บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร? แม้พระเถระนี้ก็เป็นผู้มีอธิการอันกระทำแล้วในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมกุศลอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้ในภพนั้นๆ บังเกิดในกำเนิดราชสีห์ ใน วันหนึ่งเห็นพระศาสดาประทับนั่ง ณ โคนไม้ต้นหนึ่งในป่า คิดว่า พระศาสดาพระองค์นี้แลเป็นผู้สูงสุดกว่าสัตว์ทั้งปวง เป็นบุรุษผู้สีหะในกาลนี้ ดังนี้แล้วเป็นผู้มี ด้วยบุญกรรมนั้น เขาท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เกิดในตระกูลเศรษฐี ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้มีนามว่าอัชชุนะ. เขาถึงความเป็นผู้รู้แล้ว เป็นผู้มีความสนิทสนมกับพวกนิครนถ์ บวชใน (ลัทธิ) นิครนถ์ แต่ในเวลาที่ยังเล็กอยู่นั่นแล ด้วยคิดว่า เราจักบรรลุอมตธรรมด้วยอุบายอย่างนี้ เมื่อไม่ได้สาระในลัทธินั้น เห็นยมกปาฏิหาริย์ ได้มีศรัทธาจิตแล้ว บวชในพระศาสนา ปรารภวิปัสสนา ได้เป็นพระอรหัตต่อกาลไม่นานนัก. สมดังคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า๑- เวลานั้นเราเป็นราชสีห์ พระยาเนื้อมีสกุล เราแสวงหาห้วงน้ำแห่งภูเขา ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นนายกของโลก จึงดำริว่า พระมหาวีรเจ้าพระองค์นี้ ย่อมยังมหาชนให้ดับเข็ญ อยู่เย็นเป็นสุขได้ ถ้าเช่นนั้น เราพึงเข้าไปเฝ้าพระองค์ผู้ประเสริฐกว่าเทวดา ผู้องอาจกว่านระเถิด เราจึงหักกิ่งรังแล้ว และในกัปที่ ๙ แต่ภัทรกัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ พระองค์มีนามว่าวิโรจนะ มีพลมาก. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เรากระทำสำเร็จแล้ว ดังนี้. ____________________________ ๑- ขุ. อ. เล่ม ๓๒/ข้อ ๑๔๑ ก็พระเถระครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว เมื่อเปล่งอุทานด้วยกำลังแห่งปีติอันเกิดจากการบรรลุความสุขอันยอดเยี่ยม ได้กล่าวคาถาว่า เราอาจยกตนจากน้ำคือกิเลส ขึ้นบนบกคือพระนิพพานได้ เหมือนคนที่ถูกห้วงน้ำใหญ่พัดไปแล้วยกตนขึ้นจากน้ำ ฉะนั้น เราแทงตลอดสัจจะทั้งหลายแล้ว. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อสกฺขึ แปลว่า เราสามารถ. ศัพท์ว่า วต เป็นนิบาตใช้ในการแสดงความอัศจรรย์. เพราะว่า การแทงตลอดอริยสัจนี้พึงเป็นสิ่งน่ามหัศจรรย์. ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอจะสำคัญความข้อนี้เป็นไฉน? อย่างไหนจะทำได้ยากกว่ากัน หรือจะทำให้เกิดขึ้นได้ยากกว่ากัน คือ การแทงปลายขนทรายด้วยปลายขนทรายที่แบ่งออกแล้วเป็น ๗ ส่วน ดังนี้. บทว่า อตฺตานํ ท่านกล่าวหมายถึงจิตที่เป็นไปในภายในอันแน่นอน เพราะไม่มีสภาพอื่นที่จะเป็นอัตตา. บทว่า อุทฺธาตุํ แปลว่า เพื่อยกขึ้น. บางแห่ง ปาฐะเป็น อุทฺธฏฺํ. บทว่า อุทกา ได้แก่ จากน้ำกล่าวคือห้วงแห่งสงสาร. บทว่า ถลํ ความว่า สู่บกคือพระนิพพาน. บทว่า วุยฺหมาโน มโหโฆว ความว่า เหมือนคนที่ลอยไปในห้วงน้ำใหญ่. ท่านกล่าวอธิบายไว้ดังนี้ เปรียบเหมือนบุรุษที่ถูกกระแสน้ำพัดลอยไปโดยเร็วในห้วงน้ำใหญ่ ทั้งลึกทั้งกว้าง ไม่มีเกาะแก่งอันเป็นแหล่งพักพิง ได้เรือที่มั่นคง แข็งแรง สมบูรณ์ด้วยพายและถ่อที่ผู้หวังจะช่วยเหลือบางคนนำไปให้ พึงสามารถเพื่อยกตนขึ้นจากน้ำนั้น คือถึงฝั่งโดยง่ายทีเดียวฉันใด เราก็ฉันนั้นเหมือนกันลอยไปด้วยกำลังแห่งอภิสังขารคือกิเลส ในห้วงน้ำใหญ่คือสงสาร ได้เรือคืออริยมรรคอันเข้าถึงสมถะและวิปัสสนา อันพระบรมศาสดาทรงนำไปมอบให้ สามารถเพื่อจะยกตนขึ้นจากน้ำคือกิเลสนั้น คือเพื่อบรรลุถึงฝั่ง คือพระนิพพาน เป็นสิ่งน่าอัศจรรย์. พระเถระกล่าวว่า เราแทงตลอดสัจจะทั้งหลาย ดังนี้ เพื่อแสดงถึงความสามารถตามที่ตนได้แสดงแล้ว. ประกอบความว่า เพราะเหตุที่เราแทงตลอดอริยสัจ ๔ มีทุกขสัจเป็นต้น ด้วยการแทงตลอดด้วยการกำหนดรู้ การละ การทำให้แจ้ง และการเจริญ คือได้รู้แล้วด้วยอริยมรรคญาณ ฉะนั้น เราจึงอาจเพื่อยกตนขึ้นจากน้ำคือกิเลส สู่บกคือพระนิพพาน. จบอรรถกถาอัชชุนเถรคาถา ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรคาถา เอกกนิบาต วรรคที่ ๙ ๘. อัชชุนคาถา จบ. |