ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ ๑๗. ติสสพุทธวงศ์

๑๗. ติสสพุทธวงศ์
ว่าด้วยพระประวัติของพระติสสพุทธเจ้า
[๑] สมัยต่อจากพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ ได้มีพระพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะ ไม่มีผู้เสมอ ไม่มีบุคคลเปรียบ มีศีลหาที่สุดมิได้ มีพระยศนับมิได้ ทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก [๒] พระมหาวีระผู้มีพระจักษุ ผู้ทรงอนุเคราะห์ เสด็จอุบัติขึ้นในโลก ทรงขจัดความมืดได้แล้ว ฉายพระรัศมีให้มนุษยโลกพร้อมทั้งเทวโลกสว่างไสว [๓] แม้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงมีพระฤทธิ์ ศีลและสมาธิอันหาสิ่งทัดเทียมมิได้ ทรงถึงความสำเร็จในธรรมทั้งปวงแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักร [๔] พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นทรงแสดงธรรม ประกาศความบริสุทธิ์ไปในหมื่นจักรวาล ในพระธรรมเทศนาครั้งที่ ๑ เทวดาและมนุษย์ ๑๐๐ โกฏิ ได้บรรลุธรรม [๕] เทวดาและมนุษย์ประมาณ ๙๐ โกฏิ ได้บรรลุธรรมครั้งที่ ๒ ในการแสดงธรรมครั้งที่ ๓ เทวดาและมนุษย์ประมาณ ๖๐ โกฏิ ได้บรรลุธรรม ครั้งนั้นพระองค์ทรงเปลื้องเทวดาและมนุษย์ ที่มาประชุมกันให้หลุดพ้นจากเครื่องผูกพัน๑- [๖] พระติสสพุทธเจ้าผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ได้มีการประชุมแห่งพระขีณาสพ ผู้ปราศจากมลทิน มีจิตสงบระงับ ผู้คงที่ ๓ ครั้ง @เชิงอรรถ : @ เครื่องผูกพัน หมายถึงสังโยชน์ ๑๐ (ขุ.พุทฺธ.อ. ๕/๓๓๐) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๓ หน้า : ๖๗๕}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ ๑๗. ติสสพุทธวงศ์

[๗] พระขีณาสพประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ รูป มาประชุมกัน เป็นครั้งที่ ๑ พระขีณาสพประมาณ ๙,๐๐๐,๐๐๐ รูป มาประชุมกัน เป็นครั้งที่ ๒ [๘] พระขีณาสพผู้ปราศจากมลทิน เบิกบานแล้วด้วยวิมุตติประมาณ ๘,๐๐๐,๐๐๐ รูป มาประชุมกันเป็นครั้งที่ ๓ [๙] สมัยนั้น เราเป็นกษัตริย์มีนามว่าสุชาตะ ละทิ้งโภคะเป็นอันมากแล้ว บวชเป็นฤๅษี [๑๐] เมื่อเราบวชแล้ว พระพุทธเจ้า ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลกเสด็จอุบัติขึ้น เพราะได้ฟังเสียงว่า พุทโธ ปีติจึงเกิดแก่เรา [๑๑] เราผู้กำจัดมานะแล้ว ใช้มือทั้ง ๒ ประคองดอกมณฑารพ ดอกปทุม และดอกปาริฉัตตกะอันเป็นทิพย์เข้าเฝ้า [๑๒] เราถือดอกไม้นั้น กั้นเหนือพระเศียร พระชินเจ้าพระนามว่าติสสะ ทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก ผู้แวดล้อมด้วยวรรณะทั้ง ๔ ๑- [๑๓] แม้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ประทับนั่งท่ามกลางประชุมชน ทรงพยากรณ์เราว่า ‘ในกัปที่ ๙๒ จากกัปนี้ไป ผู้นี้จักเป็นพระพุทธเจ้า’ พระตถาคตได้เสด็จออกจากกรุงกบิลพัสดุ์ที่น่ารื่นรมย์ [๑๔] พระตถาคตทรงเริ่มตั้งความเพียร บำเพ็ญทุกรกิริยา จักประทับนั่งที่โคนต้นอชปาลนิโครธ ทรงรับข้าวปายาสในที่นั้น แล้วเสด็จไปยังแม่น้ำเนรัญชรา @เชิงอรรถ : @ วรรณะ ๔ หมายถึง วรรณะกษัตริย์ พราหมณ์ คหบดี และสมณะ (ขุ.พุทฺธ.อ. ๑๒/๓๓๒) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๓ หน้า : ๖๗๖}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ ๑๗. ติสสพุทธวงศ์

พระชินเจ้าพระองค์นั้นจักเสวยข้าวปายาส ที่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราแล้วเสด็จไปที่โคนต้นโพธิ์ ตามหนทางอันประเสริฐที่ตกแต่งไว้แล้ว จากนั้น พระองค์ผู้มีพระยศยิ่งใหญ่ จักทำประทักษิณโพธิมัณฑ์อันยอดเยี่ยมแล้ว ตรัสรู้ที่โคนต้นอัสสัตถพฤกษ์ พระมารดาผู้ให้กำเนิดพระชินเจ้าพระองค์นี้ จักมีพระนามว่ามายา พระบิดาจักมีพระนามว่าสุทโธทนะ พระชินเจ้าพระองค์นี้จักมีพระนามว่าโคดม พระโกลิตเถระและพระอุปติสสเถระ ผู้ไม่มีอาสวะ สิ้นราคะ มีจิตสงบ ตั้งมั่นดี จักเป็นพระอัครสาวก พระเถระนามว่าอานนท์ จักเป็นพระอุปัฏฐาก บำรุงพระชินเจ้าพระองค์นี้ พระเขมาเถรีและพระอุบลวรรณาเถรี ผู้ไม่มีอาสวะ สิ้นราคะ มีจิตสงบ ตั้งมั่นดี จักเป็นพระอัครสาวิกา ต้นไม้เป็นที่ตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ชาวโลกเรียกว่า ต้นอัสสัตถพฤกษ์ จิตตคหบดีอุบาสกและหัตถกคหบดีอุบาสก ชาวเมืองอาฬวี จักเป็นอัครอุปัฏฐาก นันทมารดาอุบาสิกาและอุตตราอุบาสิกา จักเป็นอัครอุปัฏฐายิกา พระโคดมผู้มียศพระองค์นั้นจักมีพระชนมายุประมาณ ๑๐๐ ปี เทวดาและมนุษย์ ได้ฟังพระดำรัสนี้ ของพระพุทธเจ้าผู้ไม่มีใครเสมอเหมือน {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๓ หน้า : ๖๗๗}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ ๑๗. ติสสพุทธวงศ์

ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่แล้ว ต่างก็มีความชื่นชมกล่าวว่า ‘ท่านผู้นี้เป็นหน่อพุทธางกูร’ สัตว์ทั้งหลายในหมื่นจักรวาลพร้อมทั้งเทวดา ต่างก็เปล่งเสียงโห่ร้องปรบมือ ร่าเริง ประนมมือนมัสการว่า ‘ถ้าเราทั้งหลายจักพลาดศาสนาของพระโลกนาถพระองค์นี้ เราทั้งหลายก็จักพร้อมหน้าหน่อพุทธางกูรนี้ในอนาคตกาล’ มนุษย์ทั้งหลายเมื่อจะข้ามแม่น้ำ พลาดท่าเฉพาะหน้าแล้ว ก็ยึดเอาท่าถัดไปจึงข้ามแม่น้ำใหญ่ไป ฉันใด เราทั้งหมดก็ฉันนั้นเหมือนกัน ถ้าพลาดพระชินเจ้าพระองค์นี้ ก็จักพร้อมหน้าหน่อพุทธางกูรนี้ในอนาคตกาล [๑๕] เราได้ฟังพระดำรัสของพระพุทธเจ้าแม้พระองค์นั้นแล้ว ก็ทำจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง ได้อธิษฐานวัตรเพื่อบำเพ็ญบารมี ๑๐ ประการให้ยิ่งขึ้นไป [๑๖] กรุงชื่อว่าเขมกะ กษัตริย์พระนามว่าชนสันธะเป็นพระชนก พระเทวีพระนามว่าปทุมาเป็นพระชนนี ของพระพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะ ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ [๑๗] พระองค์ทรงครองฆราวาสอยู่ ๗,๐๐๐ ปี มีปราสาทที่อุดมอยู่ ๓ หลัง คือคุณเสลาปราสาท นาทิยปราสาท และนิสภปราสาท [๑๘] มีนางสนมกำนัล ๓๐,๐๐๐ นาง ล้วนประดับประดาสวยงาม พระมเหสีพระนามว่าสุภัททา พระราชโอรสพระนามว่าอานันทะ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๓ หน้า : ๖๗๘}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ ๑๗. ติสสพุทธวงศ์

[๑๙] พระชินเจ้าทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ จึงทรงราชพาหนะคือม้าออกผนวชแล้ว ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ครึ่งเดือนเต็ม(จึงได้บรรลุพระโพธิญาณ) [๒๐] พระมหาวีระพระนามว่าติสสะ ทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก ผู้อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักรที่ยสวดีทายวันอันประเสริฐ [๒๑] พระพรหมเทพเถระและพระอุทัยเถระเป็นพระอัครสาวก พระเถระนามว่าสุมังคละเป็นพระอุปัฏฐาก ของพระพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะ ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ [๒๒] พระผุสสาเถรีและพระสุทัตตาเถรีเป็นพระอัครสาวิกา ต้นไม้เป็นที่ตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ชาวโลกเรียกว่า ต้นประดู่ [๒๓] สัมพลอุบาสกและสิริอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐาก กีสาโคตมีอุบาสิกาและอุปเสนาอุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิกา [๒๔] พระชินพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงมีพระวรกายสูง ๖๐ ศอก ผู้ไม่มีบุคคลเปรียบ ผู้ไม่มีใครเสมอเหมือน ทรงปรากฏดังภูเขา [๒๕] แม้พระองค์ผู้มีเดชไม่มีอะไรเปรียบเทียบ ผู้มีพระจักษุ ทรงดำรงพระชนมายุอยู่ในโลกประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ ปี ไม่ยิ่งไปกว่านั้น๑- [๒๖] พระองค์พร้อมทั้งสาวก เสวยยศยิ่งใหญ่ อุดม ประเสริฐสุด ทรงรุ่งเรืองดังกองเพลิงเสด็จดับขันธปรินิพพาน @เชิงอรรถ : @ ไม่ยิ่งไปกว่านั้น หมายถึงไม่มากไม่น้อยไปกว่า ๑๐๐,๐๐๐ ปี (ขุ.พุทฺธ.อ. ๒๕/๓๓๓) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๓ หน้า : ๖๗๙}

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ ๑๘. ปุสสพุทธวงศ์

[๒๗] พระองค์พร้อมทั้งสาวก เสด็จดับขันธปรินิพพาน ดังเมฆหายจางไปเพราะสายลม ดังน้ำค้างเหือดแห้งไปเพราะดวงอาทิตย์ และดังความมืดหายไปเพราะดวงไฟ ฉะนั้น [๒๘] พระชินพุทธเจ้าผู้ประเสริฐพระนามว่าติสสะ เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วที่นันทาราม พระสถูปของพระชินเจ้านั้น ที่นันทารามนั้น สูงถึง ๓ โยชน์ ฉะนี้แล
ติสสพุทธวงศ์ที่ ๑๗ จบ


                  เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๓๓ หน้าที่ ๖๗๕-๖๘๐. http://84000.org/tipitaka/attha/m_siri.php?B=33&siri=209              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2].                   อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=33&A=8092&Z=8143                   ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33&i=198              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=33&item=198&items=1              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=51&A=7273              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=33&item=198&items=1              The Pali Atthakatha in Roman :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=51&A=7273                   สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu33



บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :