ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 

อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] [๑๒]อ่านอรรถกถา 33.1 / 1อ่านอรรถกถา 33.1 / 139อรรถกถา เล่มที่ 33.1 ข้อ 140อ่านอรรถกถา 33.1 / 141อ่านอรรถกถา 33.1 / 180
อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ ๕๕. ภัททิยวรรค
๑๐. จูฬสุคันธเถราปทาน

หน้าต่างที่ ๑๒ / ๑๒.

               ยสวรรคที่ ๕๖#-               
               รัฐปาลเถราปทานที่ ๑๑ (๕๖๑)               
               ว่าด้วยบุพจริยาของพระรัฐปาลเถระ               
____________________________
#- วรรคนี้ในบาลีไทย ขาดหายไป แต่ของฉบับภาษาอื่นและอรรถกถา (มีอยู่) จึงนำมาเพิ่มให้ครบ พร้อมทั้งเพิ่มเลขข้อต่อจากข้อ ๑๔๐ ไปตามลำดับ.

                                   [๑๕๑] ข้าพเจ้าได้ถวายพญาช้างเชือก
                         ประเสริฐ มีงาใหญ่งอนงามเสมือนงอนไถ แด่
                         พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้
                         เจริญที่สุดของโลก ผู้คงที่.
                                   ข้าพเจ้าเป็นนายควาญช้าง นั่งอยู่บนคอ
                         ช้าง อันตกแต่งให้งามด้วยเศวตฉัตร ได้จ่าย
                         ทรัพย์แล้วให้สร้างสังฆารามทั้งหลังนั้น.
                                   ข้าพเจ้าได้สละทรัพย์ ๕๔,๐๐๐ กหาปณะ
                         ให้สร้างปราสาททั้งหลาย กระทำการถวายทาน
                         ด้วยเครื่องไทยมีราคามาก แด่พระผู้มีพระภาค
                         เจ้าผู้มีพระคุณใหญ่.
                                   พระมหาวีรเจ้า ผู้สัพพัญญู ผู้เป็นบุคคล
                         ผู้เลิศ ทรงยังมหาชนทั้งหมดให้ร่าเริงอยู่ ทรง
                         แสดงอมตบทแล้ว.
                                   พระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ทรง
                         กระทำธรรมนั้น ให้แจ้งแก่ข้าพเจ้า ประทับนั่ง
                         ในท่ามกลางหมู่ภิกษุแล้ว ได้ตรัสพระคาถาเหล่า
                         นี้ ว่า
                                   ผู้นี้ได้สละทรัพย์ ๕๔,๐๐๐ กหาปณะ
                         กระทำปราสาทแล้ว เราจะกล่าวถึงวิบาก ท่าน
                         ทั้งหลายจงฟัง เราจะกล่าววิบากนั้น
                                   ผู้นี้สละทรัพย์ ๑๘,๐๐๐ กหาปณะ ให้
                         สร้างเรือนยอด เขาจักเกิดในวิมาน และวิมาน
                         เหล่านั้น จักสำเร็จด้วยทองทั้งหลัง.
                                   เขาจักเป็นจอมเทวดา ๕๐ ครั้ง จักเสวย
                         รัชสมบัติและเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๘ ครั้ง
                                   ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ พระมหาบุรุษจักทรง
                         สมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช ทรงมีพระนาม
                         โดยพระโคตรว่าโคตมะ จักทรงเป็นพระศาสดา
                         ในโลก.
                                   ครั้นเขาจุติจากเทวโลก อันกุศลมูลตัก
                         เตือนแล้ว ในกาลนั้น เขาจักเกิดในตระกูลที่
                         มั่งคั่ง มีโภคะมาก.
                                   ภายหลัง เขาบวชแล้ว อันกุศลมูลตัก
                         เตือนแล้ว จึงได้นามว่ารัฐปาละ จักได้เป็น
                         สาวกของพระศาสดา.
                                   เขามีความเพียรอันตั้งไว้แล้ว เข้าไปสงบ
                         ปราศจากอุปธิแล้ว ในเมื่อบริษัทยังมีอาสวะอยู่
                         แต่เขาจักเป็นผู้ไม่มีอาสวะ นิพพาน.
                                   ข้าพเจ้าพยายามแล้วออกบวช ละทิ้ง
                         โภคะและสมบัติทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่มีความ
                         รักใคร่ในโภคะสมบัติ อันเป็นเสมือนก้อนเขฬะ
                         ฉะนั้น.
                                   ข้าพเจ้าทรงไว้ซึ่งการนำธุระคือความเพียร
                         ไป ซึ่งการนำไปซึ่งธรรมอันเป็นแดนเกษมจาก
                         โยคะและซึ่งกายในภพสุดท้าย ในพระศาสนา
                         ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.
                                   กิเลสทั้งหลาย ข้าพเจ้าได้เผาสิ้นแล้ว ฯลฯ
                         ข้าพเจ้าเป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่.
                                   ข้าพเจ้าเป็นผู้มาดีแล้วแล ฯลฯ คำสอนของ
                         พระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าได้กระทำเสร็จแล้ว.
                                   ปฏิสัมภิทา ๔ ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า
                         ข้าพเจ้าได้กระทำเสร็จแล้ว.
               ทราบว่า ท่านพระรัฐปาละเถระได้กล่าวคาถาเหล่านั้น ด้วยประการฉะนี้แล.
               จบรัฐปาลเถราปทาน               
               -----------------------------------------------------               
               ยศวรรคที่ ๕๖               
               ๕๖๑. อรรถกถารัฐปาลเถราปทาน               
               พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ ๑๑ ดังต่อไปนี้ :-
               อปทานของท่านพระรัฐปาลเถระมีคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ดังนี้.
               แม้พระเถระรูปนี้ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้วในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้เป็นอันมากในภพนั้นๆ.
               ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ท่านได้บังเกิดในตระกูลคฤหบดีมหาศาล ในพระนครหังสาวดี ก่อนหน้าที่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นทรงอุบัตินั่นแล พอเจริญวัยแล้ว บิดาล่วงลับดับชีวิตไป ตนเองก็ดำรงเพศเป็นฆราวาสครองเรือน ได้เห็นทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ในตระกูลวงศ์อันหาปริมาณมิได้ ตามที่คนผู้รักษาเรือนคลังรัตนะแสดงให้ทราบแล้ว จึงคิดว่าปู่ย่าตายายเป็นต้นของเราไม่อาจเพื่อจะถือเอากองทรัพย์สมบัติมีประมาณเท่านี้ ไปกับตนได้เลย แต่เราควรที่จะถือเอาแล้วจึงไป จึงได้ให้มหาทานแก่หมู่คนทั้งหลายมีคนกำพร้าเป็นต้น.
               เขาได้บำรุงพระดาบสผู้ได้อภิญญารูปหนึ่ง บุญนั้นจึงส่งเขาให้เป็นใหญ่ในเทวโลก เขาบำเพ็ญบุญทั้งหลายจนตลอดชีวิตแล้ว จุติจากอัตภาพนั้นได้ไปเกิดเป็นเทวดา.
               เทวดานั้นได้ครอบครองเทวราชสมบัติในเทวโลกนั้น ดำรงอยู่จนตลอดอายุ จุติจากอัตภาพนั้นแล้วได้เกิดเป็นลูกชายคนเดียวแห่งตระกูล ซึ่งสามารถเพื่อจะทำรัฐที่แตกกันแล้วในโลกมนุษย์ ให้ทรงอยู่ได้.
               ก็โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมมุตตระ ทรงอุบัติขึ้นในโลกแล้ว ได้ทรงประกาศพระธรรมจักรอันบวรให้เป็นไปแล้ว ทรงยังเวไนยสัตว์ให้ได้บรรลุถึงภูมิอันเกษม กล่าวคือมหานครได้แก่พระนิพพาน.
               ลำดับนั้น กุลบุตรผู้นั้นได้บรรลุนิติภาวะแล้วโดยลำดับ วันหนึ่งได้ไปยังพระวิหารพร้อมกับพวกอุบาสกอุบาสิกา ได้เห็นพระศาสดากำลังทรงแสดงธรรม มีจิตเลื่อมใส นั่งอยู่ที่ท้ายบริษัทแล้ว.
               ก็โดยสมัยนั้น พระศาสดาได้ทรงสถาปนาภิกษุรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งที่เลิศกว่าพวกบรรพชิตผู้มีศรัทธาทั้งหลาย. เขาได้เห็นการสถาปนานั้นแล้วมีใจเลื่อมใส จึงปรารถนาเพื่อจะได้ตำแหน่งนั้นบ้าง ได้ทำมหาทานให้เป็นไปแล้วตลอด ๗ วัน ได้ทำปณิธานด้วยเครื่องสักการะใหญ่แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยภิกษุแสนรูปเป็นบริวาร.
               พระศาสดาทรงเห็นว่าปณิธานนั้นจะสำเร็จได้โดยหาอันตรายมิได้ จึงทรงพยากรณ์ว่า ในอนาคตกาล ในพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม เขาจักเป็นผู้เลิศกว่าพวกบรรพชิตผู้มีศรัทธา.
               เขาถวายบังคมพระศาสดาและไหว้ภิกษุสงฆ์แล้ว จึงลุกขึ้นจากอาสนะหลีกไป.
               เขาอยู่ในโลกมนุษย์นั้น ได้บำเพ็ญบุญไว้มากมายจนตลอดอายุแล้ว จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลก.
               ในกัปที่ ๙๒ แต่กัปนี้ไป ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าผุสสะ เมื่อพระราชโอรส ๓ พระองค์ซึ่งเป็นพระภาดาต่างพระมารดากับพระศาสดา กำลังบำรุงปฏิบัติพระศาสดาอยู่ ตนเองได้ทำกิจเนื่องด้วยสหายกับพระราชโอรสเหล่านั้น เพื่อจะได้บำเพ็ญบุญ.
               เขาได้สั่งสมบุญกุศลนั้นไว้เป็นอันมากในภพนั้นอย่างนั้นแล้ว จึงได้ท่องเที่ยวไปในเฉพาะแต่สุคติภพเท่านั้น.
               ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้บังเกิดในเรือนของรัฐปาลเศรษฐี ในถุลลโกฏฐิตนิคม แคว้นกุรุ. เพราะเขาเกิดในตระกูลที่สามารถเพื่อจะทำรัฐที่แตกแล้วให้ดำรงอยู่ได้ จึงได้มีชื่อตามลำดับวงศ์นั่นแลว่า รัฐปาล.
               เขามีบริวารมากมาย เติบโตถึงความเป็นหนุ่มตามลำดับ มารดาบิดาได้ให้แต่งงานกับหญิงสาวรูปงาม และได้ให้ดำรงอยู่ในยศอันยิ่งใหญ่ ได้เสวยสมบัติเช่นกับทิพยสมบัติ.
               ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจาริกไปในชนบท ในแคว้นกุรุ ได้เสด็จไปถึงบ้านถุลลโกฏฐิตะตามลำดับ. กุลบุตรชื่อว่ารัฐปาล ได้สดับเหตุการณ์นั้นแล้วจึงเข้าไปเฝ้าพระศาสดา ได้ฟังธรรมในสำนักของพระศาสดา ได้ศรัทธา แต่มารดาบิดาจะอนุญาตให้ก็แสนยากลำบาก ต้องทำการอดอาหารถึง ๗ วันจึงได้เข้าไปเฝ้าพระศาสดา ทูลขอบวชแล้วได้บวชในสำนักของพระเถระรูปหนึ่งตามรับสั่งของพระศาสดา.
               ท่านได้บำเพ็ญกัมมัฏฐานโดยโยนิโสมนสิการ เจริญวิปัสสนาแล้ว ได้บรรลุพระอรหัต.
               ครั้นกาลต่อมา ท่านระลึกถึงบุรพกรรมของตนได้ เกิดความโสมนัสใจ เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนได้เคยประพฤติมาในกาลก่อน จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า ปทุมมุตฺตรสฺส ภควโต ดังนี้.
               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สุนาโค โส มยา ทินฺโน ความว่า ในคราวที่เป็นมหาธนเศรษฐี ในสมัยที่สละเสบียงทั้งหมดไปในทาน นาคที่ดีคือพญาช้าง ได้เป็นผู้อันเราถวายแล้ว.
               เมื่อจะแสดงถึงพญาช้างนั้น ท่านจึงกล่าวคำเป็นต้นว่า อีสาทนฺโต ดังนี้.
               งาเท่างอนรถ คือมีงาประมาณเท่างอนแห่งรถ, พญาช้างนั้นอันเราถวายแล้ว.
               บทว่า อุรุฬฺหวา ได้แก่ สามารถใช้เป็นพาหนะของพระราชา หรือเหมาะสมแก่พระราชา.
               บทว่า เสตจฺฉตฺโต ความว่า ประกอบด้วยฉัตรสีขาวตั้งไว้เพื่อประดับประดา.
               บทว่า ปโสภิโต ความว่า สมบูรณ์ด้วยรูปโฉมอันงดงามด้วยมีสายคาดอันห้อยย้อย.
               บทว่า สกปฺปโน สหตฺถิโป ความว่า ประกอบด้วยเครื่องอลังการสำหรับช้าง ประกอบด้วยนายควาญผู้รักษาช้าง.
               อธิบายว่า พญาช้างผู้เป็นเช่นนี้ เราได้ถวายแล้วแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ.
               บทว่า มยา ภตฺตํ กาเรตฺวาน เชื่อมความว่า เมื่อเราได้ช่วยกันสร้างพระวิหารแล้ว ได้ช่วยกันบำรุงนิตยภัตรแด่พวกภิกษุประมาณโกฏิรูปผู้จำพรรษาอยู่แล้ว ได้มอบถวายแก่พระมเหสีเจ้า.
               บทว่า ชลชุตฺตมนามโก ความว่า ชื่อว่าชลชะ เพราะเกิดจากน้ำ, อันนั้นคืออะไร คือดอกปทุม.
               อธิบายว่า พระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระนามว่าปทุมุตตระ เพราะมีพระนามเสมอกับดอกปทุมและเพราะเป็นผู้สูงสุด.
               คำที่เหลือในที่ทั้งปวงมีเนื้อความง่ายทั้งนั้นแล.
               จบอรรถกถารัฐปาลเถราปทาน               
               จบอรรถกถายสวรรคที่ ๕๖               
               -----------------------------------------------------               

               อรรถกถาอปทาน ชื่อว่าวิสุทธชนวิลาสินี เป็นอรรถกถาอปทานของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสาวกและพระเถระ จบบริบูรณ์เพียงเท่านี้แล.

               นิคมนกถา               
               ขอมนุษยโลกทั้งหมดพร้อมทั้งเทวโลก จงทราบถึงอรรถกถาแห่งอปทานนี้ ซึ่งบัณฑิตผู้ได้มีความฉลาดทำการอาราธนาโดยเฉพาะตั้ง ๗ เดือน ผู้แสวงหาโพธิสมภาร ผู้มีสติ ธิติ คติและความพากเพียรบากบั่น ผู้งดงามด้วยคุณมากรอบด้าน ผู้ทรงไว้ซึ่งพระไตรปิฎกได้นำมาแล้วเพื่อตัดข่มและติชม ตัณหา มานะและทิฏฐิเป็นต้นของสัตว์ทั้งปวง มีพระอานันทเถระเป็นอาทิผู้เป็นประทีปในหมู่เถรวงศ์ ผู้มีคุณเช่นความมักน้อยเป็นต้นอยู่ในเกาะสิงหลแล.
                                   ด้วยกุศลกรรมนี้ ขอมลทินมีความโลภเป็นต้น
                         โรคมีโรคตาเป็นต้น ความทุกข์ต่างๆ ชนิด ภัยมีการ
                         ทะเลาะเป็นต้น จนกลายเป็นได้รับความทุกข์ ผู้ก่อ
                         การอันไม่เป็นประโยชน์มีโจรเป็นต้น ของปวงประชา
                         ในโลกนี้ จงพินาศไป.
                                   ขอเวรและบาปธรรม ๕ ประการของข้าพเจ้า
                         จงพินาศไปดุจฝนและลมกำจัดความร้อนให้พินาศ
                         ไปฉะนั้น ขอให้ข้าพเจ้าจงได้ดำเนินถึงพระนิพพาน
                         ด้วยหนทางอันประเสริฐคือมรรคมีองค์ ๘ ประการ
                         เถิด.
                                   ขอให้ข้าพเจ้าจงย่ำยีทิฏฐิทั้งปวงและปาป
                         ธรรมมีราคะโทสะเป็นต้นได้ จงตัดสังสารวัฏ เข้า
                         ถึงสวรรค์และนิพพานเถิด.
                                   ในอาณาเขตทั้งหมด คือตั้งแต่ภวัคคพรหม
                         จนถึงในอเวจีนรก ขอสัตว์ทั้งปวงจงได้พากันประพฤติ
                         ตามธรรมเถิด โลกทั้ง ๓ ก็จักได้มีความอบอุ่นแล.
               -----------------------------------------------------               

               เนื้อความในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/m_siri.php?B=33&siri=151

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ ๕๕. ภัททิยวรรค ๑๐. จูฬสุคันธเถราปทาน จบ.
อ่านอรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] [๑๒]
อ่านอรรถกถา 33.1 / 1อ่านอรรถกถา 33.1 / 139อรรถกถา เล่มที่ 33.1 ข้อ 140อ่านอรรถกถา 33.1 / 141อ่านอรรถกถา 33.1 / 180
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=33&A=3969&Z=4056
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=50&A=7129
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=50&A=7129
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๕  กรกฎาคม  พ.ศ.  ๒๕๕๐
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :