บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
๑. อรรถกถาอภิรูปนันทาเถรีคาถา คาถาว่า อาตุรํ อสุจึ ปูตึ เป็นต้นเป็นคาถาสำหรับนางสิกขมานาชื่ออภิรูปนันทา. เล่ากันว่า นางสิกขมานาชื่ออภิรูปนันทานี้เป็นธิดาของคฤหบดีมหาศาล ในพันธุมตีนคร ในกาล ในพุทธุปปาทกาลนี้ บังเกิดในครรภ์พระอัครมเหสีของเจ้าศากยเขมกะ ในกรุงกบิลพัสดุ์ เธอมีชื่อว่านันทา. พระนางนันทานั้นมีรูปงามน่าทัศนาน่าเลื่อมใส จึงได้รู้กันทั่วไปว่า ชื่อว่าอภิรูปนันทา เพราะอัตภาพร่างกายถึงความงามเลิศของรูปอย่างเหลือเกิน. เมื่อเธอเจริญวัย ศากยกุมารผู้เป็นคนรักอย่างยิ่งได้สิ้นพระชนม์เสียในวันหมั้นนั่นเอง. คราวนั้น พระชนกชนนีจึงให้บวช เธอผู้ไม่ต้องการบวช. ภิกษุณีอภิรูปนันทานั้นแม้บวชแล้วก็ยังมีความเมาเพราะอาศัยรูป ไม่ไปปฏิบัติบำรุง พระศาสดาทรงทราบว่าเธอมีญาณแก่กล้าแล้ว ทรงสั่งพระมหาปชาบดีว่า ภิกษุณี พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเนรมิตรูปหญิงงามคนหนึ่งด้วยฤทธิ์ แล้วทรงแสดงรูปแก่หง่อมให้เธอเกิดความสังเวช ได้ภาษิต ๒ พระคาถานี้ว่า ดูก่อนนันทา เธอจงเห็นร่างกายอันกระดูก ๓๐๐ ท่อนยกขึ้นแล้ว อันกระสับกระส่าย ไม่สะอาด เปื่อยเน่า จงอบรมจิตให้ตั้งมั่นมีอารมณ์เดียวด้วยอสุภภาวนา อนึ่ง เธอจงอบรมจิตให้หานิมิตมิได้ ละเสียซึ่งอนุสัยคือมานะ เพราะการละมานะได้นั้น เธอจักเป็นผู้สงบเที่ยวไป. เนื้อความของคาถาเหล่านั้น มีนัยดังกล่าวแล้วในหนหลังนั่นแล. ในเวลาจบคาถา ภิกษุณีอภิรูปนันทาบรรลุพระอรหัต. เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวไว้ในอปทานว่า๑- ในพระนครอรุณวดี มีกษัตริย์พระนามว่าอรุณราช หม่อมฉันเป็นมเหสีของท้าวเธอ ประพฤติร่วมกัน ในกาลนั้น หม่อมฉันอยู่ในที่ลับนั่งคิดอย่างนี้ว่า บุญกุศลที่พอจะถือเอาไปได้ เราไม่ได้ทำไว้เลย เราจะต้องตกนรกที่มีความเร่าร้อนมาก ทั้งเผ็ดร้อนร้ายแรงแสนทารุณเป็นแน่ เราไม่สงสัยในเรื่องนี้ ครั้นคิดอย่างนี้แล้วหม่อมฉันทำใจให้ร่าเริงเข้าเฝ้าพระราชา กราบทูลคำนี้ว่า ข้า พระราชาผู้ใหญ่ได้ประทานสมณะผู้อบรมอินทรีย์แล้ว ด้วยกุศลกรรมที่ทำไว้นั้นและด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่ หม่อมฉันละร่างกายมนุษย์ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้เป็นมเหสีของเทวราชหนึ่งพันองค์ ได้เป็นมเหสีของพระเจ้า เมื่อเกิดครั้งสุดท้าย หม่อมฉันได้เกิดในศากยตระกูล เป็นราชธิดาของพระเจ้าสุทโธทนะ เป็นประมุขของนารีพันหนึ่ง เบื่อหน่ายต่อการครองเรือนจึงออกบวชเป็นภิกษุณี ครั้นถึงราตรีที่ ๗ ก็ได้บรรลุอริยสัจ ๔ หม่อมฉันไม่อาจจะประมาณจีวร บิณฑบาต ปัจจัยและเสนาสนะ (ที่ทายกทายิกาถวาย) นี้เป็นผล ข้าแต่พระมุนี กุศลกรรมก่อนๆ ของหม่อมฉันอันใดที่พระองค์ทรงทราบ ข้าแต่ หม่อมฉันรู้จักคติ ๒ คือเทวดาและมนุษย์ ไม่รู้จักคติอื่น นี้เป็นผลแห่ง ข้าแต่พระมหามุนี หม่อมฉันเป็นผู้มีความชำนาญในฤทธิ์และในทิพโสตธาตุ เป็นผู้มีความชำนาญในเจโตปริยญาณ รู้ปุพเพนิวาสญาณและทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ มีอาสวะทั้งปวงสิ้นไปแล้ว. บัดนี้ภพใหม่มิได้มี. ข้าแต่พระมหาวีระ หม่อมฉันมีญาณในอรรถ ในธรรม ในนิรุตติและปฏิภาณ เกิดขึ้นในสำนัก ____________________________ ๑- ขุ. ๓๓/ข้อ ๑๗๓ อุปลทายิกาเถริยาปทาน และ ข้อ ๑๗๖ อภิรูปนันทาเถริยาปทาน จบอรรถกถาอภิรูปนันทาเถรีคาถาที่ ๑ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรีคาถา ทุกนิบาต ๑. นันทาเถรีคาถา จบ. |