บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
|
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น |
นานาปัญหา โดย คณะสหายธรรม | |
ตอบ ขอเรียนว่า โดยธรรมชาติแล้ว อุเบกขาสันตีรณะกุศลวิบากเป็นผลของ เจตสิกที่เข้าประกอบกับอุเบกขาสันตีรณะกุศลวิบากนี้ ก็มีเพียง ๑๐ ดวง คือสัพพจิตต ก็สติเจตสิกนั้นเป็นโสภณเจตสิก ย่อมประกอบกับโสภณจิตเท่านั้น โสภณจิตนั้นเป็นจิตที่มีเหตุประกอบเป็นสเหตุกจิต ที่เป็นอเหตุกจิตคือจิตที่ไม่มีเหตุนั้นไม่มีเลย จิตที่มีเหตุเป็นจิตที่มีกำลังโดยสภาพของตนเอง ยิ่งมีเหตุประกอบมากก็มีกำลังมาก ส่วนจิตที่ไม่มีเหตุคืออเหตุกจิตเป็นจิตที่มีกำลังน้อย สตินั้นเป็นธรรมชาติที่ระลึกในอารมณ์ที่ดีงามไม่มีโทษ เพราะฉะนั้นจึงต้องเกิดกับจิตที่มีกำลังที่มีเหตุและเป็นโสภณจิตเท่านั้น ก็อุเบกขาสันตีรณะกุศลวิบากนั้นเป็นจิตที่ไม่ประกอบด้วยเหตุ เป็นอโสภณจิต เป็นจิตมีกำลังน้อย เกิดขึ้นครั้งไร ไม่ว่าจะทำกิจอะไร คือทำปฏิสนธิ ภวังค์ จุติ สันตีรณะ หรือตทารัมมณะก็คงมีเจตสิกเกิดร่วมด้วยเพียง ๑๐ ดวง ดังกล่าวแล้ว ๑๐ ดวงคือ ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา เอกัคคตา ชีวิตินทรีย์ มนสิการ วิตก วิจาร และอธิโมกข์ และเพราะเป็นจิตที่มีกำลังน้อยนี่เอง เมื่อทำหน้าที่ปฏิสนธิในกามสุคติภูมิ จึงทำให้เป็นมนุษย์หรือเทวดาที่มีร่างกายไม่สมประกอบเป็นใบ้บ้า ตาบอดมาตั้งแต่กำเนิดเป็นต้น หรือเป็นผู้มีจิตใจไม่สมประกอบ เป็นคนปัญญาอ่อนมาแต่กำเนิด เป็นต้น คำถามข้อนี้เป็นอุทาหรณ์อย่างดีสำหรับท่านที่ทำกุศลชนิดที่สักแต่ว่าทำ ขาดศรัทธาและปัญญา ทั้งยังปล่อยให้อกุศลเข้ามาพัวพันด้วย จะได้ตั้งเจตนาในการทำกุศลของท่านให้ดี ให้เข้มแข็ง ไม่ให้อกุศลเข้ามาพัวพัน หรือเมื่ออกุศลเข้ามาพัวพันก็ให้มีสติรู้เท่าทันตามความเป็นจริง สรุปว่า อุเบกขาสันตีรณะกุศลวิบาก ไม่ว่าจะทำจุติกิจหรือกิจใดๆ ก็ ถาม ขอคำอธิบายและเหตุผลว่า มหาวิบาก ๘ ตามธรรมดามีสติเจตสิกเกิดร่วมด้วยหรือไม่ คำตอบที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ตอบ มหาวิบากนี้เป็นผลของกุศลที่มีกำลัง ไม่มีอกุศลเข้ามาพัวพัน เป็นโสภณจิต เป็นจิตที่ประกอบด้วยเหตุอย่างน้อย ๒ เหตุ คืออโลภเหตุและอโทสเหตุ อย่างมาก ๓ เหตุเพิ่มอโมหเหตุด้วย จึงต้องมีสติเจตสิกเข้าประกอบทุกครั้งที่เกิดขึ้น ถาม ปุถุชนที่เกิดด้วยเหตุ ๒ หรือ เหตุ ๓ เวลานอนหลับสนิท มีสติเกิดหรือไม่ ตอบ ปุถุชนที่เกิดด้วยเหตุ ๒ หรือเหตุ ๓ ที่เรียกว่า ทวิเหตุกบุคคลหรือติเหตุกบุคคลนั้น ย่อมเกิดด้วยจิตหรือมหาวิบากดวงใดดวงหนึ่งใน ๘ ดวง ที่นำเกิดในกามสุคติภูมิ ๗ คือ มนุษย์ ๑ เทวภูมิ ๖ มิฉะนั้นก็เกิดด้วยรูปาวจรวิบาก ๕ ดวงดวงใดดวงหนึ่งในรูปพรหม ๑๕ ภูมิ หรือเกิดด้วยอรูปาวจรวิบาก ๔ ดวงดวงใดดวงหนึ่งในอรูปพรหม ๔ ภูมิ อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งจิตที่ทำหน้าที่นำเกิดที่กล่าวนี้ ล้วนแต่เป็นจิตที่ประกอบด้วยสติทั้งสิ้น เมื่อจิตใดทำหน้าที่ปฏิสนธิคือนำเกิด จิตนั้นก็ทำหน้าที่ภวังค์ คือรักษาภพชาติที่ตนเกิดแล้วเอาไว้ด้วย เวลาที่นอนหลับ ก็คือเวลาที่จิตไม่ขึ้นวิถีรับอารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ เวลาที่นอนหลับจิตจึงทำหน้าที่ภวังค์ รักษาภพชาติ สืบต่อภพชาติไว้ ก็เมื่อจิตที่ทำภวังคกิจในเวลานอนหลับ เป็นจิตประเภทเดียวกับจิตที่ทำปฏิสนธินำเกิด และจิตที่ทำหน้าที่ปฏิสนธินำเกิดเป็นจิตที่ประกอบด้วยสติเช่นกัน เพราะฉะนั้น บุคคลที่เกิดด้วยเหตุ ๒ หรือเหตุ ๓ เวลานอนหลับ จิตที่เกิดในขณะนั้นจึงประกอบด้วยสติเสมอ เพราะจิตที่เกิดในขณะนอนหลับก็คือภวังคจิตนั่นเอง อาจจะมีผู้แย้งว่า ในขณะนอนหลับจิตมิได้รับอารมณ์กุศล สติจะระลึกอยู่ในอารมณ์กุศลได้อย่างไร ถ้ามีผู้แย้งดังนี้ ก็ขอเรียนว่า จริงอยู่ ในขณะนอนหลับ จิตมิได้มีอารมณ์เป็นกุศลที่กำลังทำอยู่ก็จริง แต่จิตก็รับอารมณ์กุศลที่เป็นกรรม กรรมนิมิต คตินิมิตที่ได้มาแต่ภพก่อนเป็นอารมณ์ กล่าวคือเมื่อตอนใกล้จะตาย จิตน้อมเอากรรม กรรมนิมิต คตินิมิตที่เป็นกุศลเป็นอารมณ์แล้วจึงจุติ เมื่อจุติแล้วก็ปฏิสนธิทันที ปฏิสนธิจิตที่เกิดใหม่นี้รับเอาอารมณ์กรรม กรรมนิมิต คตินิมิต เมื่อตอนใกล้จะตายนั่นแหละเป็นอารมณ์ ภวังคจิตที่ทำหน้าที่สืบต่อรักษาภพชาติก็มีอารมณ์เหมือนปฏิสนธิ คือมีอารมณ์กรรม กรรมนิมิต คตินิมิตที่เป็นกุศลในอดีต ด้วยเหตุนี้ สติของบุคคลที่เกิดมาด้วยเหตุ ๒ หรือเหตุ ๓ จึงมีอารมณ์เป็นกุศลที่ทำมาแต่อดีตภพด้วย รวมความว่า บุคคลที่เกิดมาด้วยเหตุ ๒ หรือเหตุ ๓ เวลานอนหลับ จิตที่เกิดในเวลานอนหลับคือภวังคจิต มีสติเจตสิกเกิดร่วมด้วย ถาม ขอคำอธิบายและเหตุผลว่า เวลานอนหลับสนิท ก่อนนอนได้สมาทานศีลแล้ว ขณะหลับจะยังมีศีลอยู่หรือไม่ ตอบ เรื่องของศีลเป็นเรื่องของการงดเว้นไม่ทำชั่วไม่ทำบาป ขณะใดคิดงดเว้นไม่ทำชั่วไม่ทำบาป ขณะนั้นศีลจึงเกิด ไม่ใช่ว่าสมาทานศีลแล้ว ศีลจะเกิดอยู่ตลอดเวลา ยังไม่ต้องพูดถึงคนหลับนะ คนที่ยังตื่นอยู่นี่แหละ เมื่อสมาทานศีลแล้วก็ใช่ว่าจะมีศีลกันทุกคน ขณะใดที่เขายังไม่ทำอะไรให้ล่วงศีล เราจะไม่ทราบเลยว่าคนๆ นั้น เป็นคนมีศีลหรือไม่มีศีล แต่ขณะใดมีเหตุที่จะให้ล่วงศีลเกิดขึ้นแล้วเขางดเว้น ไม่ล่วง เมื่อนั้นเราจะทราบว่าเขามีศีล เช่นคนที่ชอบดื่มสุรา ได้ เพราะฉะนั้น ศีลจึงเกิดในขณะงดเว้น ไม่ล่วงละเมิด ในเมื่อมีสิ่งที่ควรละเมิดเกิดขึ้น สำหรับ ถาม เวลาจิตเป็นมหากุศลดวงใดดวงหนึ่ง ขณะนั้นประหานอกุศลได้ครบทั้ง ๑๒ ดวงหรือไม่ ตอบ สำหรับคำถามข้อนี้ ขอเรียนว่า มหากุศลดวงใดดวงหนึ่ง ๘ ดวงที่เกิดขึ้นในขณะหนึ่งๆ นั้น ไม่สามารถประหานอกุศลได้ครบทั้ง ๑๒ ดวง แต่จะประหานอกุศลเป็นอย่างๆ ไป ตามประเภทของกุศล เช่น ขณะให้ทานจะประหานมัจฉริยะความตระหนี่ออกไป การแสดงการเคารพอ่อนน้อมประหานมานะความถือตัวออกไป ขณะใดผู้อื่นเขามีความสุขก็แสดงมุทิตายินดีกับเขา ขณะนั้นประหานความริษยาออกไป ขณะใดเจริญภาวนา ขณะนั้นประหานโมหะความไม่รู้ออกไป ขณะใดฟังธรรมแล้วเข้าใจ ขณะนั้นประหานวิจิกิจฉาความสงสัยไม่แน่ใจออกไป นี่เป็นเพียงตัวอย่าง ที่ว่าเมื่อมหากุศลชนิดใดเกิดขึ้น อกุศลชนิดใดถูกประหานออกไป อย่าว่าแต่มหากุศลที่เป็นจิตธรรมดาๆ เลย แม้แต่มรรคจิตอันเป็นจิตพิเศษมีนิพพานเป็นอารมณ์ ก็ยังสามารถประหานกิเลสได้เป็นขั้นๆ ไป ไม่ประหานทีเดียวทั้งหมด อย่างโสดาปัตติมรรคจิตประหานเพียงทิฏฐิคตสัมปยุตตจิต ๔ ดวงกับวิจิกิจฉาสัมปยุตตจิตอีก ๑ ดวงรวม ๕ ดวงเท่านั้น อกุศลที่เหลืออีก ๗ ดวงเป็นหน้าที่ของ ก็การประหานอกุศลของมหากุศลกับของมรรคจิตนั้นต่างกัน คือมหากุศลประหานกุศลได้ชั่วขณะที่มหากุศลเกิดอยู่เท่านั้น เมื่อมหากุศลดับลงไปแล้ว อกุศลที่ถูกประหานไปนั้นอาจเกิดได้อีก หรือเกิดได้บ่อยๆ ตามสมควรแก่เหตุปัจจัย การประหานชนิดนี้เรียกว่าตทังคปหาน ส่วนมรรคจิตนั้นประหานอกุศลใดไปแล้ว อกุศลนั้นไม่สามารถเกิดใหม่ได้อีกเลย เราเรียกว่าสมุจเฉทปหาน สำหรับคำถามข้อนี้ก็ขอตอบเพียงเท่านี้ ที่มา อ้างอิงและแนะนำ :- พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๔ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๑ ธรรมสังคณีปกรณ์ [๖๗๐] ธรรมอันโสดาปัตติมรรคประหาณ เป็นไฉน? https://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=34&A=5832&Z=5897 พระไตรปิฏกเล่มที่ ๓๑ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๓ ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค [๘๖] ปัญญาในการฟังธรรมแล้วสำรวมไว้ ชื่อว่าสีลมยญาณอย่างไร ฯ https://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=31&A=951&Z=1087 พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) คำว่า จิต 89 https://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=จิต_89 คำว่า เจตสิก 52 https://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=เจตสิก_52 คำว่า ปหาน 5 https://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=ปหาน_5 |
ดาวน์โหลดนานาปัญหาทั้ง ๕๑ ข้อ นานาปัญหา โดยคณะสหายธรรม บันทึก ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]