บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ได้ยินว่า พระอุปนันทะนั้นบริโภคมาก มีความทะเยอทะยานมาก ใครๆ ไม่อาจให้พระอุปนันทะนั้นอิ่มหนำแม้ด้วยปัจจัยเต็มเล่มเกวียน. ในวันใกล้เข้าพรรษา พระอุปนันทะนั้นวางรองเท้าไว้ในวิหารหนึ่ง วางลักจั่นไว้ในวิหารหนึ่ง วางไม้เท้าไว้ในวิหารหนึ่ง ตนเองอยู่ในวิหารหนึ่ง คราวหนึ่งไปยังวิหารในชนบท เห็นภิกษุทั้งหลายมีบริขารประณีต จึงกล่าว อยู่มาวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย พระอุปนันทะศากยบุตร บริโภคมาก มักมาก แสดงข้อปฏิบัติแก่ภิกษุเหล่าอื่น แล้วเอาสมณบริขารบรรทุกเต็มยานน้อยมา. พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปนันทะกล่าวอริยวังสกถาแก่ผู้อื่น แล้ว บุคคลควรตั้งตนไว้ในคุณอันสมควรก่อน แล้วพึงสั่งสอนผู้อื่นในภายหลัง บัณฑิตจะไม่พึงเศร้าหมอง. ครั้นแล้วจึงทรงติเตียนพระอุปนันทะ แล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ พระอุปนันทะเป็นผู้มักมากในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในกาลก่อนก็ยังสำคัญน้ำแม้ในมหาสมุทรว่า ตนควรจะรักษา แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :- ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิ สมุทรเทวดาเห็นดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า ใครนี่หนอ มาเที่ยววนเวียนอยู่ในน้ำทะเลอันเค็ม ย่อมห้ามปลาและมังกรทั้งหลาย และย่อมเดือดร้อนในกระแสน้ำที่มีคลื่น. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โก นฺวายํ ตัดเป็น โก นุ อยํ แปลว่า นี่ใครหนอ. กาน้ำได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า ข้าพเจ้าเป็นนกชื่อว่าอนันตปายี ปรากฎไปทั่วทิศว่าเป็นผู้ไม่อิ่ม เราปรารถนาจะดื่มน้ำ มหาสมุทรสาครเป็นใหญ่กว่าแม่น้ำทั้งหลาย. เนื้อความแห่งคาถานั้นว่า เราปรารถนาจะดื่มน้ำในสาครอันหาที่สุดมิได้ ด้วย สมุทรเทวดาได้ฟังดังนั้นจึงกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :- ทะเลใหญ่นี้นั้น ย่อมลดลงและกลับ เต็มอยู่ตามเดิม บุคคลดื่มกินอยู่ก็หาทำให้น้ำทะเลนั้นพร่องลงไป ได้ยินว่า น้ำทะเลใหญ่นั้น ใครๆ ไม่อาจดื่มกินให้หมดสิ้นไป. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โสยํ ตัดเป็น โส อยํ แปลว่า นี้นั้น. บทว่า หายตี เจว ความว่า น้ำทะเลย่อมพร่องในเวลาน้ำลง และย่อมเต็มในเวลาน้ำไหลขึ้น. บทว่า นาสฺส นายติ ความว่า ถ้าแม้ชาวโลกทั้งสิ้นจะดื่มน้ำมหาสมุทรนั้น แม้ถึงเช่นนั้น มหาสมุทรนั้นก็ไม่ปรากฎความพร่อง แม้ว่าชาวโลกดื่มน้ำชื่อมีประมาณเท่านี้ จากน้ำนี้. บทว่า อเปยฺโย กิร ความว่า ได้ยินว่าสาครนี้ใครๆ ไม่อาจดื่มให้น้ำหมด. ก็แหละ รุกขเทวดาครั้นกล่าวอย่างนี้แล้วแสดงรูปารมณ์อันน่ากลัวให้กาสมุทรนั้นหนีไป. พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า กาสมุทรในครั้งนั้น ได้เป็น พระอุปนันทะ ในบัดนี้ ส่วนรุกขเทวดา คือ เราตถาคต ฉะนี้แล. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา สมุททชาดก จบ. |