ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 37 / 1อ่านอรรถกถา 37 / 890อรรถกถา เล่มที่ 37 ข้อ 903อ่านอรรถกถา 37 / 933อ่านอรรถกถา 37 / 1898
อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์
วรรคที่ ๔ สมันนาคตกถา

               อรรถกถาสมันนาคตกถา๑-               
               ว่าด้วยผู้ประกอบ               
____________________________
๑- คำว่า "สมนฺนาคตกถา" แปลว่า เรื่องผู้ประกอบ หรือเรื่องผู้ถึงพร้อมแล้ว.

               บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องผู้ประกอบ.
               ในเรื่องนั้น การประกอบมี ๒ อย่าง คือ การประกอบในความเป็นผู้พร้อมเพรียงกันในขณะแห่งปัจจุบัน ๑. การประกอบคือการได้เฉพาะโดยบรรลุภูมิใดภูมิหนึ่งมีรูปาวจรเป็นต้น ๑. การประกอบคือการบรรลุภูมิใดภูมิหนึ่งนั้นยังไม่เสื่อมจากคุณวิเศษที่ตนบรรลุแล้วเพียงใด ก็ชื่อว่าเป็นผู้ได้คุณวิเศษอยู่เพียงนั้นนั่นแหละ.
               อนึ่ง ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธิของนิกายอุตตราปถกะทั้งหลายในขณะนี้ว่า ยกเว้นการประกอบ ๒ อย่างนี้แล้ว ชื่อว่าการประกอบอย่างอื่นอันหนึ่งมีอยู่ด้วยสามารถแห่งปัตติธรรม คือธรรมที่บรรลุ ดังนี้ เพื่อให้ชนเหล่านั้นเข้าใจตามว่า ชื่อว่าปัตติธรรม คือธรรมเป็นเครื่องบรรลุของพระอรหันต์ อะไรๆ มีอยู่ ปัตติธรรมอะไรๆ ไม่มีอยู่ จึงถามว่า พระอรหันต์ประกอบด้วยผล ๔ หรือ คำตอบรับรองหมายเอาการบรรลุผลเป็นของปรวาที.
               ลำดับนั้น สกวาทีจึงเริ่มคำเป็นต้นว่า พระอรหันต์ประกอบด้วยผัสสะ ๔#- หรือ เพื่อท้วงว่า ถ้าพระอรหันต์ประกอบด้วยผลทั้ง ๔ ดุจถึงพร้อมด้วยนามขันธ์ ๔ ไซร้ ครั้นเมื่อความเป็นอย่างนั้นมีอยู่ ธรรมทั้งหลายเหล่าใด อย่างละ ๔ ในผลทั้ง ๔ เป็นต้น ธรรมเหล่านั้นก็ย่อมถึงพร้อมแก่พระอรหันต์เพราะการประกอบแล้วด้วยธรรมอย่างละ ๔ นั้น ดังนี้. คำทั้งปวงนั้น ปรวาทีตอบปฏิเสธแล้วเพราะความไม่มีผัสสะ เป็นต้น อย่างละ ๔ ในขณะเดียวกัน.
____________________________
#- คำว่า ผัสสะ ๔ คือ ผัสสะเจตสิกที่เกิดกับโสดาปัตติผลจิต สกทาคามิผลจิต อนาคามิผลจิตและอรหัตตผลจิต.

               แม้ในปัญหาว่าด้วยพระอนาคามีก็นัยนี้เหมือนกัน.
               คำว่า พระอรหันต์เลยโสดาปัตติผลไปแล้วมิใช่หรือ. อธิบายว่า ก็สกวาทีย่อมถามว่า พระอรหันต์เลย เพราะการไม่เกิดขึ้นอีกไม่เหมือนทุติยฌานลาภีบุคคลผู้ผ่านเลยปฐมฌานไปแล้ว.
               คำว่า โสดาปัตติมรรค เป็นต้นที่สกวาทีปรารภแล้ว ก็เพื่อแสดงถึงความไม่เกิดขึ้นอีกของมรรคนั้น เพราะปฏิบัติผ่านเลยไปแล้ว.
               ในปัญหาว่า ไม่เสื่อมจากผล ๔ นั้น ความว่า ธรรมคือโลกียฌานทั้งหลายย่อมเสื่อมด้วยธรรมอันเป็นข้าศึก ฉันใด โลกุตตรธรรมจะเป็นฉันนั้นก็หาไม่.
               จริงอยู่ กิเลสเหล่าใดที่มรรคละอยู่ กิเลสเหล่านั้นย่อมสงบระงับไปด้วยผล ทั้งกิเลสเหล่านั้นท่านก็ละแล้ว เป็นธรรมชาติสงบระงับไปแล้ว. เหตุใด เพราะเหตุนั้น สกวาทีจึงตอบรับรองว่า ใช่.
               เนื้อความนี้นั่นแหละ ท่านอธิบายไว้แล้วในคำทั้งหลายข้างหน้าซึ่งมีคำว่า พระอรหันต์ได้มรรค ๔ แล้ว และไม่เสื่อมจากมรรค ๔ นั้นเป็นต้น.
               คำที่เหลือมีเนื้อความง่ายทั้งนั้น แล.

               อรรถกถาสมันนาคตกถา จบ.               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์ วรรคที่ ๔ สมันนาคตกถา จบ.
อ่านอรรถกถา 37 / 1อ่านอรรถกถา 37 / 890อรรถกถา เล่มที่ 37 ข้อ 903อ่านอรรถกถา 37 / 933อ่านอรรถกถา 37 / 1898
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=37&A=8974&Z=9167
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=55&A=4557
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=55&A=4557
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๗  เมษายน  พ.ศ.  ๒๕๕๗
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :