ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 0 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 522 อรรถกถาอรรถาธิบาย
เล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 526 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 530 อรรถาธิบายเล่มที่  27 เริ่มข้อที่ 2519
อรรถกถา ปลาสชาดก
ว่าด้วย ขุมทรัพย์ที่ฝังไว้ที่โคนไม้

               พระศาสดาทรงบรรทม ณ เตียงปรินิพพาน ทรงปรารภพระอานันทเถระ จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า อเจตนํ พฺราหฺมณ อสุณนฺตํ ดังนี้.
               ได้ยินว่า ท่านผู้มีอายุนั้นทราบว่า
               ในเวลาปัจจุสมัยใกล้รุ่งแห่งราตรีวันนี้ พระศาสดาจักปรินิพพาน ก็นึกถึงตนว่า ก็เราแลยังเป็นเสขบุคคลมีกิจที่จะต้องทำ แต่พระศาสดาของเราจักปรินิพพาน การอุปัฏฐากบำรุงที่เรากระทำแก่พระศาสดามาตลอดเวลา ๒๕ ปี น่าจักไร้ผล ถูกความเศร้าโศกครอบงำ จึงเหนี่ยวไม้สลักประตูห้องน้อยในอุทยานร้องไห้อยู่.
               พระศาสดา เมื่อไม่ทรงเห็นท่านพระอานนท์ จึงตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อานนท์ไปไหน ครั้นได้ทรงสดับดังนั้นแล้ว จึงรับสั่งให้เรียกท่านมาประทานโอวาท แล้วตรัสว่า อานนท์ เธอเป็นผู้ได้ทำบุญไว้แล้ว จงหมั่นประกอบความเพียร เธอจักหมดอาสวะโดยเร็วพลัน เธออย่าได้คิดเสียใจไปเลย การอุปัฏฐากที่เธอกระทำแก่เราในบัดนี้ เพราะเหตุไรเล่าจักไร้ผล การอุปัฏฐากที่เธอกระทำแก่เรา แม้ในกาลที่เรายังมีราคะเป็นต้น ในชาติก่อนก็ยังมีผล แล้วทรงนำเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้.
               ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็นรุกขเทวดาต้นทองกวาว ในที่ไม่ไกลพระนครพาราณสี. ในกาลนั้น ชาวเมืองพาราณสีพากันถือเทวดามงคล จึงขวนขวายในการทำพลีกรรมเป็นต้นเป็นนิตยกาล.
               ครั้งนั้น มีพราหมณ์เข็ญใจคนหนึ่งคิดว่า แม้เราก็จักปรนนิบัติเทวดาองค์หนึ่ง จึงทำโคนต้นทองกวาวใหญ่ต้นหนึ่งซึ่งยืนต้นอยู่ในพื้นที่สูงให้ราบเตียนปราศจากหญ้า แล้วล้อมรั้ว เกลี่ยทรายปัดกวาด แล้วเจิมด้วยของหอมที่ต้นไม้ บูชาด้วยดอกไม้ ของหอมและธูป ตามประทีปแล้วกล่าวว่า ท่านจงอยู่เป็นสุขสบาย แล้วทำประทักษิณต้นไม้แล้วหลีกไป.
               เช้าตรู่วันที่สอง พราหมณ์นั้นไปถามถึงการนอนเป็นสุขสบาย. อยู่มาวันหนึ่ง รุกขเทวดาคิดว่า พราหมณ์นี้ปฏิบัติเรายิ่งนัก เราจักทดลองพราหมณ์นั้นดู แกปฏิบัติบำรุงเราด้วยเหตุอันใด ก็จักให้เหตุอันนั้น เมื่อพราหมณ์นั้นมาปัดกวาดโคนไม้ จึงยืนอยู่ใกล้ๆ ด้วยเพศของพราหมณ์แก่ แล้วกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :-
               ดูก่อนพราหมณ์ ท่านก็รู้ว่าต้นทองกวาวนี้ไม่มีจิตใจ ไม่ได้ยินเสียงและไม่รู้สึกอะไร เพราะเหตุไรท่านจึงเพียรพยายาม มิได้มีความประมาท ถามถึงสุขไสยาอยู่เสมอ.


               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อสุณนฺตํ แปลว่า ไม่ได้ยินเสียง ได้แก่ชื่อว่าไม่ได้ยินเสียง เพราะไม่มีเจตนาเลย.
               บทว่า ชาโน แปลว่า รู้อยู่ ได้แก่ท่านเป็นผู้รู้อยู่.
               บทว่า ธุวํ อปฺปมตฺโต แปลว่า ไม่มีความประมาทเป็นนิจ ได้แก่ เป็นผู้ไม่ประมาทเป็นนิตย์.

               พราหมณ์ได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
               ต้นทองกวาวใหญ่ปรากฏไปในที่ไกล ตั้งอยู่ในภูมิประเทศราบเรียบ เป็นที่อยู่อาศัยของทวยเทพ เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าจึงนอบน้อมต้นทองกวาวนี้ และเทพเจ้าผู้สิงอยู่ที่ต้นทองกวาวนี้ด้วย เพราะเหตุแห่งทรัพย์.


               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทูเร สุโต ความว่า ดูก่อนพราหมณ์ ต้นไม้นี้ปรากฏไปในที่ไกล มิใช่ปรากฏอยู่ในที่ใกล้ๆ.
               บทว่า พฺรหาว แปลว่า ใหญ่.
               บทว่า เทเส ฐิโต ได้แก่ ยืนต้นอยู่ในภูมิประเทศอันสูงราบเรียบ.
               บทว่า ภูตนิวาสรูโป ได้แก่ มีสภาวะเป็นที่อยู่อาศัยของเทวดา คือเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่จักสิงอยู่ที่ต้นทองกวาวนี้แน่.
               บทว่า เต จ ธนสฺส เหตุ ความว่า เรานอบน้อมต้นไม้นี้ และเทวดาผู้สิงสถิตอยู่ที่ต้นไม้นี้ เพราะเหตุแห่งทรัพย์ มิใช่เพราะไม่มีเหตุ.

               รุกขเทวดาได้ฟังดังนั้น มีความเลื่อมใสพราหมณ์ จึงปลอบโยนพราหมณ์นั้นให้เบาใจว่า พราหมณ์ เราเป็นเทวดาผู้สิงอยู่ที่ต้นไม้นี้ ท่านอย่ากลัวไปเลยเราจะให้ทรัพย์แก่ท่าน แล้วยืนในอากาศที่ประตูวิมานของตน ด้วยเทวานุภาพอันยิ่งใหญ่ ได้กล่าวคาถา ๒ คาถานอกนี้ว่า :-
               ดูก่อนพราหมณ์ เรานั้นมาเพ่งถึงความกตัญญู จักทำการทดแทนคุณท่านตามสมควรแก่อานุภาพ การที่ท่านดิ้นรนมายังสำนักของสัตบุรุษทั้งหลาย จะพึงเปล่าประโยชน์ได้อย่างไรเล่า.
               ไม้เลียบต้นใด อยู่เบื้องหน้าต้นมะพลับเขาล้อมไว้ มหาชนเคยบูชายัญกันมาแต่ก่อน เป็นต้นไม้ใหญ่ ขุมทรัพย์เขาฝังไว้ที่โคนต้นไม้เลียบนั้นแลไม่มีเจ้าของ ท่านจงไปขุดเอาทรัพย์นั้นเถิด.


               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยถานุภาวํ ได้แก่ ตามสามารถ คือตามกำลัง.
               บทว่า กตญฺญุตํ ความว่า รู้คุณที่ท่านทำไว้แก่เรา ชื่อว่าเพ่งถึงความกตัญญูซึ่งมีอยู่ในตนนั้น.
               บทว่า อาคมฺม แปลว่า มาแล้ว.
               บทว่า สตํ สกาเส ได้แก่ ในสำนักของสัตบุรุษทั้งหลาย.
               บทว่า โมฆา แปลว่า เปล่า.
               บทว่า ปริยนฺทิตานิ ความว่า ดิ้นรนด้วยวาจาด้วยการถามถึงการนอนเป็นสุขสบาย และดิ้นรนด้วยกายด้วยการทำการปัดกวาดเป็นต้น จักไม่เป็นผลแก่ท่านได้อย่างไร.
               บทว่า โย ตินฺทุรุกฺขสฺส ความว่า รุกขเทวดายืนที่ประตูวิมานนั่นแหละ เหยียดมือแสดงว่าต้นเลียบนั้นได้ตั้งอยู่เบื้องหน้าต้นมะพลับ
               ในบทว่า ปริวาริโต เป็นต้น มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
               ที่โคนต้นเลียบนั้น ต้นเลียบนี้ ชื่อว่าเขาล้อมไว้ เพราะเขาฝังทรัพย์ไว้รอบโคนต้นไม้นั้น
               ชื่อว่าเขาเคยบูชายัญ เพราะทรัพย์เกิดขึ้นแก่พวกเจ้าของคนแรกๆ ด้วยอำนาจยัญที่เขาบูชาแล้วในกาลก่อน
               ชื่อว่ายิ่งใหญ่ เพราะเป็นต้นไม้ใหญ่ โดยมีหม้อขุมทรัพย์มิใช่น้อย
               ชื่อว่าเขาฝังไว้ ชื่อว่าไม่มีทายาท เพราะบัดนี้ทายาททั้งหลายไม่มี.
               ท่านกล่าวอธิบายนี้ไว้ว่า ขุมทรัพย์ใหญ่นี้ เขาฝังไว้โดยหม้อขุมทรัพย์เอาคอจดคอติดๆ กันรอบโคนต้นไม้นี้ ไม่มีเจ้าของ ท่านจงไป จงขุดขุมทรัพย์นั้นเอาไป.

               ก็แหละเทวดานั้น ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว จึงให้โอวาทแก่พราหมณ์ว่า พราหมณ์ ท่านขุดเอาขุมทรัพย์นั้นไปจักลำบากเหน็ดเหนื่อย ท่านจงไปเถิด เราเองจักนำขุมทรัพย์นั้นไปยังเรือนของท่าน แล้วจักฝังไว้ ณ ที่โน้นและที่โน้น ท่านจงใช้สอยทรัพย์นั้นจนตลอดชีวิต จงให้ทาน รักษาศีลเถิด แล้วยังทรัพย์นั้นให้ไปประดิษฐานอยู่ในเรือนของพราหมณ์นั้น ด้วยอานุภาพของตน.

               พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า
               พราหมณ์ในครั้งนั้น ได้เป็น พระอานนท์ ในบัดนี้
               ส่วนรุกขเทวดาในครั้งนั้น ได้เป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.


               จบ อรรถกถาปลาสชาดกที่ ๗               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ปลาสชาดก ว่าด้วย ขุมทรัพย์ที่ฝังไว้ที่โคนไม้ จบ.
อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 0 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 522 อรรถกถาอรรถาธิบาย
เล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 526 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 530 อรรถาธิบายเล่มที่  27 เริ่มข้อที่ 2519
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=27&A=2699&Z=2713
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=38&A=5269
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=38&A=5269
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๒๑  มิถุนายน  พ.ศ.  ๒๕๔๘
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :