สกทาคามิผล
ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌานและสกทาคามิผล ด้วยอาการ ๓ อย่าง ... ๔ อย่าง ... ๕ อย่าง ...
	๒๑ ... ทุติยฌานและสกทาคามิผล ...         	ต้องอาบัติปาราชิก
	๒๓ ภิกษุรู้อยู่ ... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งสกทาคามิผล ...
อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘ โสดาปัตติผล สกทาคามิผล
	๒๒ ภิกษุรู้อยู่ ... แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าสกทาคามิผลแล้ว ... เมื่อคนอื่นเข้าใจ
	๒๑ ภิกษุรู้อยู่ ... แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าสกทาคามิผลแล้ว ... เมื่อคนอื่นเข้าใจ
	๒๓ ภิกษุรู้อยู่ ... แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าสกทาคามิผลแล้ว ... เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้อง
	๒๑ ภิกษุรู้อยู่ ... แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสกทาคามิผลแล้ว ... เมื่อคนอื่น
	๒๐ ภิกษุรู้อยู่ ... แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าสกทาคามิผลแล้ว ... เมื่อคนอื่นเข้าใจ ต้อง
	๒๓ ภิกษุรู้อยู่ ... แต่กล่าวเท็จว่า ข้าพเจ้าเข้าสกทาคามิผลแล้ว ... เมื่อคนอื่นเข้าใจ
สกทาคามิผล อนาคามิผลและอรหัตตผลแล้ว ราคะ ข้าพเจ้าสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว
... โสดาปัตติผล ... สกทาคามิผล ... อนาคามิผล ... อรหัตตผล ด้วยอาการ ๓ อย่าง ... ๔ อย่าง ...
โสดาปัตติผล ... สกทาคามิผล ... อนาคามิผล ... อรหัตตผล ด้วยอาการ ๓ อย่าง ... ๔ อย่าง ...
องค์ ๘ ... โสดาปัตติผล ... สกทาคามิผล ... อนาคามิผล ... อรหัตตผล ด้วยอาการ ๓ อย่าง ...
อริยมรรคมีองค์ ๘ ... โสดาปัตติผล ... สกทาคามิผล ... อนาคามิผล ... อรหัตตผล ด้วยอาการ
โพชฌงค์ ๗  ...  อริยมรรคมีองค์ ๘  ...  โสดาปัตติผล  ...  สกทาคามิผล  ...  อนาคามิผล  ...  อรหัตตผล
... โสดาปัตติผล  ...  สกทาคามิผล  ...  อนาคามิผล  ...  อรหัตตผล ด้วยอาการ ๓ อย่าง ... ๔ อย่าง ...
อริยมรรคมีองค์ ๘ ... โสดาปัตติผล  ...  สกทาคามิผล  ...  อนาคามิผล  ...  อรหัตตผล ด้วยอาการ
อริยมรรคมีองค์ ๘  ...  โสดาปัตติผล  ...  สกทาคามิผล  ...  อนาคามิผล  ...  อรหัตตผล ด้วยอาการ
องค์ ๘  ...  โสดาปัตติผล  ...  สกทาคามิผล  ...  อนาคามิผล  ...  อรหัตตผล ด้วยอาการ ๓ อย่าง ...
...  อริยมรรคมีองค์ ๘  ...  โสดาปัตติผล  ...  สกทาคามิผล  ... อนาคามิผล  ...  อรหัตตผล ด้วยอาการ
อริยมรรคมีองค์ ๘  ...  โสดาปัตติผล  ...  สกทาคามิผล  ...  อนาคามิผล  ...  อรหัตตผล ด้วยอาการ
สกทาคามิผล ... อนาคามิผล ... อรหัตตผล ด้วยอาการ ๓ อย่าง ... ๔ อย่าง ... ๕ อย่าง  ... ๖ อย่าง ... ๗ อย่าง
สกทาคามิผล ... อนาคามิผล ... อรหัตตถผล ด้วยอาการ ๓ อย่าง ... ๔ อย่าง ... ๕ อย่าง  ... ๖ อย่าง
ปัตติผล ... สกทาคามิผล ... อนาคามิผล ... อรหัตตผล ด้วยอาการ ๓ อย่าง ... ๔ อย่าง ... ๕ อย่าง ...
๗ ... อริยมรรคมีองค์ ๘  ... โสดาปัตติผล  ...  สกทาคามิผล  ... อนาคามิผล  ... อรหัตตผลด้วยอาการ

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒  พระวินัยปิฎกเล่มที่ ๒  มหาวิภังค์ ภาค ๒
ตติยฌาน รูปโน้นได้จตุตถฌาน รูปโน้นเป็นพระโสดาบัน รูปโน้นเป็นพระสกทาคามี รูปโน้น
รูปโน้นได้ตติยฌาน รูปโน้นได้จตุตถฌาน รูปโน้นเป็นพระโสดาบัน รูปโน้นเป็นพระสกทาคามี
	ที่ชื่อว่า การทำผลให้แจ้ง ได้แก่ การทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ... สกทาคามิผล
บอกสกทาคามิผล
	... ข้าพเจ้าเข้าสกทาคามิผลแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
	... เข้าสกทาคามิผลอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
	... เป็นผู้เข้าสกทาคามิผลแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
	... เป็นผู้ได้สกทาคามิผล  ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
	... เป็นผู้ชำนาญในสกทาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
	... สกทาคามิผล ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและสกทาคามิผล
	... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสกทาคามิผลแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
	... เข้าปฐมฌานและสกทาคามิผลอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
	... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและสกทาคามิผลแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
	... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและสกทาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
	... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและสกทาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
	... ปฐมฌานและสกทาคามิผล ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
	... ทุติยฌานและสกทาคามิผล ..., ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
	... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งสกทาคามิผล ต้องอาบัติ
มีองค์ ๘ ... โสดาปัตติผล ... สกทาคามิผล ... อนาคามิผล ... อรหัตผล ... ราคะข้าพเจ้าสละแล้ว คายแล้ว
	... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสกทาคามิผลแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ,  ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
สกทาคามิผล อนาคามิผล และอรหัตผลแล้ว ราคะข้าพเจ้าสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว
... โสดาปัตติผล ... สกทาคามิผล ... อนาคามิผล ... อรหัตผล ..., ต้องอาบัติทุกกฏ.

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๕  พระวินัยปิฎกเล่มที่ ๕  มหาวรรค ภาค ๒
สกทาคามิผล อนาคามิผล หรืออรหัตผล หม่อมฉันจักเข้าไปหาภิกษุพวกนั้น แล้วเรียนถามว่า

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๗  พระวินัยปิฎกเล่มที่ ๗  จุลวรรค ภาค ๒
	ภิกษุบางพวกกราบทูลอย่างนี้ว่า พระพุทธเจ้าข้า ภิกษุใดเป็นพระสกทาคามี

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๙  พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑  ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
	[๒๕๑] ดูกรมหาลี ข้ออื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นสกทาคามี มาสู่โลกนี้เพียงอีกครั้งเดียว
โสดาปัตติผลบ้าง สกทาคามิผลบ้าง อนาคามิผลบ้าง อรหัตผลบ้าง และแก่กุลบุตรผู้ที่อบรมครรภ์
ทำให้แจ้งโสดาปัตติผลบ้าง สกทาคามิผลบ้าง อนาคามิผลบ้าง อรหัตผลบ้าง และกุลบุตรผู้ที่

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐  พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒  ทีฆนิกาย มหาวรรค
ราคะ โทสะ โมหะเบาบาง เป็นพระสกทาคามี กลับมายังโลกนี้คราวเดียวเท่านั้น
เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป และเพราะราคะ โทสะ โมหะเบาบาง เป็นพระสกทาคามี
ทำกาละล่วงไปนานแล้ว เป็นพระสกทาคามี เพราะสิ้นสังโยชน์ ๓ อย่าง เพราะ
เป็นพระสกทาคามี เพราะสิ้นสังโยชน์ ๓ อย่าง เพราะราคะ โทสะ และโมหะ
พระสกทาคามี เพราะสิ้นสังโยชน์ ๓ อย่าง เพราะราคะ โทสะ และโมหะ
กว่า ๙๐ คน ซึ่งเป็นผู้บำเรอ ทำกาละล่วงไปนานแล้ว เป็นพระสกทาคามี เพราะ
ถึงความไม่ตกต่ำ อนึ่ง ข้าพระพุทธเจ้าตั้งความหวังไว้เพื่อความเป็นพระสกทาคามี ฯ
ความเป็นพระสกทาคามีนี้ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมา ก็มีอะไรเป็นเหตุ ท่าน
เป็นพระสกทาคามี ดังจะกราบทูลให้ทรงทราบ ข้าพระพุทธเจ้าถูกท้าวเวสสวรรณ
พระสกทาคามีเท่าไร และหมู่สัตว์นอกนี้บังเกิดด้วยส่วนบุญ ฯ
ก็มี บางพวกเป็นพระสกทาคามี เพราะสิ้นสังโยชน์ ๓ อย่าง เพราะราคะ โทสะ

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๑  พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๓  ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
พระองค์ว่า บุคคลนี้ เมื่อปฏิบัติตามที่สั่งสอน จักเป็นพระสกทาคามี จักมาสู่โลก
พระองค์ว่า บุคคลนี้จักเป็นพระสกทาคามี จักมาสู่โลกนี้อีกคราวเดียวเท่านั้น แล้ว
ยังมีอีก ภิกษุจะเป็นพระสกทาคามี มาสู่โลกนี้คราวเดียวเท่านั้น แล้วจะทำที่สุด
		๒. สกทาคามิผล
		๓. ท่านที่เป็นพระสกทาคามี
		๔. ท่านที่ปฏิบัติเพื่อทำสกทาคามิผลให้แจ้ง
โสดาปัตติผล ๑ สกทาคามิผล ๑ อนาคามิผล ๑ อรหัตตผล ๑ ธรรม ๔ อย่าง

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๒  พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๔  มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
	[๘๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุจะพึงหวังว่า เราพึงเป็นพระสกทาคามี เพราะความ
พระสกทาคามี มาสู่โลกนี้คราวเดียวเท่านั้น จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ใน
เป็นสกทาคามีบุคคล มาสู่โลกนี้คราวเดียว ก็จักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ แม้ภิกษุพวกนั้น ก็ชื่อว่า

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๓  พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๕  มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
สกทาคามี จักมายังโลกนี้คราวเดียวเท่านั้น แล้วทำที่สุดทุกข์ได้ เพราะสังโยชน์สามสิ้นไป
ภิกษุณีชื่อนี้ทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า เป็นพระสกทาคามี จักกลับมายัง
มาว่า อุบาสกชื่อนี้ทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า เป็นพระสกทาคามี จักกลับมา
พยากรณ์ว่า เป็นพระสกทาคามี จักกลับมายังโลกนี้เพียงคราวเดียว แล้วทำที่สุดทุกข์ได้ เพราะ

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๔  พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๖  มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
	ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ผู้เป็นพระสกทาคามี
แก่พระสกทาคามี นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๗ ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติ
เพื่อทำสกทาคามิผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๘ ให้ทาน
สกทาคามิผลให้แจ้ง ในพระสกทาคามี ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้ง

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๗  พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๙  สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
แยบคาย โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ เป็นของไม่ใช่ตัวตน พึงทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล.
	[๓๑๒] โก. ดูกรท่านพระสารีบุตร ภิกษุผู้เป็นสกทาคามี ควรกระทำธรรมเหล่าไหน
	สา. ดูกรท่านโกฏฐิตะ แม้ภิกษุผู้เป็นพระสกทาคามี ก็ควรกระทำอุปาทานขันธ์ ๕
ท่านโกฏฐิตะ ข้อนี้ก็เป็นฐานะที่จะมีได้ คือ ภิกษุผู้เป็นสกทาคามี กระทำอุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้
แยบคาย โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ เป็นของไม่ใช่ตัวตน พึงกระทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๙  พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๑  สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค
	[๑๐๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สามัญญผลเป็นไฉน? คือ โสดาปัตติผล สกทาคามิผล