บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ได้ยินว่า เศรษฐีชาวปัจจันตชนบทผู้หนึ่ง ได้เป็นอทิฏฐสหาย (สหาย คนงานเหล่านั้นรับคำของท่านเศรษฐีแล้ว พากันไปสู่พระนครสาวัตถีพบ ต่อมา ท่านอนาถบิณฑิกะก็ส่งเกวียน ๕๐๐ เล่มอย่างนั้นแหละไปในปัจจันตชนบทนั้นบ้าง พวกมนุษย์ไปในปัจจันตชนบทนั้นแล้ว นำบรรณาการไปมอบให้ท่านเศรษฐีปัจจันตชนบท. เศรษฐีนั้นถามว่า พวกเจ้ามาจากที่ไหนเล่า. ครั้นพวกคนเหล่านั้นบอกว่า มาจากพระนครสาวัตถี สำนักอนาถบิณฑิกะผู้เป็นสหายของท่าน ก็หัวเราะเยาะว่า คำว่า อนาถบิณฑิกะ จักเป็นชื่อของบุรุษคนไหนๆ ก็ได้ แล้วรับเครื่องบรรณา อยู่ต่อมา เศรษฐีชาวปัจจันตชนบทส่งเกวียน ๕๐๐ เล่มอย่างนั้นแหละ ไปสู่พระนครสาวัตถีซ้ำอีกครั้งหนึ่ง พวกมนุษย์น้อมนำบรรณาการไปพบท่านมหาเศรษฐี. ฝ่ายพวกคนของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเห็นพวกนั้นแล้วกล่าวว่า ท่านขอรับ พวกผมจักกำหนดที่พักอาหารและเสบียงของพวกนั้นเอง แล้วบอกให้พวกนั้นปลดเกวียนไว้ในที่เช่นนั้นภายนอกพระนคร กล่าวว่า พวกท่านพากันอยู่ที่นี่เถิด ข้าวยาคูแลภัตรและเสบียงสำหรับพวกท่าน ในเรือนของพวกท่านจักพอมี แล้วพากันไปเรียกพวกทาสและกรรมกรมาประชุมกัน พอได้เวลาเที่ยงคืน ก็คุมกันปล้นเกวียนทั้ง ๕๐๐ เล่ม แย่งเอาแม้กระทั่งผ้านุ่งผ้าห่มของคนเหล่านั้น ไล่โคให้หนีไปหมด ถอดล้อเกวียน ๕๐๐ เล่ม ฝ่ายคนของท่านเศรษฐีพากันบอกเรื่องนั้นแก่ท่านมหาเศรษฐี. ท่านมหาเศรษฐีคิดว่า บัดนี้มีเรื่องนำข้อความที่จะกราบทูลแล้ว จึงไปสำนักพระบรมศาสดา กราบทูลเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้น. พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนคฤหบดี เศรษฐีชาวปัจจันตชนบทนั้นเป็นผู้มีปกติประพฤติอย่างนี้ ในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในกาลก่อน ก็ได้มีปกติประพฤติเช่นนี้มาแล้วเหมือนกัน. อันท่านเศรษฐีกราบทูลอาราธนา จึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :- ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ อยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิ พวกนั้นไม่รู้อุปการะที่เขาทำแก่ตนก่อน จึงพากันได้รับกรรมเช่นนี้ ในภายหลัง เพื่อจะแสดงธรรมแก่บริษัทที่ประชุมกัน จึงกล่าวคาถานี้ ความว่า ผู้ใดอันท่านทำดีให้ก่อน ทำประโยชน์ให้ก่อน แต่ไม่รู้จักคุณผู้นั้น เมื่อมีกิจการเกิดขึ้นภายหลัง ย่อมไม่ได้ผู้ช่วยเหลือ ดังนี้. ในคาถานั้นประมวลข้ออธิบายได้ดังนี้ :- บรรดาชนมีกษัตริย์เป็นต้น บุรุษผู้ใดผู้หนึ่งมีความดีอันบุคคลอื่น คือมีอุปการะอันท่านผู้อื่นกระทำให้ก่อน คือทีแรก มีประโยชน์อันคนอื่นกระทำให้ คือมีผู้ช่วยเหลือทำกิจการให้สำเร็จได้ก่อน มิได้รู้สำนึกคุณงามความดี และประโยชน์ที่ผู้อื่นกระทำไว้ในตนนั้นเลย ผู้นั้น เมื่อกิจการของตนเกิดขึ้นในภายหลัง ย่อมหาคนช่วยทำกิจการนั้นให้ไม่ได้. พระโพธิสัตว์แสดงธรรมด้วยคาถานี้ ด้วยประการฉะนี้แล้ว กระทำบุญทั้งหลาย พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า เศรษฐีชาวปัจจันตชนบทในครั้งนั้น ได้มาเป็นเศรษฐีปัจจันตชนบทคนนี้แหละ ส่วนพาราณสีเศรษฐีได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล. จบ อปายิมหวรรคที่ ๙. ----------------------------------------------------- รวมชาดกที่มีในวรรคนี้ คือ ๑. สุราปานชาดก ว่าด้วย โทษของการดื่มสุรา ๒. มิตตวินทชาดก ว่าด้วย จักรบดศีรษะ ๓. กาฬกัณณิชาดก ว่าด้วย มิตร ๔. อัตถัสสทวารชาดก ว่าด้วย คุณธรรม ๖ ประการ ๕. กิมปักกชาดก ว่าด้วย โทษของกาม ๖. สีลวีมังสนชาดก ว่าด้วย ผู้มีศีล ๗. มังคลชาดก ว่าด้วย ถือมงคลตื่นข่าว ๘. สารัมภชาดก ว่าด้วย การพูดดี-พูดชั่ว ๙. กุหกชาดก ว่าด้วย พูดดีได้เงินได้ทอง ๑๐. อกตัญญูชาดก ว่าด้วย คนอกตัญญู .. อรรถกถา อกตัญญูชาดก จบ. |