บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร? แม้พระเถระนี้ก็เป็นผู้มีอธิการอันกระทำแล้วในพระ บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ใน วันหนึ่งเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าอัตถทัสสี อันภิกษุสงฆ์แวดล้อมแล้วเสด็จไปอยู่ มีใจเลื่อมใสแล้ว ถวายบังคมด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ประนมกรอัญชลีไว้เหนือเศียร แล้วชมเชยพระศาสดาด้วยคาถา ๖ คาถามีอาทิว่า ยาวตา รูปิโน สตฺตา ดังนี้แล้วน้อมน้ำผึ้งเข้าไปถวายจนเต็มภาชนะ. พระศาสดาทรงรับประเคนน้ำผึ้งแล้ว ทรงกระทำอนุโมทนา. ด้วยบุญกรรมนั้น เขาท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็น สมดังคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า๑- ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สยัมภู พระนามว่าอัตถทัสสี ไม่ทรงแพ้อะไรๆ แวดล้อมด้วยภิกษุสงฆ์ เสด็จดำเนินไปในถนน เราแวดล้อมด้วยพวกศิษย์ทั้งหลายออกจากเรือนไป ครั้นแล้วได้พบพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ เปรียบเหมือนสัตว์ในน้ำเหล่าใดเหล่าหนึ่ง สัตว์เหล่านั้นย่อมติดอยู่ภายในข่ายของคนที่เอาข่ายตาเล็กๆ เหวี่ยงลงในน้ำฉะนั้น. อนึ่ง สัตว์เหล่าใด คือสัตว์มีรูปและไม่มีรูป มีเจตนา (ความตั้งใจ) สัตว์เหล่านั้นย่อมเข้าไปภายในพระ พระ เราเอาน้ำผึ้งรวง อันไม่มีตัวผึ้งใส่เต็มหม้อแล้ว ประคองด้วย พระมหาวีรเจ้าผู้แสวงหาคุณอันใหญ่หลวง ทรงรับด้วยพระหัตถ์อันงาม. ก็พระสัพพัญญูเสวยน้ำผึ้งนั้นแล้ว เสด็จเหาะขึ้นสู่นภากาศ. พระศาสดาพระนามว่าอัตถทัสสีนราสภ ประทับอยู่ในอากาศ ทรงยังจิตของเราให้เลื่อมใส ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า ผู้ใดชมเชยญาณนี้และชมเชยพระ พระโคดมผู้ทรงเป็นยอดของผู้นำหมู่ จักทรงตั้งผู้นั้นไว้ในเอตทัคคสถาน เราละกิเลสเครื่องประกอบของมนุษย์ ตัดเครื่องผูกพันในภพ กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว ไม่มีอาสวะอยู่. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระ ____________________________ ๑- ขุ. อ. เล่ม ๓๒/ข้อ ๓๗ ก็พระเถระบรรลุพระอรหัตแล้ว ทรงผ้าบังสุกุลจีวรอันประกอบด้วยความเศร้าหมองครบทั้ง ๓ อย่างคือ เศร้าหมองด้วยมีด เศร้าหมองด้วยด้าย (และ) เศร้าหมองด้วยน้ำย้อม ด้วยเหตุนั้น พระศาสดาจึงทรงตั้งท่านไว้ในตำแหน่งแห่งภิกษุผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้ทรงจีวรอันเศร้าหมองทั้งหลาย. ในเวลาต่อมา โรคทั้งหลายมีหิดเปื่อยและต่อมน้ำเหลืองเป็นต้นเกิดลุกลามไปตามร่างกายของพระเถระ เพราะกรรมเก่าเป็นปัจจัย (และ) เพราะไม่ทำความสะอาดร่างกาย. พระเถระคิดว่า เสนาสนะทำให้ร่างกายเดือดร้อน จึงเอาเครื่องลาดที่ทำด้วยฟางในนาของชาวมคธ มาปูลาดนอนแม้ในเหมันตฤดู. วันหนึ่ง พระศาสดาตรัสถามท่านผู้เข้าไปสู่ที่บำรุง ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง โดยทำนองปฏิสันถาร ด้วยพระคาถาที่ ๑ ใจความว่า ดูก่อนโมฆราชภิกษุ ผู้มีผิวพรรณเศร้าหมอง แต่มีจิตผ่องใส ท่านเป็นผู้มีใจตั้งมั่นเป็นนิตย์ จักทำ อย่างไรตลอดราตรีแห่งเวลาหนาวเย็นเช่นนี้ ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ฉวิปาปก ความว่า ดูก่อนท่านผู้ชื่อว่ามีผิวพรรณเศร้าหมอง คือ ชื่อว่ามีผิวพรรณไม่ผ่องใส เพราะความเป็นผู้มีผิวพรรณ แตกไหลเยิ้มไปด้วยหิดเปื่อย หิตด้านและต่อมน้ำเหลืองเป็นต้น. บทว่า จิตฺตภทฺทก ความว่า ดูก่อนท่านผู้ชื่อว่ามีจิตงามคือมีจิตอันสุนทร เพราะละกิเลสได้โดยไม่เหลือ และเพราะมีพรหมวิหารธรรมเป็นเครื่องเสพ. บทว่า โมฆราช เป็นคำเรียกพระเถระนั้น. บทว่า สตตํ สมาหิโต ความว่า เป็นผู้มีมนัสประกอบแล้วด้วยอัครผลสมาธิตลอดกาลเป็นนิตย์ คือเป็นประจำ. บทว่า เหมนฺตกสีตกาลรตฺติโย ความว่า ตลอดรัตติกาลอันหนาวเย็นในเหมันตสมัย. ก็บทนี้เป็นทุติยาวิภัตติ ใช้ในอัจจันตสังโยคะ. (บางแห่ง) บาลีเป็น เหมนฺติกาสีตกาลรตฺติโย ก็มี. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เหมนฺติกา ความว่า ย่างเข้าสู่ฤดูหนาวคือนับเนื่องในฤดูเหมันต์. บทว่า ภิกฺขุ ตฺวํสิ ความว่า ดูก่อนภิกษุ เธอจะเป็นอย่างไร คือเธอมีสภาพเป็นอย่างนี้ เมื่อผู้อื่นไม่ทำเสนาสนะให้ท่าน และท่านก็ไม่เข้าไปสู่เสนาสนะอันเป็นของสงฆ์. บทว่า กถํ กริสฺสสิ ความว่า พระศาสดาตรัสถามว่า เธอจักยังอัตภาพให้เป็นไปได้อย่างไร ในฤดูกาลอันหนาวเย็นเช่นที่กล่าวแล้ว. ก็พระเถระอันพระศาสดาตรัสถามแล้วอย่างนี้ เมื่อจะกราบทูลความนั้นจึงกล่าวคาถาความว่า ข้าพระองค์ได้ฟังมาว่า ประเทศมคธล้วนแต่สมบูรณ์ ด้วยข้าวกล้า ข้าพระองค์พึงคลุมกายด้วยฟาง แล้ว นอนให้เป็นสุข เหมือนคนเหล่าอื่นที่มีการเป็นอยู่ อย่างเป็นสุขฉะนั้น ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สมฺปนฺนสฺสา ความว่า มีข้าวกล้าสำเร็จแล้ว (คือ พระเถระเรียกแคว้นมคธว่า มคธา ราชกุมารชาวชนบททั้งหลาย ชื่อว่ามคธ ชนบทแม้แห่งเดียวอันเป็นที่อยู่ของราชกุมารชาวชนบทเหล่านั้น ท่านก็เรียกเป็นพหุวจนะว่า มคธา เหมือนกัน โดยเป็น รุฬหี ศัพท์. บทว่า เกวลา ความว่า ไม่มีส่วนเหลือ. บทว่า อิติ เม สุตํ ความว่า อันข้าพระ บทว่า สุตํ ท่านกล่าวแล้วด้วยสามารถแห่งประเทศที่ท่านยังไม่เคยเห็นใน ด้วยบทว่า อิติ เม สุตํ นี้ พระเถระแสดงความหมายว่า ในกาล (อันหนาวเย็น) เช่นนี้ เราสามารถจะอยู่ในแคว้นมคธ ได้ทุกแห่งหน. บทว่า ปลาลจฺฉนฺนโก เสยฺยํ ยถญฺเญ สุขชีวิโน ความว่า พระเถระประกาศ ภิกษุทั้งหลายผู้อยู่สุขสบายเหล่าอื่นได้เสนาสนะอันเป็นที่สบายแล้วย่อมนอนโดยมีความสุข เพราะเครื่องลาดและผ้าห่มที่ดีฉันใด แม้ข้าพระ จบอรรถกถาโมฆราชเถรคาถา ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา ทุกนิบาต วรรคที่ ๕ ๔. โมฆราชเถรคาถา จบ. |