บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ได้ยินว่า อุบาสกคนหนึ่งในหมู่บ้านตำบลหนึ่งไม่ไกลกรุงสาวัตถี ได้มีบุตร ๒ คนตั้งอยู่ในปฐมวัย สมบูรณ์ด้วยรูปโฉม ประกอบด้วยศีลและอาจาระ. มารดาของบุตรทั้ง ๒ นั้นคิดว่าเราเป็นผู้มีบุตร จึงดูหมิ่นสามีด้วยกำลังแห่งบุตร. สามีนั้นถูกภรรยาดูหมิ่น มีใจเบื่อหน่าย จึงนำหญิงอื่นมาครอง. ไม่นานนัก หญิงนั้นก็ตั้งครรภ์. ลำดับนั้น ภรรยาหลวงเป็นหญิงมีความริษยาเป็นปกติ เอาอามิสไปล่อหมอคนหนึ่ง ให้หมอนั้นทำครรภ์ของหญิงนั้นซึ่งตั้งมา ๓ เดือน ให้ตก. ลำดับนั้น หญิงนั้นอันพวกญาติและพี่น้องชายถามว่า เธอทำครรภ์ของนางนี้ให้ตกไปหรือ จึงกล่าวมุสาว่าไม่ได้ทำให้ตกไป. คนเหล่านั้นไม่เชื่อจึงกล่าวว่า เธอจงสบถ แล้วได้กระทำสบถว่า ขอให้ดิฉันคลอดบุตรทั้งเช้าทั้งเย็นครั้งละ ๗ คนแล้วเคี้ยวกินเนื้อบุตร ขอให้ดิฉันมีกลิ่นเหม็นและแมลงวันจับกลุ่มอยู่เป็นนิจ. ครั้นต่อมา นางทำกาละแล้วบังเกิดในกำเนินเปรต ด้วยวิบากของการทำครรภ์ให้ตกไป และพูดมุสานั้นนั่นแล จึงเคี้ยวกินเนื้อบุตรโดยนัยดังกล่าวแล้ว เที่ยวไปในที่ไม่ไกลบ้านนั้นนั่นเอง. ก็สมัยนั้น พระเถระหลายรูปออกพรรษาในหมู่บ้าน มายังกรุงสาวัตถีเพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า พักแรมในส่วนหนึ่งไม่ไกลบ้านนั้น. ลำดับนั้น นางเปรตนั้นแสดงตนแก่พระเถระเหล่านั้น. พระมหาเถระถามเธอด้วยคาถาว่า :- เธอเปลือยกายมีผิวพรรณขี้เหร่ มีตัวเน่า ส่งกลิ่นฟุ้ง ถูกแมลงวันจับกลุ่ม เธอเป็นใครหนอ มายืนอยู่ในที่นี้. หญิงเปรตถูกพระเถระถามจึงได้ให้คำตอบด้วย ๓ คาถาว่า ท่านผู้เจริญ ดิฉันเป็นเปรตถึงทุคติเกิดในยมโลก เพราะทำกรรมชั่ว จึงต้องจากโลกนี้ไปยังเปตโลก เวลาเช้าคลอดบุตร ๗ คน เวลาเย็นอีก ๗ คน แล้วเคี้ยวกินบุตรเหล่านั้นหมดทั้ง ๑๔ คนนั้นก็ยังไม่อาจบรรเทาความหิวของดิฉันได้ หัวใจของดิฉันเร่าร้อนหม่นไหม้อยู่เป็นนิตย์ เพราะความหิว ดิฉันเป็นดุจถูกไฟเผาอยู่กลางแดด ไม่ได้ประสบความเย็นเลย. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นิพฺพุตึ ได้แก่ ระงับทุกข์อันเกิดแต่ความหิวกระหาย. บทว่า นาชิคจฺฉามิ แปลว่า ไม่ได้รับ. ด้วยบทว่า อคฺคิทฑฺฒาว อาตเป นี้ มีวาจาประกอบความว่า เราเป็นเสมือนถูกไฟไหม้กลางแดดที่ร้อนจัด ย่อมไม่ได้รับความเย็น. พระมหาเถระได้ฟังดังนั้น เมื่อจะถามถึงกรรมที่นางเปรตนั้นกระทำ จึงกล่าวคาถาว่า :- เธอทำกรรมชั่วอะไรไว้ด้วยกายวาจาใจหรือ เธอกินเนื้อบุตร เพราะวิบากแห่งกรรมอะไร? ลำดับนั้น นางเปรตเมื่อจะบอกถึงการที่ตนเกิดในเปตโลกและเหตุที่เคี้ยวกินเนื้อบุตร จึงได้กล่าวคาถานี้ว่า :- เมื่อก่อนดิฉันมีบุตร ๒ คน บุตร ๒ คนนั้นกำลังหนุ่มแน่น. ดิฉันอาศัยกำลังคือบุตร จึงได้ดูหมิ่นสามีของตน. ภายหลัง สามีของดิฉันโกรธ จึงได้หาภริยามาใหม่ และภริยาใหม่นั้นมีครรภ์ ดิฉันคิดชั่วต่อเขา มีจิตคิดประทุษร้าย ได้ทำให้ครรภ์ตกไป ภริยาคนใหม่มีครรภ์ ๓ เดือนเท่านั้นตกเป็นโลหิตเน่า มารดาของเขาโกรธแล้ว เชิญพวกญาติของดิฉันมาประชุมกัน ซักถามให้ดิฉันทำการสบถ และขู่เข็ญดิฉันให้กลัว ดิฉันได้กล่าวคำสบถและมุสาวาทอย่างแรงว่า ถ้าดิฉันทำความชั่วอย่างนี้ ขอให้ดิฉันกินเนื้อบุตรเถิด ดิฉันมีกายเปื้อนหนองและเลือด กินเนื้อบุตรทั้งหลาย เพราะวิบากแห่งกรรม คือการทำครรภ์ให้ตกไป และมุสาวาททั้ง ๒ นั้น. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปุตฺตพลูเปตา ได้แก่ อาศัยกำลังคือบุตร คือได้กำลังด้วยอำนาจบุตร. บทว่า อติมญฺญิสํ แปลว่า ดูหมิ่นเกินไป. บทว่า ปูติโลหิตโก ปติ ได้แก่ ครรภ์ไหลออกเป็นโลหิตเน่า. คำที่เหลือทั้งหมด เป็นเสมือนคำที่เป็นลำดับมานั่นเอง. ในเรื่องนั้นมีพระเถระ ๘ รูป แต่ในเรื่องนี้มีพระเถระเป็นจำนวนมาก. ในเรื่องนั้นมีบุตร ๕ คน แต่ในเรื่องนี้มีบุตร ๗ คน. นี้แลเป็นความแปลกกัน. จบอรรถกถาสัตตปุตตขาทกเปติวัตถุที่ ๗ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย เปตวัตถุ ปฐมวรรค ๗. สัตตปุตตขาทิกเปตวัตถุ จบ. |