หมวดหนังสือธรรมะ
  สมุดภาพพระพุทธประวัติ
ฉบับอนุรักษ์ภาพเขียนทางพระพุทธศาสนา โดย ครูเหม เวชกร
ภาพที่ ๓๔
เสด็จพระพุทธดำเนินไปโปรดเบญจวัคคีย์ พบอุปกาชีวกในระหว่างทาง

	ในสัปดาห์ที่  ๖  ถึงที่  ๘   เป็นระเวลาที่พระพุทธเจ้าเสด็จแปรสถานที่ประทับไปมาที่ระหว่าง
ต้นศรีมหาโพธิ์กับต้นอชปาลนิโครธหื่อต้นไทร  จนถึงวันขึ้น  ๑๔  ค่ำ เดือน  ๘  ในสัปดาห์ที่  ๘  นับแต่ตรัส
รู้มา  พระพุทธเจ้าจึงเสด็จออกจากบริเวณสถานที่ตรัสรู้   เพื่อเสด็จไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน  หรือที่ทุกวัน
นี้เรียกว่าสารนาถ  ซึ่งอยู่ในเขตแดนเมืองพาราณสี  เวลาที่กล่าวนี้พวกเบญจวัคคีย์ที่เคยตามเสด็จออกบวชและ
อยู่เฝ้าอุปัฏฐากได้พากันผละหนีพระพุทธเจ้ามาอยู่ที่นี่

	ระหว่างทาง คือ  เมื่อเสด็จถึงแม่น้ำคยาอันเป็นที่สุดเขตตำบลของสถานที่ตรัสรู้  พระพุทธเจ้า
ได้ทรงพบอาชีวกผู้หนึ่งนามว่า  'อุปกะ'  เดินสวนทางมา  อาชีวกคือนักบวชนอกาสนาพุทธนิกายหนึ่งในสมัย
พระพุทธเจ้า

	ตอนที่เดินยังไม่เข้าใกล้และได้เห็นพระพุทธเจ้านั้น    อาชีวกผู้นี้ได้เห็นพระรัศมีที่แผ่ซ่านออก
จากพระวรกายพระพุทธเจ้ามากระทบเข้าที่หน้าตนก่อน  พระรัศมีนั้น  สมัยนั้นเรียกว่า 'ฉัพพรรณรังสี'  คือ  
พระรัศมี  ๖  ประการที่ซ่านออกจากพระวรกายของพระพุทธเจ้า  ได้แก่

        ๑.	นีละ	สีเขียวเหมือนดอกอัญชัน
        ๒.	ปีตะ	สีเหลืองเหมือนหรดาลทอง
        ๓.	โลหิตะ	สีแดงเหมือนแสงตะวันอ่อน
        ๔.	โอทาตะ	สีขาวเหมือนแผ่นเงิน
        ๕.	มัญเชฐะ	สีแสดเหมือนดอกหงอนไก่
        ๖.	ประภัสสระ	สีเลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก

	มาถึงสมัยสร้างพระพุทธรูปฉัพพรรณรังสีนี้เรียกกันว่า  'ประภามณฑล'  คือ  พระรัศมีที่พุ่ง
ขึ้นจากเบื้องพระเศียรที่เป็นรูปกลมรีขึ้นข้างบนนั่นเอง

	พอพระพุทธเจ้าเสด็จเข้ามาใกล้   อาชีวกจึงได้เห็นที่มาของรัศมี  พอเห็นก็เกิดความสนใจจึง
เข้าไปทูลถามพระพุทธเจ้าว่า  ใครเป็นพระศาสดาของพระพุทธเจ้า  พอพระพุทธเจ้าตรัสว่า  พระองค์ไม่มี
ศาสดาผู้เป็นครูสอน   พระพุทธองค์เป็นสยัมภู  คือ  ผู้ตรัสรู้ธรรมด้วยพระองค์เอง  อาชีวกได้ฟังแล้วแสดง
อาการสองอย่างคือสั่นศีรษะและแลบลิ้น  แล้วเดินหลีกพระพุทธเจ้าไป
_________________________________________
บันทึก  ๒๘  ตุลาคม  พ.ศ.  ๒๕๔๕
ติดต่อ : [email protected]