ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 32 / 1อ่านอรรถกถา 32 / 85อรรถกถา เล่มที่ 32 ข้อ 86อ่านอรรถกถา 32 / 87อ่านอรรถกถา 32 / 412
อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ เถราปทาน ๙. ติมิรปุปผิยวรรค
๔. อโธปุปผิยเถราปทาน (๘๔)

               ๘๔. อรรถกถาอโธปุปผิยเถราปทาน               
               อปทานของท่านพระอโธปุปผิยเถระมีคำเริ่มต้นว่า อภิภู นาม โส ภิกฺขุ ดังนี้.
               พระเถระแม้นี้ได้บำเพ็ญกุศลสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพานในภพเป็นอันมาก ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิขี บังเกิดในเรือนมีตระกูล เจริญวัยแล้วอยู่ครองเรือน ครั้นภายหลังท่านเห็นโทษในกามทั้งหลาย ละการอยู่ครองเรือนนั้นแล้ว บวชเป็นฤาษี ได้อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ และถึงความเป็นผู้ชำนาญ อาศัยอยู่ในป่าหิมวันต์.
               พระอัครสาวกชื่อว่าอภิภู ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสิขี นั้น ยินดียิ่งในวิเวก ได้ไปสู่ป่าหิมวันต์.
               ครั้งนั้น เราเห็นพระอัครสาวกเถระนั้นแล้ว ขึ้นสู่ภูเขาที่พระเถระยืนอยู่ ถือเอาดอกไม้ ๗ ดอกสมบูรณ์ด้วยสี มีกลิ่นหอม จากพื้นภายใต้แห่งภูเขามาบูชา.
               ครั้งนั้น พระเถระนั้นได้กระทำอนุโมทนาแก่ท่าน.
               ฝ่ายดาบสนั้นก็ได้ไปยังอาศรมของตน. ท่านถูกงูเหลือมตัวหนึ่งในที่นั้นรัดเอา ภายหลังท่านมีฌานไม่เสื่อม ถูกอันตรายนั้นนั่นรบกวนกระทำกาละแล้ว ได้มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า เสวยพรหมสมบัติและฉกามาวจรสมบัติ และยังมนุษยสมบัติทั้งหลายให้สิ้นไป.
               ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่ง เจริญวัยแล้ว ฟังธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า มีใจเลื่อมใสบวชแล้ว ไม่นานนักก็ได้เป็นพระอรหันต์.
               ภายหลังท่านปรากฏโดยนามแห่งบุญกรรมที่ตนทำไว้ว่า อโธปุปผิยเถระ ดังนี้.
               วันหนึ่งท่านระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิดโสมนัส เมื่อจะประกาศปุพจริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า อภิภู นาม โส ภิกฺขุ ดังนี้.
               ในบทเหล่านี้ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
               ชื่อว่าอภิภู เพราะครอบงำคนเหล่าอื่นด้วยศีลและสมาธิ.
               อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่าอภิภู เพราะครอบงำคือท่วมทับมารมีขันธมารเป็นต้น.
               อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่าอภิภู เพราะครอบงำคือกำจัดกิเลสที่อยู่ในสันดานของตนและของคนเหล่าอื่น.
               ชื่อว่าภิกขุ เพราะมีปกติขอ คือมีการขอเป็นปกติ.
               อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่าภิกขุ เพราะทรงไว้ซึ่งแผ่นผ้าที่ถูกตัดถูกทำลาย.
               อธิบายว่า ภิกษุผู้เป็นพระอัครสาวกนั้นชื่อว่าอภิภู.
               เชื่อมความว่า พระอัครสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสิขี.
               บทว่า อชคโร มํ ปิเฬสิ๑- ความว่า งูเหลือมใหญ่เบียดเบียน พระดาบสผู้สมบูรณ์ด้วยศีลเห็นปานนั้น ท่านถูกอันตรายนั้นนั่นแลรบกวนมีฌานไม่เสื่อม ทำกาละแล้ว มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า.
               คำที่เหลือในบททั้งปวงมีอรรถตื้นทั้งนั้นแล.
____________________________
๑- บาลีว่า อชคโรปิ ปีเฬสิ.

               จบอรรถกถาอโธปุปผิยเถราปทาน               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ เถราปทาน ๙. ติมิรปุปผิยวรรค ๔. อโธปุปผิยเถราปทาน (๘๔) จบ.
อ่านอรรถกถา 32 / 1อ่านอรรถกถา 32 / 85อรรถกถา เล่มที่ 32 ข้อ 86อ่านอรรถกถา 32 / 87อ่านอรรถกถา 32 / 412
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=32&A=3039&Z=3054
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=50&A=2843
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=50&A=2843
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๑๓  มิถุนายน  พ.ศ.  ๒๕๕๐
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :