ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
พระไตรปิฎก
 หน้า
 แสดง
หน้า
พระไตรปิฏกเล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๒ [ฉบับมหาจุฬาฯ] วิภังคปกรณ์

หน้าที่ ๕๑๘-๕๑๙.


                                                                 พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑๖. ญาณวิภังค์]

                                                                 ๘. อัฏฐกนิทเทส

แม้ในอดีตกาล ความรู้ว่า เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะจึงมี เมื่อชาติไม่มี ก็รู้ว่าชรามรณะไม่มี แม้ในอนาคตกาล ความรู้ว่า เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะจึงมี เมื่อชาติไม่ มี ก็รู้ว่าชรามรณะไม่มี ความรู้ว่า แม้ธัมมฐิติญาณของบุคคลนั้นก็มีความสิ้นไปเป็น ธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา มีความคลายไปเป็นธรรมดา มีความดับไปเป็น ธรรมดา ความรู้ว่า เพราะภพเป็นปัจจัย ชาติจึงมี ฯลฯ ความรู้ว่า เพราะอุปาทาน เป็นปัจจัย ภพจึงมี ฯลฯ ความรู้ว่า เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปาทานจึงมี ฯลฯ ความรู้ว่า เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี ฯลฯ ความรู้ว่า เพราะผัสสะเป็น ปัจจัย เวทนาจึงมี ฯลฯ ความรู้ว่า เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี ฯลฯ ความรู้ว่า เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมี ฯลฯ ความรู้ว่า เพราะวิญญาณ เป็นปัจจัย นามรูปจึงมี ฯลฯ ความรู้ว่า เพราะสังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี ฯลฯ ความรู้ว่า เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี เมื่ออวิชชาไม่มี ก็รู้ว่าสังขารไม่มี แม้ในอดีตกาล ความรู้ว่า เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี ความรู้ว่า เมื่ออวิชชาไม่มี สังขารก็ไม่มี แม้ในอนาคตกาล ความรู้ว่า เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี ความรู้ว่า เมื่ออวิชชาไม่มี ก็รู้ว่าสังขารไม่มี ความรู้ว่า แม้ธัมมฐิติญาณของบุคคลนั้นก็มีความ สิ้นไปเป็นธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา มีความคลายไปเป็นธรรมดา มีความดับไปเป็นธรรมดา เหล่านี้ชื่อว่าญาณวัตถุ ๗๗ ๑- ญาณวัตถุหมวดละ ๗ มีด้วยประการฉะนี้ (๑)
๘. อัฏฐกนิทเทส
[๘๐๗] บรรดาญาณวัตถุหมวดละ ๘ นั้น ปัญญาในมรรค ๔ ผล ๔ เป็นไฉน ปัญญาในมรรค ๔ ผล ๔ คือ @เชิงอรรถ : @ สํ.นิ. ๑๖/๓๔/๕๘, อภิ.วิ.อ. ๘๐๖/๔๕๒ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า : ๕๑๘}

                                                                 พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑๖. ญาณวิภังค์]

                                                                 ๑๐. ทสกนิทเทส

๑. ปัญญาในโสดาปัตติมรรค ๒. ปัญญาในโสดาปัตติผล ๓. ปัญญาในสกทาคามิมรรค ๔. ปัญญาในสกทาคามิผล ๕. ปัญญาในอนาคามิมรรค ๖. ปัญญาในอนาคามิผล ๗. ปัญญาในอรหัตตมรรค ๘. ปัญญาในอรหัตตผล เหล่านี้ชื่อว่าปัญญาในมรรค ๔ ผล ๔ ญาณวัตถุหมวดละ ๘ มีด้วยประการฉะนี้ (๑)
๙. นวกนิทเทส
[๘๐๘] บรรดาญาณวัตถุหมวดละ ๙ นั้น ปัญญาในอนุปุพพวิหารสมาบัติ ๙ เป็นไฉน ปัญญาในอนุปุพพวิหารสมาบัติ ๙ คือ ๑. ปัญญาในปฐมฌานสมาบัติ ๒. ปัญญาในทุติยฌานสมาบัติ ๓. ปัญญาในตติยฌานสมาบัติ ๔. ปัญญาในจตุตถฌานสมาบัติ ๕. ปัญญาในอากาสานัญจายตนสมาบัติ ๖. ปัญญาในวิญญาณัญจายตนสมาบัติ ๗. ปัญญาในอากิญจัญญายตนสมาบัติ ๘. ปัญญาในเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติ ๙. ปัจจเวกขณญาณของโยคาวจรบุคคลผู้ออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ เหล่านี้ชื่อว่าปัญญาในอนุปุพพวิหารสมาบัติ ๙ ญาณวัตถุหมวดละ ๙ มีด้วยประการฉะนี้ (๑)
๑๐. ทสกนิทเทส
๑. ฐานาฐานญาณ
(ปรีชาหยั่งรู้ฐานะและอฐานะ)๑-
[๘๐๙] บรรดาญาณวัตถุหมวดละ ๑๐ นั้น พระตถาคตทรงทราบธรรมที่ เป็นฐานะโดยความเป็นฐานะและธรรมที่ไม่เป็นฐานะโดยความไม่เป็นฐานะ ตามความเป็นจริง เป็นไฉน @เชิงอรรถ : @ คำว่า “ฐานะ” หมายถึงสิ่งที่เป็นไปได้ คือทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วเป็นต้น “อฐานะ” หมายถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ @คือทำดีได้ชั่ว ทำชั่วได้ดีเป็นต้น (อภิ.วิ.อ. ๘๐๙/๔๕๓) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า : ๕๑๙}

เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับ มจร. เล่มที่ ๓๕ หน้าที่ ๕๑๘-๕๑๙. https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/read_page.php?book=35&page=518&pages=2&edition=mcu ศึกษาพระสูตร (เนื้อความ) นี้แยกตามสารบัญ :- https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_read.php?B=35&A=14637 https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_line.php?B=35&A=14637#p518 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ 35 :- https://84000.org/tipitaka/read/?index_35 https://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu35 https://84000.org/tipitaka/english/?index_35



จบการแสดงผล หน้าที่ ๕๑๘-๕๑๙.

บันทึก ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]