บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ว่าด้วยความสำรวม ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นว่า เทวดาทั้งหลายเบื้องบนตั้งแต่ชั้นดาวดึงส์ขึ้นไป ย่อมไม่ประพฤติล่วงเวร ๕ คือไม่ล่วงศีล ๕ เหตุในเพราะเหตุนั้น ความสำรวมจึงมีอยู่แก่เทพเหล่านั้น ดังนี้ คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที เพราะไม่เห็นความปรากฏแห่งเวร ๕. ลำดับนั้น สกวาทีจึงถามความไม่สำรวม เพราะธรรมดาว่าความสำรวมมีอยู่ ความไม่สำรวมที่บุคคลพึงสำรวมก็ต้องมีอยู่. แต่ปรวาทีตอบปฏิเสธ เพราะในเทวดาทั้งหลายไม่มีปาณาติบาต เป็นต้น. คำว่า ความสำรวมมีอยู่ในหมู่มนุษย์ เป็นต้น สกวาทีกล่าวเพื่อแสดงความเป็นไปแห่งความไม่สำรวม ก็ครั้นเมื่อความสำรวมและความเป็นไปแห่งความสำรวม มีอยู่ ความไม่สำรวมก็ต้องมีอยู่. ในปัญหาว่า ปาณาติปาตา เวรมณี เป็นต้น พึงทราบคำตอบรับรองด้วยสามารถแห่งการไม่ประพฤติปาณาติบาตเป็นต้น และพึงทราบคำตอบปฏิเสธ เพราะความไม่มีปาณาติบาต เป็นต้น. ปัญหาว่าด้วยปฏิโลม มีเนื้อความง่ายทั้งนั้น. ในปัญหาว่า ปาณาติบาตไม่มีในหมู่เทวดาหรือ พึงทราบคำตอบรับรองของปรวาทีด้วยสามารถแห่งการไม่ประพฤติปาณาติบาตเป็นต้น และคำปฏิเสธของปรวาที เพราะความไม่มีปาณาติบาตเป็นต้น. ปัญหาว่าด้วยปฏิโลมมีเนื้อความง่ายทั้งนั้น. ในปัญหาทั้งหลายบทสุดท้ายว่า ความสำรวมไม่มีในหมู่เทวดาหรือ คำตอบรับรองของสกวาที หมายเอาความไม่มีความสำรวมจากการทำปาณาติบาตเป็นต้นอีก. ต่อจากนั้นคำถามของปรวาทีว่า ถ้าความสำรวมของเทวดาทั้งหลายไม่มี เทวดาทั้งปวงก็ต้องเป็นผู้ล้างผลาญชีวิต เป็นต้น ด้วยสามารถแห่งคำอันมีเลสนัย. คำปฏิเสธเป็นของสกวาที เพราะไม่มีความประพฤติล่วงเวรของเทวดาทั้งหลาย. ปรวาทีให้ลัทธิตั้งไว้ เพราะถือเอาสักแต่คำว่า ไม่พึงกล่าวของสกวาที. แต่ลัทธิที่ตั้งไว้แล้วอย่างนี้ย่อมตั้งไว้ไม่ได้เลย ดังนี้แล. อรรถกถาสังวรกถา จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์ วรรคที่ ๓ สังวรกถา จบ. |