บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ว่าด้วยเสียงเป็นวิบาก ๑- คำว่าวิปากะ ได้แก่วิปากจิต ๓๖ เจตสิก ๓๘ วิบากนี้เรียกว่าผลด้วย แต่คำว่าผลมี ๒ คือมุขยผลและสามัญญผล สำหรับสามัญญผล ได้แก่ กัมมชรูป คือรูปที่เกิดแต่กรรมเป็นสมุฏฐานไม่จัดเป็นวิบาก. ชื่อว่า เรื่องเสียงเป็นวิบาก. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธิของนิกายมหาสังฆิกะทั้งหลายว่า เสียงเป็นวิบาก เพราะไม่พิจารณาความถือเอาคำที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า พระตถาคตนั้นเป็นผู้มีเสียงดุจเสียงแห่งพรหม... เพราะทำกรรมนั้น อันได้ทำแล้ว ได้สะสมไว้แล้ว ได้เพิ่มพูนแล้ว เป็นกรรมไพบูลย์ ดังนี้ คำถามของสกวาทีกล่าวเพื่อแสดงแก่ชนเหล่านั้นว่า อรูปธรรมทั้งหลายคือนามขันธ์ ๔ มีกรรมเป็นสมุฏฐาน ย่อมได้ชื่อว่าวิบาก แต่โวหารนี้ไม่มีในรูปธรรมทั้งหลาย. คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. คำว่า เสียงเป็นผลที่บุคคลเสวยเป็นสุข เป็นต้น สกวาทีกล่าวเพื่อแสดงว่า ขึ้นชื่อว่าวิบากแล้วย่อมเป็นอย่างนี้. พระสูตรที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า พระตถาคตนั้นเป็นผู้มีเสียงดุจเสียงแห่งพรหมเพราะกรรมนั้นได้ทำไว้แล้ว เป็นต้น ที่ปรวาทีนำมากล่าวนั้นก็เพื่อจะแสดงให้ทราบถึงการได้ลักษณะ คือภาวะที่ดี. อันที่จริง พระมหาบุรุษแม้เป็นผู้มีบริวารที่ดีก็เพราะทำกรรมไว้ในกาลก่อน และทั้งบริวารนั้นก็ไม่ใช่วิบาก เพราะฉะนั้นพระสูตรนี้ จึงมิใช่ข้อพิสูจน์ว่าเสียงเป็นวิบาก ดังนี้แล. อรรถกถาสัทโทวิปาโกติกถา จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา กถาวัตถุปกรณ์ วรรคที่ ๑๒ สัทโทวิปาโกติกถา จบ. |