บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
พระเถระแม้นี้ได้สั่งสมกุศลที่ตนบำเพ็ญในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ บำเพ็ญบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ บังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่ง เจริญวัยแล้วรู้ถึงกุศลกรรมและอกุศลกรรม เลื่อมใสในพระรัศมีมีวรรณะ ๖ ที่ ท่านเลื่อมใสยิ่ง บังเกิดในเทพชั้นดุสิตเป็นต้นด้วยโสมนัสนั่นแล เสวยทิพยสมบัติและภายหลังเสวยมนุษยสมบัติ ในพุท ครั้นภายหลัง ท่านระลึกถึงบุญกรรมของตน เมื่อจะประกาศ คำนั้นท่านได้กล่าวไว้แล้วในหนหลังแล. เนยใสท่านเรียกว่า ฆตะ ในบทว่า ฆตาสนํว ชลิตํ นี้. ที่เคี่ยวกลั่น คือที่รองรับเปรียง เพราะฉะนั้น ชื่อว่าฆตาสนะ ได้แก่ ไฟ. อีกอย่างหนึ่ง ธรรมชาติใดย่อมกินคือบริโภคสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อว่า ฆตาสนํ คือไฟนั้นเอง. อธิบายว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรุ่งเรืองอยู่ บทว่า อาทิตฺตํว หุตาสนํ ความว่า เครื่องสักการบูชา ท่านเรียกว่าหุตะ ที่เป็นที่รองรับวัตถุที่เขานำมาบูชาคือบูชาสักการะ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าหุตาสนะ. เชื่อมความว่า เราได้เห็นพระสัมพุทธเจ้าผู้มีวรรณะดุจวรรณะแห่งทอง รุ่งโรจน์ด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ มีมณฑลแห่งรัศมีด้านละวา เหมือนพระอาทิตย์รุ่งโรจน์อยู่ เสด็จไปอยู่ในกลางหาวอันหาร่องรอยมิได้. คำที่เหลือมีอรรถตื้นทั้งนั้นแล. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ เถราปทาน ๑๑. ภิกขทายิวรรค ๖. อุทกปูชกเถราปาน (๑๐๖) จบ. |