ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
พระไตรปิฎก
 หน้า
 แสดง
หน้า
พระไตรปิฏกเล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๒ [ฉบับมหาจุฬาฯ] อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต

หน้าที่ ๑๓๕-๑๓๗.


                                                                 พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทุกนิบาต ๓. วินยเปยยาล

๑. เพื่อปิดกั้นเวรทั้งหลายอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๒. เพื่อกำจัดเวรทั้งหลายอันจะบังเกิดในอนาคต ๑. เพื่อปิดกั้นโทษทั้งหลายอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๒. เพื่อกำจัดโทษทั้งหลายอันจะบังเกิดในอนาคต ๑. เพื่อปิดกั้นภัยทั้งหลายอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๒. เพื่อกำจัดภัยทั้งหลายอันจะบังเกิดในอนาคต ๑. เพื่อปิดกั้นอกุศลธรรมทั้งหลายอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๒. เพื่อกำจัดอกุศลธรรมทั้งหลายอันจะบังเกิดในอนาคต ๑. เพื่ออนุเคราะห์คฤหัสถ์ ๒. เพื่อตัดฝักฝ่ายของภิกษุผู้ปรารถนาชั่ว ๑. เพื่อความเลื่อมใสของคนที่ยังไม่เลื่อมใส ๒. เพื่อความเลื่อมใสยิ่งขึ้นของคนที่เลื่อมใสแล้ว ๑. เพื่อความตั้งมั่นแห่งสัทธรรม ๒. เพื่อเอื้อเฟื้อวินัย๑- ตถาคตบัญญัติสิกขาบทแก่เหล่าสาวกโดยอาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการนี้แล (๑-๑๐) [๒๐๒-๒๓๐] ตถาคตบัญญัติปาติโมกข์แก่เหล่าสาวก ... บัญญัติการสวด ปาติโมกข์ ... บัญญัติการงดสวดปาติโมกข์ ... บัญญัติปวารณา ... บัญญัติการงด ปวารณา ... บัญญัติตัชชนียกรรม ... บัญญัตินิยสกรรม ... บัญญัติปัพพาชนียกรรม ... บัญญัติปฏิสารณียกรรม ... บัญญัติอุกเขปนียกรรม ... บัญญัติการให้ปริวาส ... @เชิงอรรถ : @ เพื่อเอื้อเฟื้อวินัย หมายถึงเพื่อเชิดชู ค้ำจุน ประคับประคองพระวินัย ๔ อย่าง คือสังวรวินัย ปหานวินัย @สมถวินัย ปัญญัติวินัย (วิ.อ. ๑/๓๙/๒๓๖-๒๓๗) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๐ หน้า : ๑๓๕}

                                                                 พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทุกนิบาต ๓. วินยเปยยาล

บัญญัติการชักเข้าหาอาบัติเดิม ... บัญญัติการให้มานัต ... บัญญัติอัพภาน ... บัญญัติการเรียกเข้าหมู่ ... บัญญัติการขับออกจากหมู่ ... บัญญัติการอุปสมบท ... บัญญัติญัตติกรรม ... บัญญัติญัตติทุติยกรรม ... บัญญัติญัตติจตุตถกรรม ... บัญญัติสิกขาบทที่ยังไม่ได้บัญญัติ ... บัญญัติเพิ่มเติมสิกขาบทที่บัญญัติไว้แล้ว ... บัญญัติสัมมุขาวินัย ... บัญญัติสติวินัย ... บัญญัติอมูฬหวินัย ... บัญญัติ- ปฏิญญาตกรณะ ... บัญญัติเยภุยยสิกา ... บัญญัติตัสสปาปิยสิกา ... บัญญัติ ติณวัตถารกะโดยอาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการนี้ อำนาจประโยชน์ ๒ ประการ อะไรบ้าง คือ ๑. เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๒. เพื่อความผาสุกแห่งสงฆ์ ๑. เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก ๒. เพื่อความอยู่ผาสุกแห่งเหล่าภิกษุผู้มีศีลดีงาม ๑. เพื่อปิดกั้นอาสวะทั้งหลายอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๒. เพื่อกำจัดอาสวะทั้งหลายอันจะบังเกิดในอนาคต ๑. เพื่อปิดกั้นเวรทั้งหลายอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๒. เพื่อกำจัดเวรทั้งหลายอันจะบังเกิดในอนาคต ๑. เพื่อปิดกั้นโทษทั้งหลายอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๒. เพื่อกำจัดโทษทั้งหลายอันจะบังเกิดในอนาคต ๑. เพื่อปิดกั้นภัยทั้งหลายอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๒. เพื่อกำจัดภัยทั้งหลายอันจะบังเกิดในอนาคต ๑. เพื่อปิดกั้นอกุศลธรรมทั้งหลายอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๒. เพื่อกำจัดอกุศลธรรมทั้งหลายอันจะบังเกิดในอนาคต ๑. เพื่ออนุเคราะห์คฤหัสถ์ ๒. เพื่อตัดฝักฝ่ายของภิกษุผู้ปรารถนาชั่ว {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๐ หน้า : ๑๓๖}

                                                                 พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทุกนิบาต ๔. ราคเปยยาล

๑. เพื่อความเลื่อมใสของคนที่ยังไม่เลื่อมใส ๒. เพื่อความเลื่อมใสยิ่งขึ้นของคนที่เลื่อมใสแล้ว ๑. เพื่อความตั้งมั่นแห่งสัทธรรม ๒. เพื่อเอื้อเฟื้อวินัย ภิกษุทั้งหลาย ตถาคตบัญญัติติณวัตถารกะแก่เหล่าสาวกโดยอาศัยอำนาจ ประโยชน์ ๒ ประการนี้แล (๑๑-๓๐๐)
วินยเปยยาล จบ
๔. ราคเปยยาล
[๒๓๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญธรรม ๒ ประการเพื่อรู้ยิ่งราคะ ธรรม ๒ ประการ อะไรบ้าง คือ ๑. สมถะ (การฝึกจิตให้สงบเป็นสมาธิ) ๒. วิปัสสนา (ความเห็นแจ้ง) ภิกษุควรเจริญธรรม ๒ ประการนี้เพื่อรู้ยิ่งราคะ ... เพื่อกำหนดรู้ราคะ(ความกำหนัด) ... เพื่อความสิ้นราคะ ... เพื่อละราคะ ... เพื่อความสิ้นไปแห่งราคะ ... เพื่อความเสื่อมไปแห่งราคะ ... เพื่อความคลายไปแห่ง ราคะ ... เพื่อความดับแห่งราคะ ฯลฯ เพื่อความสละราคะ ... เพื่อความสละคืน ราคะ ภิกษุควรเจริญธรรม ๒ ประการนี้ ฯลฯ (๑-๑๐) [๒๓๒-๒๔๖] เพื่อรู้ยิ่งโทสะ(ความคิดประทุษร้าย) ... เพื่อกำหนดรู้โทสะ ... เพื่อความสิ้นโทสะ ... เพื่อละโทสะ ... เพื่อความสิ้นไปแห่งโทสะ ... เพื่อความเสื่อมไป แห่งโทสะ ... เพื่อความคลายไปแห่งโทสะ ... เพื่อความดับไปแห่งโทสะ ... เพื่อความ สละโทสะ ... เพื่อความสละคืนโทสะ ... โมหะ(ความหลง) ... โกธะ(ความโกรธ) ... อุปนาหะ(ความผูกโกรธ) ... มักขะ(ความลบหลู่คุณท่าน) ... ปฬาสะ(ความตีเสมอ) ... อิสสา (ความริษยา) ... มัจฉริยะ(ความตระหนี่) ... มายา(มารยา) ... สาเถยยะ (ความ โอ้อวด) ... ถัมภะ(ความหัวดื้อ) ... สารัมภะ(ความแข่งดี) ... มานะ(ความถือตัว) ... อติมานะ(ความดูหมิ่นเขา) ... มทะ(ความมัวเมา) ... ปมาทะ(ความประมาท) ... {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๐ หน้า : ๑๓๗}

เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับ มจร. เล่มที่ ๒๐ หน้าที่ ๑๓๕-๑๓๗. https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/read_page.php?book=20&page=135&pages=3&edition=mcu ศึกษาพระสูตร (เนื้อความ) นี้แยกตามสารบัญ :- https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_read.php?B=20&A=3663 https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_line.php?B=20&A=3663#p135 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ 20 :- https://84000.org/tipitaka/read/?index_20 https://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu20 https://84000.org/tipitaka/english/?index_20



จบการแสดงผล หน้าที่ ๑๓๕-๑๓๗.

บันทึก ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]