บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ว่าด้วยความเกิดขึ้นแห่งสฬายตนะ ในเรื่องนั้น อายตนะภายใน ๖ ของโอปปาติกะกำเนิดทั้งหลายย่อมเกิดขึ้นพร้อมกับปฏิสนธิจิตดวงที่แสวงหาการเกิดนั่นแหละ. ในบรรดาอายตนะภายในทั้ง ๖ สำหรับของคัพภเสยยกะทั้งหลาย มีมนายตนะกับกายายตนะเท่านั้นเกิดขึ้นพร้อมกับปฏิสนธิจิต ส่วนอายตนะ ๔ ที่เหลือย่อมเกิดขึ้นในราตรี ๗ และ ๗ หมายความว่าทุกๆ หนึ่งสัปดาห์. ลัทธิของสกวาทีว่า อายตนะเหล่านั้นแลถือกำเนิดใหม่ด้วยกรรมอันใดเพราะความที่กรรมอันนั้นนั่นแหละ หรือว่ากรรมอันอื่นเป็นกรรมอันตนทำแล้ว ดังนี้. อนึ่ง ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธินิกายปุพพเสลิยะและอปรเสลิยะทั้งหลายว่า อายตนะภายใน ๖ อันเป็นพืช ย่อมเกิดในท้องของมารดาในขณะแห่งปฏิสนธินั่นแหละ เพราะความเกิดจากกรรมอันเดียวกัน ดุจหน่อแห่งต้นไม้เป็นต้นที่มีกิ่งก้านคาคบอันสมบูรณ์แล้ว ดังนี้ คำถามของสกวาทีว่า อายตนะ ๖ เป็นต้น หมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. คำว่า บุคคลมีอวัยวะน้อยใหญ่ครบครันเป็นต้น สกวาทีกล่าวเพื่อท้วงด้วยคำว่า เมื่อสฬายตนะมีอยู่ สัตว์ผู้จะเกิดในครรภ์ก็พึงเป็นเช่นนี้ๆ แล้วจึงก้าวลงสู่ท้องมารดา. คำถามว่า จักขายตนะเกิดขึ้นแก่สัตว์ผู้อยู่ในครรภ์มารดาในภายหลัง เป็นของปรวาที. คำถามข้างหน้าว่า ไม่พึงกล่าวว่า ผม ขนเป็นต้นเกิดแก่สัตว์ผู้อยู่ในครรภ์มารดาในภายหลังหรือ เป็นของปรวาที. คำที่เหลือในที่นี้มีอรรถตื้นทั้งนั้น แล. อรรถกถาสฬายตนุปปัตติกถา จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์ วรรคที่ ๑๔ สฬายตนุปปัตติกถา จบ. |