บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
๓๑. อรรถกถากุณฑธานเถราปทาน พระเถระแม้นี้ได้บำเพ็ญบุญญาธิการไว้ในพระพุทธเจ้าพระ ครั้นวันหนึ่ง เขาได้น้อมถวายเครือกล้วยใหญ่สีเหลืองเหมือน ด้วยบุญกรรมนั้น เขาเสวยราชสมบัติทิพย์ในหมู่เทพ ๑๑ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าจักร ก็ธรรมดาพระพุทธเจ้าผู้ทรงอายุยืนทั้งหลาย. ย่อมไม่มีอุโบสถทุกๆ กึ่งเดือน. จริงอย่างนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าวิปัสสี ได้มีอุโบสถในระหว่าง ๖ ปี. ส่วนพระทศพลทรงพระนามว่ากัสสปะ สวดปาติโมกข์ทุกๆ ๖ เดือน. ในการสวดปาติโมกข์นั้น ภิกษุผู้เป็นสหายกัน ๒ รูปผู้อยู่ประจำ เดินไป ภุมมเทวดาตนนี้คิดว่า ภิกษุ ๒ รูปนี้รักกันแน่นหนาเหลือเกิน เมื่อมีผู้ทำลาย จะแตกกันหรือไม่หนอ. มองหาโอกาสเพื่อภิกษุทั้งสองอยู่ เดินไปไม่ห่างภิกษุ ครั้งนั้น พระเถระรูปหนึ่งให้พระเถระอีกรูปหนึ่งถือบาตรและจีวรไว้ เดินไปสู่ที่ๆ มีน้ำสะดวก เพื่อขับถ่ายสรีระ ล้างมือล้างเท้า แล้วออกจากที่ใกล้พุ่มไม้. ภุมมเทวดาแปลงเพศเป็นหญิงรูปงามเดินตามหลังพระเถระนั้นไป ทำ พระเถระผู้เป็นสหายยืนอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง เห็นเหตุนั้นแล้วเกิดโทมนัส คิดว่า บัดนี้ความรักที่ติดต่อกันมาเป็นเวลานานกับภิกษุนี้ฉิบหายแล้ว ถ้าเราพึงรู้ว่าเธอเป็นผู้มีกิเลสอย่างนี้ เราจักไม่ทำความคุ้นเคยกับภิกษุนี้ ตลอดกาลนานประมาณเท่านี้. เมื่อพระเถระมาถึงเท่านั้นก็กล่าวว่า นิมนต์รับเอาบาตรจีวรของท่านไปเถิด ผู้อาวุโส เราไม่ปรารถนาจะร่วมทางกับผู้ที่ลามกเช่นท่าน. หทัยของภิกษุผู้ลัชชีนั้นฟังถ้อยคำนั้นแล้ว ได้เป็นประหนึ่งถูกหอกที่คมกริบเสียบแล้ว. ลำดับนั้น ลัชชีภิกษุนั้นจึงพูดกับพระเถระผู้เป็นสหายว่า อาวุโส ท่าน พระเถระผู้เป็นสหายจึงพูดว่า เรื่องอื่นที่เห็นแล้วจะมีประโยชน์อะไร ท่าน พระเถระผู้ลัชชีกล่าวว่า อาวุโส เรื่องนี้ไม่มีแก่เราเลย เราไม่เห็นมาตุคามเห็นปานนี้เลย. แม้เมื่อพรเถระผู้ลัชชีจะกล่าวอย่างนี้ถึง ๓ ครั้ง พระเถระนอกนี้ก็ไม่เชื่อถ้อยคำ ยึดถือเอาเหตุที่ตนเห็นแล้วนั่นแหละว่าเป็นเรื่องจริง. ไม่เดินทางเดียวกับภิกษุนั้น ไปสู่สำนักของพระศาสดาโดยทางอื่น. ต่อแต่นั้นมา ถึงเวลาที่ภิกษุสงฆ์เข้าสู่โรงอุโสบถ ภิกษุนั้นเห็นลัชชีภิกษุนั้นในโรงอุโบสถ รู้ชัดแล้วก็ออกไปเสียด้วยคิดว่า ภิกษุเช่นนี้มีอยู่ในโรงอุโบสถนี้ เราจักไม่กระทำอุโบสถร่วมกับเธอ ดังนี้แล้วได้ยืนอยู่ในภายนอก. ลำดับนั้น ภุมมเทวดาคิดว่า เราทำกรรมหนักหนอ แล้วแปลงเพศ ภิกษุนั้นตอบว่า ดูก่อนอุบาสก ภิกษุลามกรูปหนึ่งเข้าไปสู่โรงอุโบสถนี้. เราไม่กระทำอุโบสถ ภุมมเทวดาจึงพูดว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ท่านอย่าถืออย่างนี้เลย ภิกษุนี้มีศีลบริสุทธิ์ ชื่อว่ามาตุคามที่ท่านเห็นแล้ว คือข้าพเจ้าเอง. เพื่อจะทดลองไมตรีของท่านทั้งสองว่า ไมตรีของพระเถระทั้งสองรูปนี้จะมั่งคงหรือไม่มั่นคงหนอดังนี้ ข้าพเจ้าผู้อยากดูความที่ท่านทั้งสองจะแตกไมตรีกันหรือไม่ กระทำกรรมนั้นแล้ว. ภิกษุนั้นถามว่า ดูก่อนสัตบุรุษ ก็ท่านเป็นอะไร? ภุมมเทวดาตอบว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าเป็นภุมมเทวดาตนหนึ่ง. เทวบุตรเมื่อชี้แจงเสร็จก็ไม่ดำรงอยู่ในทิพพานุภาพ หมอบลงแทบเท้าของพระเถระ อ้อน พระเถระนั้นได้กระทำอุโบสถในที่เดียวกันก่อนและได้อยู่ในที่เดียวกันกับภิกษุนั้น ด้วยอำนาจความสนิทสนมอีก. ทั้งไม่พูดถึงกรรมของพระเถระนี้. ส่วนพระเถระที่ถูกโจทบำเพ็ญวิปัสสนาบ่อยๆ บรรลุพระอรหัตแล้ว. ด้วยผลแห่งกรรมนั้น ภุมมเทวดาไม่รอดพ้นจากภัยในอบายตลอดถึง ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลาย เขาเกิดในสกุลพราหมณ์ ในนครสาวัตถี คนทั้งหลายได้ขนานนามเขาว่า ธานมาณพ. ธานมาณพเจริญวัยแล้ว เรียนไตรเพทฟังธรรมเทศนาของพระศาสดาในเวลาแก่. มีศรัทธาบวชแล้ว. จำเดิมแต่วันที่ท่านอุปสมบทแล้ว สตรีผู้ประดับแล้ว ตกแต่งแล้วนางหนึ่งจะ พระเถระไม่เห็นนางเลย. แต่ด้วยกรรมเก่าของท่าน นางจึงปรากฏแก่คนเหล่าอื่น สตรีทั้งหลายเมื่อถวายข้าวยาคู ถวายภิกษาในบ้านจะพากันพูดว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าวยาคูกระบวยหนึ่งนี้สำหรับท่าน อีกกระบวยหนึ่งสำหรับหญิงผู้เป็นสหายของเราทั้งหลายคนนี้ ดังนี้แล้ว ทำการเย้ยหยัน. เป็นความลำบากอย่างยอดยิ่งแก่พระเถระ. สามเณรและภิกษุหนุ่มทั้งหลายก็พากันห้อมล้อมท่านผู้ไปสู่วิหาร พูดเยาะเย้ยว่า พระธานะ มีเหี้ยเกิดแล้ว. ครั้งนั้นท่านจึงเกิดมีนามเพิ่มว่า กุณฑธานเถระ ด้วยเหตุนั้นเอง ท่านเพียรพยายามแล้วก็ไม่สามารถจะอดกลั้นความเยาะเย้ยอันสามเณรและภิกษุหนุ่มเหล่านั้นกระทำอยู่ได้ เกิดบ้าขึ้นมาพูดว่า พวกท่านสิเป็นเหี้ย อุปัชฌาย์ของพวกท่านก็เป็นเหี้ย อาจารย์ก็เป็นเหี้ย. ลำดับนั้น ภิกษุทั้งหลายกราบทูลฟ้องแด่พระศาสดาว่า ข้าแต่พระ พระศาสดาตรัสสั่งให้เรียกพระกุณฑธานเถระมา ตรัสถามว่า ดูก่อนธานะ ได้ยินว่า เธอกล่าวคำหยาบกับสามเณรทั้งหลายหรือ. เมื่อพระกุณฑธานะกราบทูลว่า ข้าแต่พระ พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เธอไม่สามารถจะยังกรรมที่เธอทำไว้ในก่อน ให้สลายไปได้จนถึงวันนี้ เธออย่า เธออย่าได้กล่าวคำหยาบกะใครๆ ผู้ที่เธอกล่าวแล้วพึง กล่าวตอบเธอ เพราะว่า ถ้อยคำแข่งดีให้เกิดทุกข์ อาชญา ตอบพึงถูกต้องเธอ ถ้าเธอไม่ยังตนให้หวั่นไหวดุจกังสดาล ถูกขจัดแล้ว เธอจักเป็นผู้ถึงพระนิพพาน ความแข่งดีย่อมไม่ มีแก่เธอ ดังนี้. และชาวเมืองทั้งหลายก็กราบทูลคามที่พระเถระนั้นท่องเที่ยวไป พระราชาส่งราชบุรุษไปด้วยตรัสว่า ดูก่อนพนาย พวกท่านจงไป จงใคร่ครวญดู ดังนี้แล้ว แม้พระ พระราชาทอดพระเนตรเห็นแล้ว ทรงพระดำริว่า เหตุนี้มีอยู่จึงเสด็จไปยังที่หญิงนั้นยืนอยู่ เมื่อพระราชาเสด็จมา หญิงนั้นก็ทำเป็นเหมือนเข้าไปสู่ แม้พระราชาก็เสด็จเข้าไปสู่บรรณศาลานั้นแหละพร้อมกับหญิงนั้น ทรงตรวจดูทั่วๆ ไปก็ไม่เห็น จึงเข้าพระทัยว่า นี้ไม่ใช่มาตุคาม คงเป็นกรรมวิบากอย่างหนึ่งของพระเถระ แต่ก่อนแม้ถึงจะเสด็จเข้าไปใกล้พระเถระ ก็ไม่ไหว้พระเถระ ครั้นทรงทราบว่าเหตุนั้นไม่เป็นจริง จึงเสด็จมาไหว้พระเถระแล้วประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ตรัสถามว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พระคุณเจ้าไม่ลำบากด้วย พระเถระทูลว่า พอสมควรอยู่ มหาบพิตร. พระราชาตรัสว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ กระผมเข้าใจคำพูดของพระคุณเจ้า เมื่อพระคุณเจ้าเที่ยวไปกับสิ่งที่ทำให้เศร้าหมองเช่นนี้ ใครเล่าจะเลื่อมใส จำเดิมแต่นี้ไป พระคุณเจ้าไม่ต้องมีกิจที่จะต้องไปในที่ไหนๆ โยมจะบำรุงพระคุณเจ้า พระเถระได้พระราชาเป็นผู้อุปถัมภ์ เป็นผู้มีจิตเป็นเอกัคคตารมณ์ เพราะมีโภชนะเป็นที่สบาย เจริญวิปัสสนาแล้วบรรลุพระอรหัต จำเดิมแต่นั้น หญิงนั้นก็หายไป. ครั้งนั้น มหาสุภัททาอุบาสิกาอยู่ในเรือนแห่งตระกูลที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ในอุคคนคร อธิฏ ดอกไม้ทั้งหลายลอยไปแล้ว ตั้งเป็นเพดาน ณ เบื้อง ในวันรุ่งขึ้น เมื่ออรุณตั้งขึ้นแล้ว จึงตรัสกะพระอานนทเถระว่า ดูก่อนอานนท์ วันนี้พวกเราจักไปภิกขาจารในที่ไกล. เธออย่าให้สลากแก่ภิกษุที่เป็นปุถุชน จงให้สลากแก่ภิกษุที่เป็นพระอริยะเท่านั้น. พระเถระแจ้งแก่ภิกษุทั้งหลายว่า อาวุโสทั้งหลาย วันนี้พระศาสดาจักเสด็จ พระอานนท์กล่าวว่า พระศาสดาไม่ตรัสสั่งให้ให้สลากแก่ภิกษุเช่นท่าน ตรัส พระศาสดาตรัสว่า จงให้สลากแก่ผู้ที่ขอ. พระเถระคิดว่า ถ้าการให้สลากไม่ควรให้แก่พระกุณฑธานะ เมื่อเป็นเช่นนั้น พระ ก่อนแต่พระอานนท์จะมาถึงนั้นแหละ พระกุณฑธานเถระเข้าจตุตถฌานมีอภิญญาเป็นบาท ยืนอยู่ในอากาศด้วยฤทธิ์ กล่าวว่า อาวุโส อานนท์ พระศาสดาทรงรู้จักเรา พระศาสดาไม่ทรงห้ามภิกษุเช่นเรา ผู้จับสลากก่อนหรอก ดังนี้แล้วยื่นมือไปจับสลาก, พระศาสดาทรงกระทำเรื่องนั้นให้เป็นอัตถุปปัติเหตุ แต่งตั้งพระเถระไว้ในตำแหน่งภิกษุผู้เลิศแห่งภิกษุทั้งหลายผู้จับสลากก่อน. เพราะเหตุที่พระเถระนี้มีพระราชาเป็นผู้อุปถัมภ์ เพราะได้อาหารอันเป็นที่สบาย จึงมีจิตเป็นสมาธิกระทำกรรมในวิปัสสนา ได้อภิญญา ๖ เพราะเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยอุปนิสัย. ภิกษุผู้เป็นปุถุชนเหล่าใด เมื่อไม่รู้คุณของพระเถระนี้ แม้ผู้เป็นอย่างนี้ว่า ในเวลานั้น ท่านจับสลากนี้ก่อนหรือหนอ. เพื่อจะกำจัดความสงสัยของภิกษุเหล่านั้น พระเถระจึงเหาะขึ้นสู่อากาศแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ พยากรณ์พระ ท่านบรรลุพระอรหัตโดยสมควรแก่บุญสมภารที่บำเพ็ญมาแล้วอย่างนี้ ได้รับตำแหน่งเอตทัคคะ ระลึกถึงบุพกรรม เมื่อจะประกาศ คำที่เหลือมีอรรถง่ายทั้งนั้นแล. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ เถราปทาน ๔. กุณฑธานวรรค ๑. กุณฑธานเถราปทาน (๓๑) จบ. |