บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ว่าด้วยการเลื่อนฌาน ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธินิกายมหิสสาสกะและนิกายอันธกะบางพวกว่า โยคีบุคคลย่อมเลื่อนจากฌานมาสู่ฌาน โดยเว้นจากความเป็นไปแห่งอุปจาระของฌานนั้นๆ เพราะอาศัยการแสดงฌานโดยลำดับนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดแล้วจากกามทั้งหลายเทียว ฯลฯ เข้าถึงปฐมฌานอยู่ เพราะวิตกวิจารสงบ ฯลฯ เข้าถึงทุติยฌาน ฯลฯ เข้าถึงตติยฌาน ฯลฯ เข้าถึงจตุตถฌานอยู่ ดังนี้. คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. ลำดับนั้น สกวาทีจึงกล่าวคำว่า เลื่อนสู่ตติยฌานจากปฐมฌานเป็นต้น เพื่อท้วงว่า ถ้าว่า บุคคลไม่บรรลุอุปจาระแห่งทุติยฌานย่อมเลื่อนจากปฐมฌานเข้าสู่ทุติยฌานโดยผิดระเบียบได้ไซร้ บุคคลก็พึงเลื่อนจากปฐมฌานเข้าสู่ตติยฌาน จากทุติยฌานเข้าสู่แม้จตุตถฌานได้ ดังนี้. คำว่า ความนึก...ความตั้งใจอันใด เพื่อความเกิดขึ้นแห่งปฐมฌานเป็นต้น สกวาทีกล่าวเพื่อท้วงด้วยคำว่า บุคคลย่อมเข้าทุติยฌานถัดจากปฐมฌาน หรือเข้าตติยฌานเป็นต้นซึ่งต่อจากทุติยฌานเป็นต้นได้ไซร้ บุคคลก็พึงเข้าฌานได้ด้วยอาวัชชนจิตเดียว คือหมายความว่า ความนึกครั้งเดียวเข้าฌานได้ทุกฌาน ได้. คำว่า ผู้กระทำไว้ในใจซึ่งกามทั้งหลายโดยความเป็นของมีโทษ อธิบายว่า เมื่อพระโยคีมนสิ คำว่า ปฐมฌานอันนั้น เป็นต้น สกวาทีย่อมถามเพื่อท้วงด้วยคำว่า ถ้าว่าฌานนั้นนั่นแหละเว้นเบื้องต้นและเบื้องปลายพึงมีได้โดยลักษณะไซร้ ฌานนั้นก็พึงเกิดได้ตามลำดับ ดุจชวนจิตดวงสุดท้ายเกิดเพราะอาศัยชวนจิตดวงก่อน. พึงทราบเนื้อความในที่ทั้งปวงโดยอุบายนี้. พระสูตรนี้ย่อมแสดงความที่ฌานทั้งหลายที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้โดยลำดับด้วยคำว่า สงัดแล้วจากกามทั้งหลายเทียว เป็นต้น มิใช่แสดงถึงความเกิดขึ้นแห่งฌานอันติดต่อกันไป โดยเว้นมนสิการ เพราะฉะนั้น พระสูตรนี้จึงมิใช่ข้ออ้างว่าอุปจารฌานไม่มี ดังนี้แล. อรรถกถาฌานสังกันติกถา จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์ วรรคที่ ๑๘ ฌานสังกันติกถา จบ. |