ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [๑๖. ติงสตินิบาต]

๕. สัมภวชาดก (๕๑๕)

[๑๕๕] ท่านพราหมณ์สุจีรตะ ข้าพเจ้ามีน้องชายชื่อว่าสัมภวะ เขาเป็นน้องชายของข้าพเจ้า ขอท่านจงไปถามอรรถและธรรมกับเขาเถิด (สุจีรตพราหมณ์กล่าวว่า) [๑๕๖] ท่านผู้เจริญทั้งหลาย น่าอัศจรรย์หนอ ปัญหาธรรมนี้พวกเรายังไม่พอใจ บิดาและบุตรทั้ง ๓ คนนั้น ก็ยังไม่มีปัญญาจะหยั่งรู้ถึงปัญหาธรรมนี้เลย [๑๕๗] ท่านทั้ง ๓ คนถูกถามถึงอรรถและธรรมนั้นก็ไม่อาจจะบอกได้ ไฉนเล่า เด็กถูกถามถึงอรรถและธรรมจะพึงรู้ได้ (สัญชัยกุมารได้ฟังดังนั้น จึงสรรเสริญสัมภวกุมารว่า) [๑๕๘] ท่านยังไม่ได้ถามสัมภวกุมารก่อนแล้ว อย่าเพิ่งเข้าใจเธอว่าเป็นเด็ก พราหมณ์ ท่านถามสัมภวกุมารแล้วพึงรู้อรรถและธรรมได้ [๑๕๙] ดวงจันทร์ปราศจากมลทิน โคจรไปในอากาสธาตุ ย่อมสว่างไสวกว่าหมู่ดาวทั้งสิ้นในโลกด้วยรัศมีแม้ฉันใด [๑๖๐] สัมภวกุมารถึงยังเป็นเด็กก็ฉันนั้น เพราะประกอบด้วยปัญญา ท่านยังไม่ได้ถามสัมภวกุมารก่อนแล้วอย่าเพิ่งเข้าใจเธอว่าเป็นเด็ก พราหมณ์ ท่านถามสัมภวกุมารแล้วพึงรู้อรรถและธรรมได้ [๑๖๑] ท่านพราหมณ์ เดือนจิตตมาสแห่งคิมหันตฤดู ย่อมงามยิ่งนักกว่าเดือนอื่นๆ ด้วยต้นไม้และดอกไม้แม้ฉันใด [๑๖๒] สัมภวกุมารถึงยังเป็นเด็กก็ฉันนั้น เพราะประกอบด้วยปัญญา ท่านยังไม่ได้ถามสัมภวกุมารก่อนแล้วอย่าเพิ่งเข้าใจเธอว่าเป็นเด็ก พราหมณ์ ท่านถามสัมภวกุมารแล้วพึงรู้อรรถและธรรมได้ [๑๖๓] ท่านพราหมณ์ หิมวันตบรรพตชื่อคันธมาทน์ ดารดาษไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ เป็นที่อยู่แห่งหมู่มหาภูต๑- ย่อมสว่างไสวและตลบอบอวลไปทั่วทิศด้วยทิพยโอสถแม้ฉันใด @เชิงอรรถ : @ มหาภูต หมายถึงหมู่เทพ (ขุ.ชา.อ. ๗/๑๖๓/๒๖๕) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๗ หน้า : ๕๖๔}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [๑๖. ติงสตินิบาต]

๕. สัมภวชาดก (๕๑๕)

[๑๖๔] สัมภวกุมารถึงยังเป็นเด็กก็ฉันนั้น เพราะประกอบด้วยปัญญา ท่านยังไม่ได้ถามสัมภวกุมารก่อนแล้วอย่าเพิ่งเข้าใจเธอว่าเป็นเด็ก พราหมณ์ ท่านถามสัมภวกุมารแล้วพึงรู้อรรถและธรรมได้ [๑๖๕] ท่านพราหมณ์ ไฟป่ามีเปลวไฟเป็นช่อ เรืองโรจน์ ลุกโพลงอยู่ที่กอไม้ในป่า ไม่อิ่มต่อเชื้อเพลิง มีทางดำ [๑๖๖] กินเปรียงเป็นอาหาร มีควันเป็นธง ไหม้ลามจนถึงยอดไพรสณฑ์ มีเชื้อไฟเพียงพอ โชติช่วงอยู่บนยอดภูเขาในเวลากลางคืนฉันใด [๑๖๗] สัมภวกุมารถึงยังเป็นเด็กก็ฉันนั้น เพราะประกอบด้วยปัญญา ท่านยังไม่ได้ถามสัมภวกุมารก่อนแล้วอย่าเพิ่งเข้าใจเธอว่าเป็นเด็ก พราหมณ์ ท่านถามสัมภวกุมารแล้วพึงรู้อรรถและธรรมได้ [๑๖๘] ม้าดีจะรู้ได้เพราะความว่องไว โคพลิพัทท์จะรู้ได้ในเมื่อมีภาระที่จะต้องลากไป แม่โคนมจะรู้ได้เพราะน้ำนม และบัณฑิตจะรู้ได้เมื่อเจรจาฉันใด [๑๖๙] สัมภวกุมารถึงยังเป็นเด็กก็ฉันนั้น เพราะประกอบด้วยปัญญา ท่านยังไม่ได้ถามสัมภวกุมารก่อนแล้วอย่าเพิ่งเข้าใจเธอว่าเป็นเด็ก พราหมณ์ ท่านถามสัมภวกุมารแล้วพึงรู้อรรถและธรรมได้ (พระศาสดาเมื่อทรงเปิดเผยความนั้น จึงตรัสว่า) [๑๗๐] มหาพราหมณ์ภารทวาชะนั้นไปถึงสำนักสัมภวกุมารแล้ว ได้เห็นเขากำลังเล่นอยู่นอกบ้าน (สุจีรตพราหมณ์ได้ถามปัญหาว่า) [๑๗๑] เราถูกพระเจ้าโกรัพยะผู้ทรงยศส่งมาเป็นทูต พระเจ้าโกรัพยยุธิฏฐิละได้ตรัสอย่างนี้ว่า ท่านพึงถามอรรถและธรรม พ่อหนูสัมภวะ ลุงถามเจ้าแล้ว ขอเจ้าจงบอกอรรถและธรรมนั้นด้วยเถิด {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๗ หน้า : ๕๖๕}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [๑๖. ติงสตินิบาต]

๖. มหากปิชาดก (๕๑๖)

(สัมภวกุมารกล่าวว่า) [๑๗๒] เอาเถิด ข้าพเจ้าจักบอกลุงตามอย่างคนที่ฉลาด ก็พระราชาย่อมจะทรงทราบปัญหานั้นได้ แต่จะทรงกระทำหรือไม่เท่านั้น (และเมื่อจะบอกปัญหาจึงกล่าวว่า) [๑๗๓] ท่านพราหมณ์สุจีรตะ ใครๆ ถูกพระราชาตรัสถามแล้ว พึงกราบทูลราชกิจที่จะทำในวันนี้ว่า พึงทำในวันพรุ่งนี้ ขอพระเจ้ายุธิฏฐิละอย่าทรงเชื่อฟังยับยั้งอยู่เลยในเมื่อประโยชน์เกิดขึ้น [๑๗๔] ท่านพราหมณ์สุจีรตะ ใครๆ ถูกพระราชาตรัสถามแล้ว พึงกราบทูลปัญหาที่เป็นไปภายในเท่านั้น ไม่พึงให้ทรงดำเนินไปสู่หนทางที่ชั่วดุจคนหลงหาความคิดมิได้ [๑๗๕] พระราชาไม่ควรลืมตน ไม่ควรประพฤติอธรรม ไม่ควรหยั่งลงไปในลัทธิที่ผิด ไม่พึงประกอบในสิ่งอันไม่เป็นประโยชน์ [๑๗๖] ขัตติยราชาพระองค์ใดทรงรู้จักทำเหตุเหล่านี้ ขัตติยราชาพระองค์นั้นย่อมทรงเจริญทุกเมื่อเหมือนดวงจันทร์ข้างขึ้น [๑๗๗] พระองค์ย่อมทรงเป็นที่รักแห่งหมู่พระญาติ และทรงรุ่งโรจน์ในหมู่มิตร ทรงมีพระปรีชา เมื่อพระวรกายแตกทำลายไป จะทรงเข้าถึงโลกสวรรค์
สัมภวชาดกที่ ๕ จบ

             เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๒๗ หน้าที่ ๕๖๔-๕๖๖. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_read.php?B=27&A=16038&w= http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=27&siri=515              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [คลิกเพื่อฟัง]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=27&A=9525&Z=9617&pagebreak=0              ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=2352              ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลี อักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=27&item=2352&items=18              ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลี อักษรโรมัน :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=27&item=2352&items=18              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu27

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจาก พระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาฯ. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]