บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
๑. อรรถกถาอปราสามาเถรีคาถา คาถาว่า ปณฺณวีสติ วสฺสานิ เป็นต้นเป็นคาถาของพระเถรีชื่อสามาอีกองค์หนึ่ง. แม้พระเถรีชื่อสามาอีกองค์หนึ่งนี้ ก็ได้สร้างสมบุญบารมีไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมกุศลอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี เกิดในกำเนิดกินนรที่ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา กินรีนั้นเที่ยวขวนขวายในการเล่นเพลินอยู่กับเหล่ากินนรในที่นั้น. อยู่มาวันหนึ่งพระศาสดาเสด็จไปในที่นั้นเพื่อทรงปลูกพืชคือกุศลแก่กินรีแม้นั้น เสด็จจงกรมอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำ กินรีนั้นเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ร่าเริงยินดี ถือเอาดอกไม้ช้างน้าวไปเฝ้าพระศาสดา ถวายบังคมแล้วบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยดอกไม้เหล่านั้น ด้วยบุญกรรมนั้นกินรีนั้น ในพุทธุปปาทกาลนี้ เกิดในเรือนตระกูลในกรุงโกสัมพี เจริญวัยแล้วเป็นสหายของนางสามาวดี เวลานางสามาวดีนั้นตาย เกิดความสังเวชบวช ๒๕ พรรษายังไม่ได้สมาธิจิต ในเวลาแก่ได้โอวาทของพระสุคตแล้ว เจริญวิปัสสนา ได้บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวไว้ในอปทานว่า๑- ข้าพเจ้าเป็นกินรีอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา ครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้เห็นพระนราสภผู้เป็นเทพของทวยเทพ กำลังเสด็จจงกรมอยู่ จึงได้เลือกเก็บดอกไม้ช้างน้าวมาถวายแด่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด. พระมหาวีรสัมพุทธเจ้าพระนามวิปัสสีผู้เป็นนายกของโลก ทรงรับดอกไม้ช้างน้าวซึ่งมีกลิ่นเหมือนทิพย์ทรงดมแล้ว พระมหาวีระทรงดม เมื่อข้าพเจ้ากำลังเพ่งดูอยู่ในกาลนั้น ข้าพเจ้าประคองอัญชลี ถวายบังคมพระพุทธองค์ผู้สูงสุดกว่าสัตว์สองเท้า ทำจิตของตนให้เลื่อมใส ต่อนั้น ก็เดินขึ้นภูเขาไป. ในกัปที่ ๙๑ แต่ภัทรกัปนี้ ข้าพเจ้าได้ถวายดอกไม้ใดในกาลนั้น ด้วยการถวายดอกไม้นั้น ข้าพเจ้าไม่รู้จักทุคติ นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า. ข้าพเจ้าเผากิเลสแล้ว ฯลฯ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว. ____________________________ ๑- ขุ. อ. เล่ม ๓๓/ข้อ ๑๕๒ สลฬปุปผิกาเถรีอปทาน ครั้นบรรลุพระอรหัตแล้วพิจารณาการปฏิบัติของตน ได้กล่าวคาถาเหล่านี้เป็นอุทานว่า ตั้งแต่ข้าพเจ้าบวชมาแล้ว ๒๕ พรรษา ข้าพเจ้า ไม่รู้สึกว่าได้ความสงบจิตในกาลไหนๆ เลย ข้าพเจ้า ทำใจให้อยู่ในอำนาจไม่ได้ จึงไม่ได้ความสงบใจ ต่อจากนั้น ข้าพเจ้าระลึกถึงคำสอนของพระชิน เจ้าได้ จึงถึงความสังเวช ข้าพเจ้าอันความทุกข์เป็นอัน มากถูกต้องแล้ว ยินดีแล้วในความไม่ประมาท บรรลุ ความสิ้นตัณหาแล้ว ได้ปฏิบัติคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้ว วันนี้เป็นราตรีที่ ๗ นับแต่วันที่ข้าพเจ้าทำตัณหา ให้แห้งสนิทแล้ว. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า จิตฺตสฺส สมํ ได้แก่ ความเข้าไปสงบแห่งจิต. ความว่า มรรคสมาธิและผลสมาธิที่เกิดแต่ความสงบใจ. บทว่า ตโต ได้แก่ จากความเป็นผู้ไม่สามารถยังอำนาจจิตให้เป็นไป. บทว่า สํเวคมาปาทึ ความว่า แม้เมื่อพระศาสดายังดำรงพระชนม์อยู่ ยังไม่อาจทำกิจของบรรพชิตให้ถึงที่สุดได้ ภายหลังจักให้ถึงได้อย่างไร ข้าพเจ้าถึงความสังเวช คือความสะดุ้งเพราะญาณดังว่ามานี้. บทว่า สริตฺวา ชินสาสนํ ได้แก่ ระลึกถึงโอวาทของพระศาสดามีอุปมาด้วยเต่าตาบอดเป็นต้น. คำที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วแล. จบอรรถกถาอปราสามาเถรีคาถาที่ ๑ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรีคาถา ติกนิบาต ๑. อัญญตรสามาเถรีคาถา จบ. |