ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 0 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 285 อรรถกถาอรรถาธิบาย
เล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 287 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 289 อรรถาธิบายเล่มที่  27 เริ่มข้อที่ 2519
อรรถกถา ครหิตชาดก
ว่าด้วย คนโง่เขลาย่อมเห็นแก่เงิน

               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุกระสันเพราะเบื่อหน่ายรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า หิรญฺญํ เม สุวณฺณํ เม ดังนี้.
               เรื่องย่อมีว่า ภิกษุนั้นไม่มีอารมณ์ยึดแน่วแน่เลย ภิกษุทั้งหลายนำภิกษุผู้เบื่อหน่ายนั้นเข้าไปเฝ้าพระศาสดา. พระศาสดาตรัสถามว่า ได้ยินว่าเธอกระสันจริงหรือ กราบทูลว่า จริงพระเจ้าข้า ตรัสถามว่า เพราะเหตุไร กราบทูลว่า เพราะอำนาจกิเลส พระเจ้าข้า.
               ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ธรรมดากิเลสแม้สัตว์เดียรฉานทั้งหลายในกาลก่อนก็ติเตียน เธอบวชแล้วในพระศาสนาเช่นนี้ เหตุไฉน จึงกระสันด้วยอำนาจกิเลสที่แม้สัตว์เดียรฉานก็ติเตียน ทรงนำอดีตมาตรัสเล่า.
               ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์อุบัติในกำเนิดวานรในหิมวันตประเทศ ชาวป่าผู้หนึ่งจับวานรนั้นมาถวายพระราชา. วานรนั้น เมื่อได้อยู่ในพระราชวังเป็นเวลานาน ได้กลายเป็นสัตว์เรียบร้อย รู้กิริยาที่ประพฤติกันในหมู่มนุษย์เป็นอันมาก. พระราชาทรงเลื่อมใสในจริยาวัตรของวานรนั้น รับสั่งหาพรานป่ามาตรัสว่า จงปล่อยวานรเสียในที่ที่จับได้. พรานได้ทำตามรับสั่ง.
               ฝูงวานรรู้ว่าพระโพธิสัตว์มา เมื่อเห็นพระโพธิสัตว์นั้น จึงประชุมกันที่หลังแผ่นหินใหญ่ก้อนหนึ่ง ต่างชื่นชมกับพระโพธิสัตว์แล้วถามว่า สหาย ท่านอยู่ที่ไหนมาเป็นเวลานาน. ตอบว่า เราอยู่ในพระราชนิเวศน์ในกรุงพาราณสี.
               ถามว่า ถ้าเช่นนั้น ท่านพ้นมาได้อย่างไร. พระราชาทำเราให้เป็นลิงสำหรับล้อเล่น แล้วทรงเลื่อมใสในวัตรของเรา จึงทรงปล่อยเรา. ลำดับนั้น วานรทั้งหลายพูดกะพระโพธิสัตว์ว่า ท่านรู้กิริยาที่ประพฤติกับมนุษยโลก ขอท่านจงบอกแก่พวกเราก่อน พวกเราประสงค์จะฟัง. พระโพธิสัตว์กล่าวว่า เธออย่าถามกิริยาของมนุษย์กะเราเลย. พวกวานรกล่าวว่า บอกเถิดท่าน พวกเราอยากฟัง.
               พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ขึ้นชื่อว่ามนุษย์เป็นกษัตริย์ก็ตาม เป็นพราหมณ์ก็ตาม ล้วนกล่าวว่าของเรา ของเรา ย่อมไม่รู้ถึงความไม่เที่ยง ความไม่มีอยู่ บัดนี้ พวกเธอจงฟังการกระทำของคนอันธพาลเหล่านั้น แล้วได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า :-
               คนทั้งหลายผู้มีปัญญาเขลา ไม่เห็นอริยธรรม พูดกันแต่ว่า เงินของเรา ทองของเรา ดังนี้ ทั้งกลางคืนและกลางวัน.
               ในเรือนหลังหนึ่ง มีเจ้าเรือนอยู่สองคน ในสองคนนั้น คนหนึ่งไม่มีหนวด แต่มีนมห้อยยาน เกล้าผมมวยและเจาะหู เขาซื้อมาด้วยทรัพย์มาก เจ้าของเรือนผู้นั้นย่อมกล่าวเสียดแทงคนในเรือนนั้น ตั้งแต่แรกมาอยู่.


               ในบทเหล่านั้น บทว่า หิรญฺญํ เม สุวณฺณํ เม นี้เป็นเพียงหัวข้อเทศนา. ด้วยบททั้งสองนี้กินความรวมรัตนะทั้งสิบประการ บุพพัณณชาติ อปรัณณชาติ ไร่นา เรือกสวนและสัตว์ ๒ เท้า ๔ เท้าทุกอย่าง แล้วกล่าวว่านี่ของเรา นี้ของเรา.
               บทว่า เอสา รตฺติทิวา กตา ความว่า พวกมนุษย์พูดกันเป็นนิจทั้งกลางวันและกลางคืน มิได้รู้อย่างอื่นว่า เบญจขันธ์ไม่เที่ยง หรือเป็นแล้วหาเป็นไม่ เที่ยวเพ้อรำพันอยู่อย่างนี้แล.
               บทว่า ทุมฺเมธานํ คือ มีปัญญาทราม.
               บทว่า อริยธมฺมํ อปสฺสตํ ความว่า ไม่เห็นธรรมของพระอริยเจ้ามีพระพุทธเจ้าเป็นต้น หรือโลกุตตรธรรม ๙ อันประเสริฐไม่มีโทษ เขาไม่มีการพูดอย่างอื่นว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์.
               บทว่า คหปตโย ได้แก่ ผู้เป็นใหญ่ในเรือน.
               บทว่า เอโก ตตฺถ ได้แก่ ในเจ้าของเรือนสองคนนั้น ท่านกล่าวหมายถึง มาตุคามคนเดียว.
               บทว่า เวณิกโต คือ เกล้ามวยผม. อธิบายว่า มีทรงผมต่างๆ.
               บทว่า อโถ องฺกิตกณฺณโก ได้แก่ เจาะหู คือหูมีรูเจาะ ท่านกล่าวหมายถึงมีหูห้อย.
               บทว่า กีโต ธเนน พหุนา ความว่า คนที่ไม่มีหนวดมีนมยาน เกล้ามวยผม เจาะหู เขาให้ทรัพย์มากแก่มารดาบิดา แล้วไถ่มาประดับตกแต่งยกขึ้นสู่ยานพาไปเรือนพร้อมด้วยบริวารใหญ่.
               บทว่า โส ตํ วิตุทเต ชนํ ความว่า เจ้าบ้านคนนั้น ตั้งแต่มาก็ใช้หอก คือปากทิ่มแทงคนในเรือน มีทาสและกรรมกรเป็นต้น ที่เรือนนั้นว่า เจ้าทาสใจร้าย แม่ทาสีใจร้าย เจ้าทำสิ่งนี้ไม่ทำสิ่งนี้ เจ้าตรวจตราผู้คน ทำเหมือนอย่างนาย.

               วานรพระโพธิสัตว์ติเตียนชาวมนุษย์ว่า ชาวมนุษย์ไม่สมควรอย่างยิ่งด้วยประการฉะนี้ วานรทั้งหมดได้ฟังดังนั้น เอามือทั้งสองปิดหูจนแน่นกล่าวว่า ท่านอย่าพูดเลย พวกเราฟังสิ่งไม่ควรฟัง ติเตียนที่นั้นว่า พวกเราฟังสิ่งที่ไม่ควรฟังในที่นี้แล้วพากันไปในที่อื่น
               นัยว่าหินดาดนั้น ได้ชื่อว่า ครหิตปิฏฐิปาสาณะ (หินดาดที่ถูกติเตียน)

               พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจธรรม ทรงประชุมชาดก.
               เมื่อจบสัจธรรม ภิกษุนั้นตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล.
               ฝูงวานรในครั้งนั้น ได้เป็น พุทธบริษัทในครั้งนี้
               ส่วนพญาวานร คือ เราตถาคต นี้แล.

               จบ อรรถกถาครหิตชาดกที่ ๙               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ครหิตชาดก ว่าด้วย คนโง่เขลาย่อมเห็นแก่เงิน จบ.
อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 0 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 285 อรรถกถาอรรถาธิบาย
เล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 287 อรรถาธิบายเล่มที่ 27 เริ่มข้อที่ 289 อรรถาธิบายเล่มที่  27 เริ่มข้อที่ 2519
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=27&A=1658&Z=1666
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=37&A=4842
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=37&A=4842
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๘  มิถุนายน  พ.ศ.  ๒๕๔๘
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :