ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 33.2 / 1อ่านอรรถกถา 33.2 / 18อรรถกถา เล่มที่ 33.2 ข้อ 19อ่านอรรถกถา 33.2 / 20อ่านอรรถกถา 33.2 / 28
อรรถกถา ขุททกนิกาย พุทธวงศ์
๑๘. ปุสสพุทธวงศ์

               พรรณนาวงศ์พระปุสสพุทธเจ้าที่ ๑๘               
               ภายหลังต่อมาจากสมัยของพระผู้มีพระภาคเจ้าติสสะพระองค์นั้น เมื่อมนุษย์ทั้งหลายเสื่อมลงโดยลำดับ และเจริญขึ้นอีกจนมีอายุมากหาประมาณไม่ได้ แล้วก็เสื่อมลงโดยลำดับจนมีอายุได้เก้าหมื่นปี ในกัปนั้นนั่นเอง พระศาสดาพระนามว่าปุสสะ ก็อุบัติขึ้นในโลก.
               พระผู้มีพระภาคเจ้าแม้พระองค์นั้นทรงบำเพ็ญบารมีทั้งหลาย ก็บังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต จุติจากนั้นแล้วก็ทรงถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางสิริมาเทวี อัครมเหสีของพระเจ้าชัยเสนะ กรุงกาสี ถ้วนกำหนดทศมาสก็ประสูติจากพระครรภ์พระชนนี ณ สิริมาราชอุทยาน.
               พระองค์ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่เก้าพันปี.
               ได้ยินว่า ทรงมีปราสาท ๓ หลัง ชื่อว่าครุฬปักขะ หังสะและสุวรรณภาระ. ปรากฎพระสนมกำนัลสามหมื่นนางมีพระนางกีสาโคตมี เป็นประมุข
               เมื่อพระโอรสพระนามว่าอนูปมะ ของพระนางกีสาโคตมี ทรงสมภพ พระมหาบุรุษทรงเห็นนิมิต ๔ ก็ขึ้นทรงช้างพระที่นั่งที่ประดับแล้ว เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ทรงผนวช ชนโกฏิหนึ่งออกบวชตามเสด็จ.
               พระองค์อันภิกษุเหล่านั้นแวดล้อมแล้ว ทรงบำเพ็ญเพียร ๖ เดือน แต่นั้นก็ทรงละหมู่ ทรงเพิ่มความประพฤติแต่ลำพังพระองค์อยู่ ในวันวิสาขบูรณมี เสวยข้าวมธุปายาสที่นางสิริวัฑฒา ธิดาของเศรษฐีผู้หนึ่ง ณ นครแห่งหนึ่งถวาย ทรงยับยั้งพักกลางวัน ณ ป่าสีสปาวัน เวลาเย็นทรงรับหญ้า ๘ กำที่อุบาสกชื่อสิริวัฑฒะ ถวาย เสด็จเข้าไปยังโพธิพฤกษ์ชื่ออามลกะคือต้นมะขามป้อม ทรงกำจัดกองกำลังมาร พร้อมทั้งตัวมาร บรรลุพระสัพพัญญุตญาณ ทรงเปล่งพระอุทานว่า อเนกชาติสํสารํ ฯเปฯ ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา.
               ยับยั้งอยู่ใกล้ต้นโพธิพฤกษ์ ๗ วัน ทรงเห็นภิกษุโกฏิหนึ่งซึ่งบวชกับพระองค์ เป็นผู้สามารถแทงตลอดธรรมได้จึงเสด็จไปทางอากาศ ลงที่อิสิปตนะมิคทายวัน สังกัสสนคร ทรงประกาศพระธรรมจักรท่ามกลางภิกษุเหล่านั้น ครั้งนั้นอภิสมัยครั้งที่ ๑ ได้มีแก่สัตว์แสนโกฏิ.
               ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า
                         ในมัณฑกัปนั้นนั่นเอง ได้มีพระศาสดาพระนาม
               ว่าปุสสะ ผู้ยอดเยี่ยม ไม่มีผู้เปรียบ เสมอด้วยพระพุทธเจ้า
               ผู้ไม่มีผู้เสมอ ผู้นำเลิศของโลก
                         แม้พระองค์ ทรงกำจัดความมืดทั้งหมดแล้วทรง
               สางรกชัฏขนาดใหญ่ เมื่อทรงยังโลกทั้งเทวโลกให้อิ่ม
               ทรงหลั่งน้ำอมฤตให้ตกลงมา.
                         เมื่อพระปุสสพุทธเจ้า ทรงประกาศพระธรรมจักร
               ในสมัยนักขัตมงคล อภิสมัยครั้งที่ ๑ ก็ได้มีแก่สัตว์แสนโกฏิ.

               แก้อรรถ               
               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ ความว่า ในกัปใดมีพระพุทธเจ้าทรงอุบัติ ๒ พระองค์ กัปนั้น เราเรียกมาแต่หนหลังว่ามัณฑกัป.
               บทว่า วิชเฏตฺวา ได้แก่ แก้.
               คำว่า ชฏา ในคำว่า มหาชฏํ นี้ เป็นชื่อของตัณหา.
               ท่านกล่าวว่า จริงอยู่ ตัณหานั้นชื่อว่าชฏา เพราะเป็นเหมือนชัฏ กล่าวคือขนมร่างแหที่ร้อยด้วยกลุ่มด้าย เพราะเกิดบ่อยๆ ร้อย ไว้ด้วยตัณหา เบื้องล่างเบื้องบนในอารมณ์ทั้งหลายมีรูปเป็นต้น ซึ่งรกชัฏขนาดใหญ่นั้น.
               บทว่า สเทวกํ ได้แก่ โลกทั้งเทวโลก.
               บทว่า อภิวสฺสิ แปลว่า ให้ตกลงมาแล้ว.
               บทว่า อมตมฺพุนา ความว่า เมื่อให้อิ่มจึงหลั่งน้ำคือธรรมกถา กล่าวคืออมตธรรมให้ตกลงมา.
               ครั้งพระเจ้าสิริวัฑฒะ กรุงพาราณสี ทรงละกองโภคสมบัติใหญ่ ทรงผนวชเป็นดาบส ได้มีดาบสที่บวชกับพระองค์จำนวนเก้าล้าน พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมโปรดดาบสเหล่านั้น ครั้งนั้น อภิสมัยครั้งที่ ๒ ได้มีแก่สัตว์เก้าล้าน.
               ส่วนครั้งทรงแสดงธรรมโปรดอนุปมกุมาร พระโอรสของพระองค์ ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๓ ได้มีแก่สัตว์แปดล้าน.
               ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า
                         อภิสมัยครั้งที่ ๒ ได้มีแก่สัตว์เก้าล้าน
                         อภิสมัยครั้งที่ ๓ ได้มีแก่สัตว์แปดล้าน.

               แต่นั้น สมัยต่อมา พระสุรักขิตะราชโอรสและธัมมเสนกุมาร บุตรปุโรหิต ณ กัณณกุชชนคร เมื่อพระปุสสสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จถึงนครของตน ก็ออกไปรับเสด็จพร้อมด้วยบุรุษหกล้าน ถวายบังคมแล้วนิมนต์ถวายมหาทาน ๗ วัน สดับธรรมกถาของพระทศพลแล้วเลื่อมใส พร้อมกับบริวารก็พากันบวชแล้วบรรลุพระอรหัต.
               พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงยกปาติโมกข์ขึ้นแสดงท่ามกลางภิกษุหกล้านเหล่านั้น นั้นเป็นสันนิบาตครั้งที่ ๑.
               ต่อมาอีก พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงพุทธวงศ์ ในสมาคมพระญาติประมาณหกสิบของพระเจ้าชัยเสน กรุงกาสี ชนห้าล้านฟังพุทธวงศ์นั้นพากันบวชด้วยเอหิภิกขุบรรพชา แล้วบรรลุพระอรหัต. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอยู่ในท่ามกลางภิกษุเหล่านั้น ทรงยกปาติโมกข์ขึ้นแสดง. นั้นเป็นสันนิบาตครั้งที่ ๒.
               ต่อมาอีก บุรุษสี่ล้านฟังมงคลกถาในมหามงคลสมาคมพากันบวชแล้ว บรรลุพระอรหัต พระสุคตเสด็จอยู่ในท่ามกลางภิกษุเหล่านั้น ทรงยกปาติโมกข์ขึ้นแสดง นั้นเป็นสันนิบาตครั้งที่ ๓.
               ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า
                                   พระปุสสพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ ทรงมี
                         สันนิบาตประชุมพระสาวกขีณาสพ ผู้ไร้มลทิน มีจิต
                         สงบ คงที่ ๓ ครั้ง.
                                   ประชุมพระสาวกหนึ่งล้านเป็นสันนิบาตครั้ง
                         ที่ ๑ ประชุมพระสาวกห้าล้านเป็นสันนิบาตครั้งที่ ๒.
                                   ประชุมพระสาวกผู้หลุดพ้นเพราะไม่ยึดมั่น
                         ผู้ขาดปฏิสนธิแล้วสี่ล้าน เป็นสันนิบาตครั้งที่ ๓.

               ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ของเราทรงเป็นกษัตริย์พระนามว่าพระเจ้าวิชิตาวี นครอรินทมะ ทรงสดับธรรมของพระปุสสพุทธเจ้าพระองค์นั้นทรงเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้า ถวายมหาทานแด่พระองค์ ทรงละราชสมบัติใหญ่ ทรงผนวชในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเรียนพระไตรปิฎก ทรงพระไตรปิฎก ตรัสธรรมกถาแก่มหาชน และทรงบำเพ็ญศีลบารมี.
               พระปุสสพุทธเจ้าแม้พระองค์นั้นก็ทรงพยากรณ์พระโพธิสัตว์นั้นว่า จักเป็นพระพุทธเจ้า.
               ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า
                                   สมัยนั้น เราเป็นกษัตริย์นามว่า วิชิตาวี ละราช
                         สมบัติใหญ่ บวชในสำนักของพระองค์
                                   พระปุสสพุทธเจ้า ผู้นำเลิศแห่งโลกพระองค์นั้น
                         ทรงพยากรณ์เราว่า เก้าสิบสองกัปนับแต่กัปนี้ ท่านผู้
                         นี้จักเป็นพระพุทธเจ้า.
                                   พระตถาคตทรงตั้งความเพียร ฯลฯ เพื่อบำเพ็ญ
                         บารมี ๑๐ ให้บริบูรณ์.
                                   เราเล่าเรียนพระสูตร พระวินัย และนวังคสัตถุ
                         ศาสน์ทั้งหมด ยังพระศาสนาของพระชินพุทธเจ้าให้
                         งาม.
                                   เราอยู่อย่างไม่ประมาท ในพระศาสนานั้นเจริญ
                         พรหมวิหารภาวนา ถึงฝั่งแห่งอภิญญาก็ไปสู่พรหมโลก.

               พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นทรงมีพระนครชื่อว่ากาสี พระชนกพระนามว่าพระเจ้าชัยเสน พระชนนีพระนามว่าพระนางสิริมา คู่พระอัครสาวกชื่อว่าพระสุรักขิตะและพระธัมมเสนะ พระพุทธอุปัฏฐากชื่อว่าพระสภิยะ คู่พระอัครสาวิกาชื่อว่าพระจาลาและพระอุปจาลา โพธิพฤกษ์ชื่อว่าอามลกะ คือต้นมะขามป้อม พระสรีระสูง ๕๘ ศอก พระชนมายุเก้าหมื่นปี พระอัครมเหสีพระนามว่าพระนางกีสาโคตมี พระโอรสพระนามว่าพระอนุปมะ เสด็จออกอภิเนษกรมณ์ด้วยยานคือช้าง.
               ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า
                         พระปุสสพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ มีพระนคร
               ชื่อกาสี พระชนกพระนามว่าพระเจ้าชัยเสน พระชนนี
               พระนามว่าพระนางสิริมา ฯลฯ โพธิพฤกษ์ของพระผู้มี
               พระภาคเจ้าพระองค์นั้น เรียกว่าอามัณฑะ ต้นมะขาม
               ป้อม ฯลฯ.
                         พระมุนีแม้พระองค์นั้นสูง ๕๘ ศอก งามเหมือน
               ดวงอาทิตย์ เต็มเหมือนดวงจันทร์.
                         ในยุคนั้น มนุษย์มีอายุเก้าหมื่นปี พระปุสสพุทธ
               เจ้าพระองค์นั้น เมื่อทรงพระชนม์ถึงเพียงนั้น จึงทรงยัง
               หมู่ชนเป็นอันมากให้ข้ามโอฆะ.
                         พระศาสดา แม้พระองค์นั้น ทรงสั่งสอนสัตว์เป็น
               อันมาก ให้ชนเป็นอันมากข้ามโอฆะ พระองค์ทั้งพระ
               สาวกมีพระยศที่ไม่มีผู้เทียบ ก็ยังปรินิพพาน.

               แก้อรรถ               
               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อามณฺโฑ๑- แปลว่า ต้นมะขามป้อม.
____________________________
๑- บาลีเป็น อามลโก.

               บทว่า โอวทิตฺวา ได้แก่ ให้โอวาท. อธิบายว่า พร่ำสอน.
               บทว่า โสปิ สตฺถา อตุลยโส ความว่า พระศาสดาผู้มีพระยศที่ชั่งมิได้ แม้พระองค์นั้น.
               ปาฐะว่า โส ชหิตฺวา อมิตยโส ดังนี้ก็มี.
               ปาฐะนั้นมีความว่า พระองค์จำต้องละคุณวิเศษดังกล่าวแล้วทุกอย่าง.
               ได้ยินว่า พระปุสสสัมมาสัมพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพาน ณ พระวิหารเสนาราม กรุงกุสินารา.
               ได้ยินว่า พระบรมสารีริกธาตุของพระองค์แผ่กระจายไป.
               ในคาถาที่เหลือทุกแห่งชัดแล้วทั้งนั้นแล.
               จบพรรณนาวงศ์พระปุสสพุทธเจ้า               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ ๑๘. ปุสสพุทธวงศ์ จบ.
อ่านอรรถกถา 33.2 / 1อ่านอรรถกถา 33.2 / 18อรรถกถา เล่มที่ 33.2 ข้อ 19อ่านอรรถกถา 33.2 / 20อ่านอรรถกถา 33.2 / 28
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=33&A=8144&Z=8189
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=51&A=7405
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=51&A=7405
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๕  กรกฎาคม  พ.ศ.  ๒๕๕๐
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :