บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ได้ยินว่า ในกาลนั้น พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่าเธอเป็นผู้กระสันจะสึกจริงหรือ? เมื่อภิกษุนั้นทูลรับ จริงพระเจ้าข้า จึงตรัสว่า เพราะเหตุไร เธอจึงกระสันจะสึก. ภิกษุนั้นกราบทูลว่า เพราะอำนาจกิเลส พระเจ้าข้า. พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ธรรมดาว่ามาตุคาม ใครๆ รักษาไว้ไม่ได้ ใครๆ ไม่อาจรักษา ก็โบราณก ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในพระครรภ์ของพระอัครมเหสีของพระเจ้าพรหมทัตนั้น เจริญวัยแล้ว เมื่อพระราชบิดาสวรรคต ก็ครองราชสมบัติ พระอัครมเหสีของพระโพธิสัตว์นั้นพระนามว่ากากาติ ได้มีพระรูปโฉมงดงาม ดุจนางเทพอัปสร. นี้เป็นเนื้อความสังเขปในชาดกนี้ ส่วนเรื่องอดีตโดยพิสดาร จักมีแจ้งใน กุณาลชาดก. ก็ในกาลนั้น พระยาครุฑตนหนึ่งแปลงเพศเป็นมนุษย์มาเล่นสกากับพระราชา มีจิตปฏิพัทธ์ในพระนางกากาติอัครมเหสี จึงพาพระนางไปยังสุบรรณภพแล้วร่วม คนธรรพ์นั้นจึงกำหนดเอาพระยาครุฑนั้น จึงนอนอยู่ในดงตะไคร้น้ำในสระแห่งหนึ่ง ในเวลาครุฑนั้นไปจากสระนั้น ได้เกาะ ในเวลาพระยาครุฑเล่นสกากับพระราชา จึงถือพิณของตน มายังสนามเล่นสกา ยืน หญิงคนรักของเราอยู่ ณ ที่แห่งใด กลิ่นของนางยังหอมฟุ้งมาจากที่แห่งนั้น ใจของเรายินดีในนางใดนางนั้นชื่อกากาติ อยู่ไกลจากที่นี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า คนฺโธ ได้แก่ กลิ่นแห่งร่างกายของนางนั้นซึ่งลูบไล้ด้วยกลิ่นทิพย์. บทว่า ยตฺถ เม ความว่า หญิงคนรักของเราอยู่ในสุบรรณภพใด อธิบายว่า พระนางทำการเคล้าคลึงกายกับพระยาครุฑนี้ กลิ่นของนางซึ่งติดมากับร่างกายของพระยาครุฑนี้ จึงชื่อว่าฟุ้งมาจากที่นั้น. บทว่า ทูเร อิโต ได้แก่ ในที่ไกลจากที่นี่. หิ อักษรเป็นเพียงนิบาต. บทว่า กากาติ ได้แก่ เทวีพระนามว่ากากาติ. บทว่า ยตฺถ เม ความว่า ใจของเรายินดี คือกำหนัดแล้วเหนือนางใด. พระยาครุฑได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :- ท่านข้ามทะเลไปได้อย่างไร ท่านข้ามแม่น้ำเกปุกะไปได้อย่างไร ท่านข้ามทะเลทั้ง ๗ แห่งไปได้อย่างไร ท่านขึ้นต้นงิ้วฉิมพลีได้อย่างไร. คำที่เป็นคาถานั้นมีใจความว่า ท่านข้ามทะเลในชมพูทวีปนี้ และแม่น้ำชื่อว่าเกปุกะ ซึ่งถัดจากทะเลนั้นไป และทะเลทั้ง ๗ แห่งซึ่งตั้งอยู่ในระหว่างภูเขาทั้งหลายได้อย่างไร คือข้ามไปได้ด้วยอุบายอะไร และท่านขึ้นต้นฉิมพลีอันเป็นภพของเราซึ่งตั้งอยู่เลยทะเลทั้ง ๗ ได้อย่างไร. นฏกุเวรได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :- เราข้ามทะเลไปได้เพราะท่าน ข้ามแม่น้ำเกปุกะได้เพราะท่าน ข้ามทะเลทั้ง ๗ แห่ง บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตยา ความว่า เราเกาะอยู่ในระหว่างปีกของท่านกระทำกิจทั้งปวงนี้ เพราะท่านเป็นตัวเหตุ. ลำดับนั้น พระยาครุฑจึงกล่าวคาถาที่ ๔ ว่า :- น่าติเตียนเราผู้มีกายใหญ่โต น่าติเตียนเราผู้ไม่มีความคิด เพราะว่าเรานำมาบ้าง นำไปบ้างซึ่งชายชู้ของเมีย. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ธิรตฺถุ มํ พระยาครุฑ เมื่อจะติเตียนตนเอง จึงกล่าวไว้. บทว่า อเจตนํ ได้แก่ ชื่อว่าผู้ไม่มีความคิด เพราะไม่รู้ความหนักและความเบา เพราะความเป็นผู้มีร่างกายใหญ่โต. บทว่า ยตฺถ แก้เป็น ยสฺมา แปลว่า เพราะเหตุใด ท่าน พระยาครุฑนั้นได้นำพระนางกากาตินั้นไปถวายพระราชา แล้วไม่ได้ไปเล่นสกาอีก. พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประกาศสัจจะ แล้วทรงประชุมชาดกว่า ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุผู้กระสันจะสึกดำรงอยู่แล้วในโสดาปัตติผล. นฏกุเวรในกาลนั้น ได้เป็นภิกษุผู้กระสันจะสึกในบัดนี้ ส่วนพระราชาในครั้งนั้น ได้เป็น เราตถาคต ฉะนี้แล. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา กากาติชาดก จบ. |