บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ว่าด้วยทิพพจักขุ ____________________________ ๑- จักษุ ๓ คือ :- ๑. มังสจักขุ ได้แก่จักขุปสาท ๒. ทิพพจักขุ ได้แก่อภิญญาจิตตุปบาทที่เป็นทุติยวิชชาญาณ ๓. ปัญญาจักขุ ได้แก่อาสวักขยญาณ (ในปกรณ์นี้หรือในขุททกนิกาย อิติวุตตกะ) จักขุ ๕ คือ มังสจักขุ ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ พุทธจักขุ สมันตจักขุ (ในขุททกนิกาย มหานิท ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจนิกายอันธกะและสมิติยะทั้งหลาย ในขณะนี้ว่า มังสฺ สกวาทีหมายชนเหล่านั้น จึงถามปรวาทีว่า มังส ก็ถูกถามอีกว่า มังสจักขุก็คือทิพพจักขุ ทิพพจักขุก็คือมังสจักขุหรือ ปรวาทีปฏิเสธว่า มังส แม้ในปัญหามีคำว่า วิสัย เป็นต้น ความว่า รูปายตนะนั่นแหละเป็นวิสัยแห่งจักษุแม้ทั้ง ๒. อธิบายว่า ก็มังสจักขุย่อมเห็นรูปอันมาสู่คลองแห่งจักษุเท่านั้น ส่วนทิพพจักขุนี้ย่อมเห็นรูปอันไม่มาสู่คลองแห่งจักษุได้ แม้รูปนั้นจะมีภูเขากั้นไว้เป็นต้น. อนึ่ง รูปแม้ละเอียดยิ่งนัก ก็เป็นโคจรคืออารมณ์ของทิพพจักขุได้ แต่รูปเช่นนี้เป็นอารมณ์ของมังสจักขุไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น อานุภาพคืออำนาจ และโคจรคืออารมณ์ แห่งจักษุทั้ง ๒ นี้ จึงไม่เหมือนกัน ด้วยประการฉะนี้. ถูกถามว่า เป็นอุปาทินนะคือเป็นกัมมชรูป แล้วเป็นอนุปาทินนะ คือมิใช่กัมมชรูปหรือ ปรวาทีนั้นย่อมปรารถนาว่า มังสจักขุเป็นอุปาทินนะ ส่วนทิพพจักขุเป็นอนุปาทินนะ ทั้งมังสจักขุนั้นแหละก็ไม่เป็นทิพพขุ เพราะฉะนั้นจึงตอบปฏิเสธ. ถูกถามครั้งที่ ๒ ปรารถนา ทิพพจักขุย่อมเกิดขึ้นเพราะอาศัยมังสจักขุเป็นปัจจัย เพราะอาศัยพระบาลีว่า ความเกิดขึ้นแห่งมังสจักขุเป็นทางแห่งทิพพจักขุ ดังนี้ ทั้งมังสจักขุนั้นก็เป็นความผ่องใสของ ถูกถามครั้งที่ ๒ ก็ตอบรับรองว่า ธรรมดาว่า รูปาวจรเกิด เพราะความที่มังสจักขุเกิดขึ้นแล้ว โดยมีรูปาวจรฌานเป็นปัจจัย. แม้ถูกถามว่า เป็นรูปาวจรแล้วเป็นอรูปาวจรหรือ ต่อจากนี้ไป ท่านตอบปฏิเสธ เพราะความไม่มีรูปาวจรจิต ในขณะแห่งอรูปาวจรด้วยการภาวนา. ถูกถามครั้งที่ ๒ ก็ตอบรับรอง เพราะลัทธิว่า มังสจักขุนั้นเป็นสภาพผ่องใสของมหาภูตรูปทั้ง ๔ อันเป็นปัจจัยให้อรูปาวจรเกิดขึ้น ดังนี้. ก็แต่ปรวาทีนั้นไม่ปรารถนาความที่มังสจักขุนั้นเป็นโลกุตตธรรม (อปริยาปันนะ) เพราะฉะนั้น จึงตอบปฏิเสธนั้นเทียว. คำว่า ทิพพจักขุอันธรรมอุปถัมภ์แล้ว ได้แก่ เป็นธรรมกามาวจรอุปถัมภ์แล้ว. คำว่า อันธรรมอุปถัมภ์แล้ว ได้แก่ เป็นธรรม คือโลกุตตรอุปถัมภ์แล้ว. ถูกถามว่า จักขุมี ๒ อย่างเท่านั้นหรือ ปรวาทีไม่ปรารถนาความที่ทิพพจักขุอันธรรมอุปถัมภ์แล้วเป็นปัญญาจักขุ แม้ก็จริง ถ้าอย่างนั้น ก็ตอบปฏิเสธ เพราะความที่ปัญญาจักขุเป็นสภาพมีอยู่. ถูกถามอีก ก็ตอบรับรองด้วยสามารถแห่งลัทธิว่า มังสจักขุอันธรรมอุปถัมภ์แล้วย่อมเป็นทิพพ คำที่เหลือในที่นี้มีอรรถง่ายทั้งนั้น แล. อรรถกถาทิพพจักขุ จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์ วรรคที่ ๓ ทิพพจักขุกถา จบ. |