หมวดหนังสือธรรมะ
  สมุดภาพพระพุทธประวัติ
ฉบับอนุรักษ์ภาพเขียนทางพระพุทธศาสนา โดย ครูเหม เวชกร
ภาพที่ ๗๓
เสด็จถึงสาลวันกรุงกุสินารา โปรดให้พระอานนท์จัดที่บรรทมระหว่างไม้รังทั้งคู่

	พระพุทธเจ้าพร้อมกับพระสงฆ์บริวารเสด็จไปถึงชานเมืองกุสินาราในเวลาจวนค่ำ  เสด็จข้าม
แม่น้ำหิรัญวดี  แล้วเสด็จเข้าไปในอุทยานนอกเมืองนั้น  ที่มีชื่อว่า  'สาลวโนทยาน'

	เมืองต่างๆ  ในสมัยพระพุทธเจ้าส่วนมาก   มีอุทยานเหมือนสวนสาธารณะอย่างทุกวันนี้   สำ
หรับประชาชนในเมืองและชนชั้นปกครองได้อาศัยเป็นที่พักผ่อนกันทั้งนั้น  กรุงราชคฤห์ก็มีอุทยานชื่อ  ลัฏฐิ
วันที่เรียกว่าสวยตาลหนุ่ม   กบิลพัสดุ์เมืองประสูติของพระพุทธเจ้าก็มีลุมพินีวัน   กุสินาราจึงมีสาลวโนยาน
ดังกล่าว

	สาลวโนทยานอยู่นอกเมืองกุสินารา     มีต้นไม้ใหญ่สองต้นเคียงคู่กันอยู่   เรียกว่า   'ต้นสาละ'  
อุทยานแห่งนี้จึงได้นามตามต้นสาละว่าสาลวโนยานดังกล่าว

	เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปถึงอุทยานแห่งนี้แล้ว   ตรัสสั่งให้พระอานนท์ตั้งเตียง  หันทางเบื้อง
ศีรษะ  ไปทางทิศเหนือ  ให้เตียงอยู่ระหว่างใต้ต้นสาละทั้งคู่  ตรัสว่า  "เราลำบากและเหน็ดเหนี่อยมาก  จัก
นอนระงับความลำบากนั้น"

	พระอานนท์จัดตั้งเตียงและปูผ้ารองเสร็จแล้ว  พระพุทธเจ้าเสด็จบรรทมตะแคงข้างขวา หัน
พระเศียรไปทางทิศเหนือ  ตั้งพระบาทซ้อนเหลี่ยมกัน   ดำรงสติสัมปชัญญะแล้วตั้งพระทัยจะเสด็จบรรทม
เป็นไสยาวสาน  (นอนเป็นครั้งสุดท้าย)  เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า  'อนุฐานไสยา'  แปลว่า  นอนโดยจะไม่ลุกขึ้นอีก

	ปฐมสมโพธิว่า  "ในขณะนั้นเอง   มิใช่ฤดูกาลจะออกดอกเลย   แต่สาละทั้งคู่ก็ผลิดอกออกบาน  
ตั้งแต่โคนรากเบื้องต้นถึงยอด และทั่วทุกกิ่งสาขาก็ดาดาด (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานใช้  ดารดาษ  
หรือดาษดา)  ด้วยดอกแลสะพรั่ง   แล้วดอกสาละนั้น   ก็ร่วงหล่นลงบูชาพระพุทธเจ้า  ดอกมณฑารพดอกไม้
ทิพย์ของสวรรค์ตลอดถึงจุณจันทน์สุคนธชาติของทิพย์ก็โปรยปรายลงจากอากาศ  ดนตรีสวรรค์ก็บันลือประ
โคม  เป็นมหานฤนาทโกลาหลเพื่อจะบูชาพระพุทธเจ้าในกาลอันเป็นอวสานพระองค์"
_________________________________________
บันทึก  ๒๘  ตุลาคม  พ.ศ.  ๒๕๔๕
ติดต่อ : [email protected]