ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 

อ่านชาดก 270000อ่านชาดก 270197อรรถกถาชาดก 270199
เล่มที่ 27 ข้อ 199อ่านชาดก 270201อ่านชาดก 272519
อรรถกถา อาทิจจุปัฏฐานชาดก
ว่าด้วย ลิงไหว้พระอาทิตย์
               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุหลอกลวงรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า สพฺเพสุ กิร ภูเตสุ ดังนี้.
               เรื่องราวเหมือนกับที่กล่าวแล้วในหนหลัง.
               ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์อุบัติในตระกูลพราหมณ์ แคว้นกาสี ครั้นเจริญวัย ศึกษาศิลปะในเมืองตักกสิลา บวชเป็นฤๅษี ยังอภิญญาและสมาบัติให้เกิด มีบริวารมาก เป็นครูประจำคณะ อาศัยอยู่ป่าหิมพานต์. พระโพธิสัตว์อยู่ในป่าหิมพานต์นั้นเป็นเวลานาน จึงลงจากภูเขาเพื่อเสพของเค็มและของเปรี้ยว อาศัยบ้านหนึ่งในชายแดนพักอยู่ที่บรรณศาลา.
               ขณะนั้น มีลิงโลนตัวหนึ่ง เมื่อคณะฤๅษีไปภิกขาจารจึงมายังอาศรมบท ถอนหญ้าที่บรรณศาลา เทน้ำในหม้อน้ำทิ้ง ทุบคนโทน้ำ ถ่ายคูถไว้ที่โรงไฟ. ดาบสทั้งหลายอยู่จำพรรษาแล้ว ดำริว่า บัดนี้ ป่าหิมพานต์บริบูรณ์ด้วยดอกไม้และผลไม้น่ารื่นรมย์ เราจะไป ณ ที่นั้น จึงบอกลาชาวบ้านชายแดน. พวกมนุษย์กล่าวว่า พระคุณเจ้า วันพรุ่งนี้ พวกข้าพเจ้าจะนำภิกษามายังอาศรมบท พระคุณเจ้าฉันอาหารแล้ว จึงค่อยไป ในวันที่สองต่างก็นำของเคี้ยวของฉันเป็นอันมากไป ณ ที่นั้นอีก.
               ลิงโลนเห็นดังนั้นจึงคิดว่า เราจักลวงให้มนุษย์เลื่อมใสให้นำของเคี้ยวของบริโภคมาให้เรา ลิงจึงทำเป็นเหมือนบำเพ็ญตบะ และเหมือนจำศีล ยืนนอบน้อมพระอาทิตย์ ในที่ไม่ห่างจากดาบส.
               พวกมนุษย์เห็นดังนั้น จึงพากันกล่าวว่า ผู้อยู่ใกล้ผู้มีศีล ย่อมเป็นผู้มีศีล แล้วกล่าวคาถาแรกว่า :-

               ในบรรดาสัตว์ทั้งปวง สัตว์ผู้ตั้งมั่นอยู่ในศีล มีอยู่ ท่านจงดูลิงผู้ลามก ยืนไหว้พระอาทิตย์อยู่เถิด.


               ในบทเหล่านั้น บทว่า สนฺติ สีลสมาหิตา ได้แก่ ผู้มีจิตตั้งมั่น คือประกอบด้วยศีล มีอยู่ อธิบายว่า ผู้มีศีลและผู้มีจิตตั้งมั่น มีอารมณ์เดียว มีอยู่. บทว่า ชมฺมํ คือลามก. บทว่า อาทิจฺจมุปติฏฺฐติ ความว่า ลิงยืนไหว้พระอาทิตย์อยู่.

               พระโพธิสัตว์เห็นพวกมนุษย์เหล่านั้น สรรเสริญคุณของลิงนั้น จึงกล่าวว่า พวกท่านไม่รู้ศีล และมารยาทของลิงโลนตัวนี้ แล้วเลื่อมใสในสิ่งไม่เป็นเรื่องเป็นราว
               จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-

               ท่านทั้งหลายไม่รู้จักปกติของมัน เพราะไม่รู้จักพากันสรรเสริญ ลิงตัวนี้มันเผาโรงไฟเสีย และทุบต่อยคนโทน้ำเสียสองใบ.


               ในบทเหล่านั้น บทว่า อนญฺญาย แปลว่า ไม่รู้. บทว่า อูหนํ ได้แก่การก่อเหตุที่ลิงชั่วนี้กระทำ. บทว่า กมณฺฑลู ได้แก่ คนโทน้ำ.

               พระโพธิสัตว์กล่าวโทษลิงอย่างนี้ว่า มันทุบคนโทน้ำเสียสองใบ.
               พวกมนุษย์ครั้นรู้ว่า เป็นลิงหลอกลวง จึงคว้าก้อนดินและไม้ขว้าง ไล่ให้มันหนีไป แล้วถวายภิกษาแก่หมู่ฤๅษี. แม้ฤๅษีทั้งหลายก็พากันไปป่าหิมพานต์ ทำฌานไม่ให้เสื่อม ได้มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า.

               พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดก.
               ลิงในครั้งนั้น ได้เป็นภิกษุลวงโลกนี้
               หมู่ฤๅษีได้เป็น พุทธบริษัท
               ส่วนครูประจำคณะ คือ เราตถาคต นี้แล.

.. อรรถกถา อาทิจจุปัฏฐานชาดก จบ.
อ่านชาดก 270000อ่านชาดก 270197อรรถกถาชาดก 270199
เล่มที่ 27 ข้อ 199อ่านชาดก 270201อ่านชาดก 272519
อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=27&A=1253&Z=1259
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด พระไตรปิฎกฉบับธรรมทาน
บันทึก  ๓  มิถุนายน  พ.ศ.  ๒๕๔๘
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]