บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อรรถกถาปริปุณณกเถรคาถา เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร? แม้พระเถระนี้ก็เป็นผู้มีอธิการอันกระทำแล้วในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ บังเกิดในเรือนแห่งตระกูล ใน ด้วยบุญกรรมนั้น เขาบังเกิดในหมู่เทพทั้งหลาย กระทำบุญแล้ว ท่องเที่ยวไปๆ มาๆ อยู่แต่ในสุคติภพอย่างเดียว เกิดในตระกูลแห่งเจ้าศากยะในพระนครกบิลพัสดุ์ ในพุทธุปบาทกาลนี้ ถึงความเป็นผู้รู้แล้ว ปรากฏนามว่าปริปุณณกะ เพราะความเป็นผู้มีสมบัติบริบูรณ์. เขาบริโภคอาหาร ชื่อว่าสตรส ตลอดกาลทั้งปวง เพราะเป็นผู้สมบูรณ์ สมดังคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า๑- เมื่อพระองค์ผู้เป็นนาถะของโลกทรงพระนามว่าธรรมทัสสี ผู้ประเสริฐกว่านระ ปรินิพ พระพุทธเจ้าน่าอัศจรรย์หนอ พระธรรมน่าอัศจรรย์หนอ ความถึงพร้อมแห่งพระศาสดาน่าอัศจรรย์หนอ เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระสถูป. ในกัปที่ ๙๔ แต่ภัทรกัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช ๑๖ พระองค์พระนามว่า "ถูปสิขะ" มีพลมาก. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เรากระทำสำเร็จแล้ว ดังนี้. ____________________________ ๑- ขุ. อ. เล่ม ๓๒/ข้อ ๑๔๔ ก็พระเถระครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว เมื่อจะเปล่งอุทานที่เปล่งออกด้วยกำลังแห่งปีติ โดยมีความเคารพและความนับถืออย่างมากในพระธรรม ได้กล่าวคาถาว่า สุธาโภชน์มีรสตั้งร้อยที่เราบริโภคในวันนี้ ก็ไม่เหมือน อมตธรรมที่เราได้บริโภค พระธรรมที่พระพุทธเจ้า ผู้โคตมโคตร ทรงเห็นซึ่งธรรมหาประมาณมิได้ ทรง แสดงไว้แล้ว ดังนี้. บทว่า สตรสํ ได้แก่ โภชนะมีรสตั้ง ๑๐๐. บางอาจารย์กล่าวว่า โภชนะที่เขาจัดปรุงด้วยเนยใสที่หุงแล้วตั้ง ๑๐๐ ครั้งเป็นต้น ชื่อว่าสตรสโภชนะ โภชนะที่มีรสตั้ง ๑๐๐. อีกอย่างหนึ่ง ศัพท์ว่า สต มีอรรถเป็นอเนก ดังในประโยคมีอาทิว่า สตโส สหสฺสโส. เพราะเหตุนั้น โภชนะใดมีสูปะเป็นอเนก มีโภชนะเป็นอเนก โภชนะนั้น ท่านเรียกว่าสตรส เพราะมีรสมิใช่น้อย. อธิบายว่า ได้แก่โภชนะที่มีรสต่างๆ กัน. ข้าวที่สะอาดนั่นเอง เรียกว่าสุธาโภชน์ ชื่อว่าเป็นอาหารของเทวดาทั้งหลาย. บทว่า ยํ มยชฺช ปริภุตฺตํ ความว่า สุธาโภชน์ที่มีรสตั้ง ๑๐๐ ใดอันเราบริโภคแล้วในวันนี้. ก็บทว่า ยํ มยา ปริภุตฺตํ นี้พึงประกอบเข้าแม้ในบทว่า สตรสํ สุธนฺนํ นี้ด้วย. ท่านกล่าวคำอธิบายไว้ดังนี้ว่า ก็นิพพานสุขใดอันสงบประณีตล่วงส่วนทีเดียว อันเราเสวยอยู่ในวันนี้คือในบัดนี้ ด้วยสามารถแห่งการเข้านิโรธสมาบัติ นิพพานสุขนั้นอันเรารู้แล้ว คือกำหนดแล้ว ได้แก่อบรมดีแล้วฉันใด โภชนะมีรสตั้ง ๑๐๐ อันเราบริโภคแล้วในเวลาครองราชย์ก็ดี และสุธาโภชน์ที่เราบริโภคแล้วในอัตภาพของเทวดาก็ดี ก็ฉันนั้น ประมาณไม่ได้ คือกำหนดไม่ได้. เพราะเหตุไร? เพราะนิพพานสุขนี้อันพระอริยเจ้าทั้งหลายเสพแล้ว ไม่เป็นที่ตั้งแห่งกิเลสทั้งหลาย แต่โภชนะมีรสตั้งร้อยนั้นอันปุถุชนเสพแล้วเป็นไปกับด้วยอามิส (และ) เป็นที่ตั้งของกิเลสทั้งหลาย โภชนะที่มีรสตั้งร้อยจึงไม่เข้าถึงการนับ คือไม่ถึงเสี้ยว ได้แก่ไม่เข้าถึงส่วนแห่งเสี้ยวของนิพพานสุขนั้น. บัดนี้ พระเถระเมื่อจะแสดงธรรมที่ท่านกล่าวว่า สุธาโภชน์ที่มีรสตั้งร้อยที่เราบริโภคในวันนี้ ดังนี้ จึงกล่าวว่า พระธรรมที่พระพุทธเจ้าผู้โคตมโคตรทรงเห็นซึ่งประมาณมิได้ ทรงแสดงไว้แล้ว ดังนี้. ความของคาถานั้นประกอบสัมพันธ์ดังนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นพระนิพพานอันหาประมาณมิได้ กำหนดไม่ได้ ชื่อว่าสงบแล้ว เพราะไม่มีความเกิดขึ้นและความสิ้นไป เป็นอสังขตธาตุ ด้วยพระสยัมภูญาณคือทรงเห็นซึ่งไญยธรรมอันหาประมาณมิได้ คือมีประมาณหาที่สุดมิได้ เพราะเหตุนั้น ธรรมอันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้โคตมโคตร ผู้มีปกติเห็นธรรมอันหาประมาณมิได้พระองค์นั้น ทรงแสดงแล้วด้วยดี โดยนัยมีอาทิว่า ธรรมเป็นที่สิ้นไป เป็นที่สำรอกกิเลส ไม่ตาย ประณีตดังนี้บ้าง ว่าทำให้สร่างเมา กำจัดความระหายดังนี้บ้าง ว่าเป็นที่เข้าไปสงบแห่งสังขารทั้งปวงดังนี้บ้าง พระนิพพาน (นั้น) อันเราเสวยแล้วในวันนี้. จบอรรถกถาปริปุณณกเถรคาถา ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา เอกกนิบาต วรรคที่ ๑๐ ๑. ปริปุณณกเถรคาถา จบ. |