บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
แม้พระเถระรูปนี้ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้วในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ทุกๆ ภพนั้นจะสั่งสมแต่บุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานเป็นประจำเสมอ. ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าวิปัสสี ท่านได้เกิดในเรือนอันมีสกุลแห่งหนึ่ง ซึ่งสมบูรณ์ด้วยสมบัติ บรรลุ สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าวิปัสสี ทรงเปล่งพระรัศมีมีพรรณ ๖ ประการ เนรมิตที่จงกรมในอากาศ เสด็จ ฝ่ายเศรษฐีนั้นได้มองเห็นความอัศจรรย์นั้นแล้วเลื่อมใสยิ่งนัก จึงวาง ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอาศัยความอนุเคราะห์รับแล้ว ก็แลครั้นทรงรับแล้ว เพื่อจะให้เศรษฐีนั้นเกิดความโสมนัส พระ ด้วยบุญนั้น เศรษฐีนั้นจึงได้ท่องเที่ยวไปในสุคติภพทั้งหลาย. ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้บังเกิดในเรือนอันมีสกุล บรรลุนิติภาวะแล้ว ได้มีศรัทธาบวชแล้ว ไม่นานนักก็ได้เป็นพระอรหันต์. ในกาลต่อมา ท่านพิจารณาถึงกุศลกรรมของตน ระลึกถึงกุศลนั้นได้ เกิดความโสมนัส เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อน จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า สุวณฺณ ถ้อยคำนั้นทั้งหมด ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้วในหนหลังแล. บทว่า จงฺกมํ สุสมารุฬฺโห มีวิเคราะห์ว่า ชื่อว่าจังกมะ เพราะเปล่งรัศมีกระทำการย่างเท้า ก้าวไปคือเดินไป. อธิบายว่า ประเทศแห่งแผ่นดินเป็นที่รองรับย่างเท้าก้าวไป ชื่อว่าการจงกรม. เชื่อมความว่า การจงกรมนั้น เป็นศัพท์รู้ได้ง่าย. บทว่า อมฺพเร อนิลายเน มีวิเคราะห์ว่า ชื่อว่าวระ เพราะเป็นเครื่องป้องกันปกปิด. ชื่อว่าอัมพระ เพราะไม่มีเครื่องป้องกันปกปิด. อธิบายว่า อากาศคล้ายกับผ้าสีขาว. ชื่อว่าอนิละ เพราะไม่มีที่แอบซ่อน ป้องกัน. ชื่อว่าอายนะ เพราะมีฤทธิ์เป็นเครื่องไปได้รอบด้าน, อนิละด้วย อายนะนั้นด้วย รวมเรียกว่า อนิลายนะ. อธิบายว่า ทรงเนรมิตที่จงกรมในอากาศอันเป็นทางลมนั้น. คำที่เหลือในที่ทุกแห่งมีเนื้อความง่ายทั้งนั้น. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ เถราปทาน ๑๓. เสเรยยกวรรค ๓. ปายาสทายกเถราปทาน (๑๒๓) จบ. |