ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 32 / 1อ่านอรรถกถา 32 / 397อรรถกถา เล่มที่ 32 ข้อ 398อ่านอรรถกถา 32 / 399อ่านอรรถกถา 32 / 412
อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ เถราปทาน ๔๐. ปิลินทวรรค
๖. พักกุลเถราปทาน (๓๙๖)

               ๓๙๖. อรรถกถาพากุลเถราปทาน๑-               
____________________________
๑- บาลีว่า พักกุลเถราปทาน.

               พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ ๖ ดังต่อไปนี้ :-
               อปทานของท่านพระพากุลเถระ มีคำเริ่มต้นว่า หิมวนฺตสฺสาวิทูเร ดังนี้.
               เล่ากันมาว่า พระเถระรูปนี้ในอดีตกาล ตั้งแต่กาลที่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าอโนมทัสสี ทรงอุบัติขึ้นแล้ว ในที่สุดแห่งอสงไขยกำไรแสนกัปแต่นี้ไป ท่านได้บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ก่อนกว่าใคร เจริญวัยแล้วได้เรียนจบไตรเพท มองไม่เห็นสาระในไตรเพทนั้น คิดว่า เราจักแสวงหาประโยชน์ในภพหน้า จึงบวชเป็นฤาษีอยู่ที่เชิงเขา เป็นผู้ได้อภิญญา ๕ และสมาบัติ ๘.
               อยู่มาได้ทราบว่าพระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้น จึงไปยังสำนักของพระศาสดา ได้ฟังธรรมแล้ว ดำรงมั่นอยู่ในไตรสรณะ.
               เมื่อพระศาสดาเกิดการอาพาธเนื่องด้วยโรคลม จึงไปนำเอาเภสัชมาจากป่า ระงับโรคลมนั้นจนสงบดี น้อมใจนึกไปถึงบุญอันนั้น ก็เพื่อประโยชน์แห่งความเป็นผู้ไม่มีโรคภัย พอจุติจากโลกมนุษย์นั้นก็ได้ไปบังเกิดในพรหมโลก ได้ท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลกตลอดอสงไขยหนึ่ง
               ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ท่านได้บังเกิดในตระกูลแห่งหนึ่ง ในพระนครหังสาวดี บรรลุนิติภาวะแล้ว ได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้ว ได้มองเห็นภิกษุรูปหนึ่งซึ่งพระศาสดาทรงสถาปนาท่านไว้ในตำแหน่งที่เลิศแห่งพวกภิกษุผู้มีอาพาธน้อย ตนเองหวังจะได้ตำแหน่งนั้นบ้างจึงได้ตั้งปณิธานไว้แล้ว ได้สั่งสมแต่กุศลกรรมจนตลอดชีวิตแล้ว ได้ท่องเที่ยวไปในสุคติอย่างเดียว.
               ตั้งแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสีทรงอุบัติขึ้นแล้ว ท่านก็ได้บังเกิดในตระกูลของพราหมณ์ ในนครพันธุมดีก่อนกว่าใครหมด พอเรียนจบศิลปศาสตร์ทุกสาขาแล้ว มองไม่เห็นสาระในศิลปะนั้น จึงได้ออกบวชเป็นฤาษี เป็นผู้ได้ฌานและอภิญญา อยู่ที่เชิงเขา
               ได้สดับว่าพระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นแล้ว จึงได้ไปยังสำนักของพระศาสดา ได้ตั้งอยู่ไตรสรณะ.
               เมื่อภิกษุทั้งหลายเกิดความป่วยไข้เพราะหญ้าเป็นเหตุ จึงช่วยรักษาโรคนั้นจนสงบ ดำรงอยู่ในอัตภาพนั้นจนตลอดอายุ จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ได้บังเกิดในพรหมโลก ตั้งแต่นั้นในกัปที่ ๙๑ ท่านได้ท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลก.
               ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่ากัสสปะ ท่านได้บังเกิดในเรือนอันมีสกุลในกรุงพาราณสี อยู่เป็นฆราวาส ได้มองเห็นมหาวิหารหลังหนึ่งซึ่งคร่ำคร่าทรุดโทรม จึงให้ช่างจัดการสร้างที่อยู่อาศัยทั้งหมดมีโรงอุโบสถเป็นต้นในมหาวิหารนั้น ได้จัดแจงถวายเภสัชทุกชนิดแก่ภิกษุสงฆ์ในที่นั้นด้วย ได้สร้างกุศลกรรมจนตลอดชีวิตแล้ว ก็ได้ท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลกตลอดพุทธันดรหนึ่ง.
               เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าของพวกเราทรงอุบัติขึ้นแล้ว เขาบังเกิดแล้วในตระกูลเศรษฐีในกรุงโกสัมพีก่อนกว่าใครหมด.
               เขาคลอดออกจากครรภ์ของมารดาแล้ว พวกพี่เลี้ยงนำไปอาบน้ำที่แม่น้ำยมุนา เพื่อความไม่มีโรค หลุดจากมือของพวกพี่เลี้ยง ได้ถูกปลาฮุบไป พวกชาวประมงเอาข่ายจับปลานั้นมาได้แล้วขายให้กับภริยาของท่านเศรษฐีชาวกรุงพาราณสี.
               นางรับปลานั้นไปแล้ว ขณะที่กำลังทำการผ่า ได้มองเห็นทารกผู้ไม่มีโรค เพราะผลบุญที่เขาได้ทำไว้ในปางก่อน จึงเอ่ยว่า เราได้ลูกชายแล้ว จึงรับเลี้ยงไว้.
               เขาได้ทราบเรื่องราวนั้นแล้วจากมารดาบิดาบังเกิดเกล้าผู้มาแล้วกล่าวว่า เด็กคนนี้เป็นลูกของพวกเรา, จงให้ลูกคืนแก่พวกเราเถิด ดังนี้.
               เมื่อพระราชาทรงซักถามแล้วจึงทรงตัดสินว่า เด็กคนนี้จงเป็นของทั่วไปแก่ตระกูลทั้งสอง เพราะว่า เขาดำรงอยู่โดยความเป็นทายาทของตระกูลทั้งสอง จึงได้นามว่าพากุละ. เจริญวัยแล้ว ได้เสวยสมบัติมากมาย อยู่ในตระกูลเศรษฐี ๒ ตระกูล ตระกูลละ ๖ เดือน.
               เศรษฐีทั้งสองตระกูลเหล่านั้น เมื่อถึงวาระของตนแล้ว ก็ต่อเรือพ่วงกัน ให้ช่างทำเป็นมณฑปรัตนะไว้บนเรือนนั้น ให้ตระเตรียมดนตรีอันประกอบด้วยองค์ ๕ แล้วให้กุมารนั่งในเรือนั้นแล้วก็พากันมาทางแม่น้ำคงคาจนถึงที่ท่ามกลาง (จุดศูนย์กลาง) พระนครทั้งสอง.
               แม้พวกคนของท่านเศรษฐีอีกคนหนึ่ง ก็ได้ตระเตรียมไว้เช่นนั้นเหมือนกัน ไปยังสถานที่นั้นแล้ว ยกกุมารขึ้นบนเรือนนั้นแล้วพาไป.
               กุมารคนนั้นเจริญอยู่อย่างนั้น เป็นผู้มีอายุ ๘๐ ปี ปรากฏมีชื่อว่า อุภยเศรษฐีบุตร เขาได้ไปยังสำนักของพระศาสดาฟังธรรมแล้ว ได้มีศรัทธาบวชแล้ว พยายามอยู่ตลอด ๗ วัน ในวันที่ ๘ ก็ได้บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ๔.
               ครั้นท่านเป็นพระอรหันต์แล้วระลึกถึงบุรพกรรมของตนได้เกิดความโสมนัสใจ เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อน จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า หิมวนฺตสฺสาวิทูเร ดังนี้.
               เนื้อความแห่งคำนั้นข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้วในหนหลังแล.
               เนื้อความแห่งบาลีแห่งอปทาน ก็พอจะรู้ได้โดยง่ายทีเดียว.
               พระพากุลเถระนั้นบรรลุพระอรหัตแล้วมีชีวิตอยู่ด้วยความสุขอันเกิดแต่วิมุตติ เป็นผู้มีอายุ ๑๖๐ ปีจึงได้ปรินิพพานแล้ว.
               จบอรรถกถาพากุลเถราปทาน               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ เถราปทาน ๔๐. ปิลินทวรรค ๖. พักกุลเถราปทาน (๓๙๖) จบ.
อ่านอรรถกถา 32 / 1อ่านอรรถกถา 32 / 397อรรถกถา เล่มที่ 32 ข้อ 398อ่านอรรถกถา 32 / 399อ่านอรรถกถา 32 / 412
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=32&A=8613&Z=8668
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=50&A=5331
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=50&A=5331
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๑๓  มิถุนายน  พ.ศ.  ๒๕๕๐
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :